ผู้เขียน หัวข้อ: ตอนที่พ่อมาดาจำเป็นต้องรู้ ก่อนกำหนดให้ลูกหลานนั่งคาร์ซีทในรถยนต์  (อ่าน 287 ครั้ง)

sudteen555

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2231
    • ดูรายละเอียด
 

บิดามารดรไม่ชำนาญหลายคนคงเป็นห่วง ยุคที่จะพาเจ้าตัวน้อยขึ้นรถใช่มั้ยหล่ะ หลายครั้งคุณแม่อาจกังวลว่าเข็มขัดนิรภัยจะแน่นเกินไป เป็นเหตุให้ลูกน้อยไม่สบายตัวเหรอเป็นน่ากลัว หรือไม่ก็กังวลไปต่างๆ นานาว่า คาร์ซีท ใช่ไหม เบาะนั่งเด็กในรถ จะดีกับลูกน้อยไหม จะปกป้องรักษาอุบัติเหตุได้จริงหรือ ซึ่งการสงสารนั้นเป็นเรื่องปกติครับ เพราะหากคุณแม่คาดเข็มขัดให้ลูกผิดตำแหน่ง อาจส่งผลต่อหลอดเลือดของลูกจนเป็นภัยได้ ดังนั้น การที่คุณทดสอบที่ตั้งเข็มขัด ชั้นที่นั่งของลูกทุกครั้งเป็นการดีครับ นอกจากข้อเครียดด้านบนแล้ว มาดูกันครับว่ามีวิธีการการใช้ คาร์ซีท ข้อไหนบ้างที่ประสกควรระวัง

1. วางคาร์ซีท ไม่ถูกต้อง ข้อแรกที่จำเป็นจะต้องรู้ก่อนเลยรวมความว่า สัดส่วนของคาร์ซีทที่เราจ่ายเงินมานั้น เล็กกับเบาะรถรึเปล่า พร้อมทั้งต้องทำการประดิษฐานยื่นให้เที่ยงตรงด้วย ก็เพราะว่าคาร์ซีทมีทั้งแบบหันหน้าและหันหลัง หากคาร์ซีทเป็นพรรณไหน ควรติดตั้งทิศทางให้ถูกต้อง นอกจากนี้ ควรสืบสวนดูสายคาดให้อยู่ในตำแหน่งที่เป็นการสมควร ศักยล็อคได้เด็ดเดี่ยว ถ้าคุณแม่เห็นว่าคาร์ซีทมีความปกติไม่ก็ได้ยินเสียงแปลกๆ สมควรนำคาร์ซีทไปซ่อมหรือไม่ก็เปลี่ยนใหม่ ไม่ควรให้ลูกเต้าใช้ต่อไปครับ หากอยู่ในประกัน ช่างจะซ่อมมอบให้ฟรีครับ

2. ใช้สายคาดผิดทำนอง สปายคาดมิเหมาะเทิบทาบหรือไม่รัดตึงเกินดี บิดรคุณแม่อาจต่อสู้สายคาดโดยจับสายคาดให้ตึง จากนั้นใช้นิ้วจิ้มดู ต่างว่าสายบุ๋มลงมาก ชี้ว่าหลวมเกินดี เพราะคาร์ซีทผังหันหลัง ไม่ทันเวลาควรอยู่ที่สถานะใช่ไหมอยู่ใต้อังสาของลูกเล็กน้อย สมมติว่าเป็นคาร์ซีทแบบหันหน้า สายคาดชอบอยู่ลำดับชั้นเดียวกับหรือเหนือกว่าไหล่ของลูกขอรับกระผม

3. เอื้ออำนวยสายเลือดนั่งลงหันหน้ากะทันหันเกินพอดี พ่อมาตุเรศหลายคนอาจหาญเคยได้ยินมาว่า ช่วงขวบปีแรกชอบให้ลูกนั่งหันหลัง ตราบเท่าที่ลูกจะน้ำหนัก 9-10 กิโล ถึงจะให้นั่งหัน ซึ่งเป็นคตินิยมที่ผิด โดยองค์กรกุมารแพทย์แห่งสหรัฐฯแนะนำตัวว่า ควรให้ลูกหันหลังจนกว่าจะ 2 ขวบ และถ้าหากเป็นไปได้การดำรงตำแหน่งแบบหันหลังนั้นปลอดภัย กับชอบให้ลูกนั่งหันหลังให้นมนานที่สุดเท่าที่จะกระทำการได้ ชนนีหลายคนอาจวิตกว่าถ้าหากลูกตัวใหญ่ขึ้น กล้านั่งหันหลังแล้วรู้สึกว่าขาติดกับพนักเบาะรถใช่ไหมต้องงอขา แต่จริงๆ แล้วสกนธ์ของเด็กทำเป็นยืดงอได้ดีกว่าผู้ใหญ่ ป๋ามาตาไม่ควรลำบากใจในข้อนี้ พอลูกโตเกินกว่าสัดส่วนคาร์ซีท แล้วค่อยให้ลูกนั่งหันหน้ากับเบาะสามัญก็ไม่สายเกินไปครับผม

 4. ส่งมอบลูกนั่งบูสเตอร์ซีทกะทันหันเกินควร บูสเตอร์ซีท รวมความว่าเบาะรองนั่งของเด็กเหตุด้วยใช้ณรถ ใช้เหตุด้วยเด็กระยะปูน 3-12 ขวบ (น้ำหนักเด็กประมาณ 15 – 36 กิโลกรัม) มีเจ้าของของซื้อของขายบางเจ้า พินิตว่าควรให้ลูกนั่งบูสเตอร์ซีทตั้งแต่ลูกวัย 3 ขวบ แต่จริงๆ แล้วควรรอให้ลูกความหนักเบามัตตะ 18 กม.หรืออายุ 4-5 ขวบ ด้วยกันลูกอาจนั่งโดยมีช้าคาดพาดผ่านหน้าอกได้ตราบเท่าการท่องเที่ยว กับแพทย์ยังแนะลู่ทางว่าสายรัดตัวทรง 5 จุดไม่เป็นอันตรายกว่าบูสเตอร์ และพ่อแม่ควรใช้สายรัดตัวจะดีกว่า เนื่องจากทำได้ปกปักรักษาเด็กได้เป็นต่อสายรัดเอวนิรภัยข้าวของบูสเตอร์ซีท เพราะว่าสายรัดตัวทำได้ปกป้องรักษาลำตัวข้างบน ลดการเคลื่อนที่พร้อมด้วยการตีบนหัวและคอลงได้ ระหว่างที่ที่สายรัดเอวนิรภัยรักษา มณฑลทรวงอกพร้อมกับตะโพกแค่นั้น

แน่นอนอยู่ว่าบุพการีอาจจะมิสามารถระแวดระวังอันตรายทุกอย่างที่พร้อมทำร้ายร่างกายลูกได้ อย่างไรก็ดีการที่พ่อคุณแม่ทำได้เลือกใช้เครื่องมือรักษาแผ่นดินประกอบด้วยความสามารถได้อย่างถูกอย่าง ก็นัยว่าเป็นการเสริมการปกป้องภัยให้บุตรได้อีกทางหนึ่งครับ
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : เปลเด็ก

ขอบคุณบทความจาก : http://www.stcslcdparts.com/forum/index.php?topic=217188.new#new

Tags : คาร์ซีทมือสอง,เปลเด็ก

 

Sitemap 1 2 3