ผู้เขียน หัวข้อ: แนวทางเลือกโปรแกรมบัญชีให้เข้ากับร้านค้าของคุณ  (อ่าน 257 ครั้ง)

lnwneverdie2015

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 370
    • ดูรายละเอียด
ปัจจุบัน SME หลายกิจการต่างสรรหาวิธีการที่จะสร้างประสิทธิภาพในการทำงานและประหยัดค่าใช้จ่ายให้น้อยลงที่สุด เพื่อสามารถขับเคี่ยวและรอดชีวิตในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นในเวลานี้ การเปลี่ยนมาใช้ ซอฟแวร์โปรแกรมบัญชีอีกรูปแบบหนึ่งที่ช่วยลดค่าใช้จ่าย แต่กระนั้นซอฟแวร์มีมากมายหลายตัวแทน จะตัดสินใจเลือกอย่างใดจึงจะคุ้มค่ากับเงินลงทุนที่จ่ายไป เราจึงอยากขอแนะนำข้อควรตระหนักเพื่อเป็นแนวทางให้คุณตัดสินใจเลือกโปรแกรมบัญชีที่เหมาะสมกับร้านค้าของคุณ ดังต่อไปนี้ครับ

1.อุตสาหกรรม
กิจการของคุณอยู่ในอุตสาหกรรมไหน เป็นร้านขายย่อย โรงงานผลิต หรือบริษัทให้บริการ ซึ่งแต่ละอุตสาหกรรม ก็มีรูปแบบการบันทึกบัญชีที่แตกต่างกัน นอกจากนี้โปรแกรมเมอร์ จะพัฒนาโปรแกรมบัญชีให้เหมาะสมกับแต่ละประเภทธุรกิจ อย่างไรก็ตาม โปรแกรมบัญชีทั่วไปก็สามารถใช้งานได้ดีกับอุตสาหกรรมหลายๆ ประเภทเช่นเดียวกัน แต่ถ้าท่านต้องการโปรแกรมบัญชีที่มีฟังก์ชั่นลงตัวกับร้านค้าท่าน หรือมีส่วนเบ็ดเตล็ดพิเศษสำหรับกลุ่มธุรกิจบางประเภท เช่น ธุรกิจก่อสร้าง กิจการรับผลิต และกิจการโลจิสติก ควรจ้างโปรแกรมเมอร์มาออกแบบโปรแกรมบัญชีเฉพาะสำหรับธุรกิจท่านจะดีกว่า
2.ขนาด กิจการ
รายละเอียดของการบันทึกบัญชีจะมีความซับซ้อนมากน้อยขึ้นตามขนาดของ กิจการ ท่านเลือกใช้โปรแกรมบัญชีทั่วไป ที่สามารถใช้งานได้กับ บริษัทที่มียอดจำหน่าย เฉลี่ย ล้านบาทต่อปี แต่ถ้าบริษัทมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น มีความซับซ้อนทางบัญชีเพิ่มขึ้น โปรแกรมบัญชี ทั่วๆ ไป อาจจะไม่สามารถตอบโจทย์ เพราะฉะนั้นควร เลือกให้เหมาะสมกับขนาด และโปรแกรมสามารถอัพเกรดรองรับการเติบโตในอนาคตได้เช่นกัน
3.ความต้องการในการใช้งาน
ก่อนการ เลือกซื้อซื้อโปรแกรมบัญชีออนไลน์ควรซักถามว่ามีส่วนใดหรือโมดูลอะไรที่ธุรกิจท่านต้องการ ควรเขียนความต้องการเหล่านี้ คุณลักษณะ หรือรูปแบบที่อยากได้เป็นเรื่องๆ เสียก่อน บางบริษัทอาจจะอยากได้การใช้งานที่ง่ายๆ หน้าต่างโปรแกรมไม่ซับซ้อน ขณะที่กิจการอื่นอาจจะต้องการอินเตอร์เฟสในการจ่ายเงินผ่านเว็บไซต์ หรือการใช้ credit card หรือการจัดการสินค้าคงคลัง หรือสร้างดัดแปลงแก้ไขใบอินวอยซ์ เองได้ ดั้งนั้นควร เลือกโปรแกรมบัญชีที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานเหล่านี้ได้ และเข้ากับกิจการท่าน อย่าจ่ายเงินให้กับฟังก์ชันที่ไม่จำเป็น
4.การดูแลและให้คำปรึกษา
ในเวลาที่คุณมีปัญหาใช้งานโปรแกรมบัญชี บริษัทซอฟแวร์สามารถซับพอร์ท แก้ปัญหาได้รวดเร็วเพียงใด ติดต่อสื่อสารได้ตลอดเวลาหรือไม่ น่าไว้วางใจหรือไม่ มีศูนย์ดูแลในพื้นที่หรือไม่ และที่สำคัญบริษัทพวกนั้น มีผู้ชำนาญการด้านบัญชี คอยให้คำปรึกษาท่านหรือไม่ โดยข้อมูลเหล่านี้สามารถ หาได้ จากอินเตอร์เน็ต หรือสอบถามร้านค้าที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน
5.งบประมาณ
งบประมาณจะเป็นปัจจัยที่ค่อนข้างสำคัญต่อการ ตัดสินใจเลือกโปรแกรมบัญชี โดยโปรแกรมบัญชีทั่วไปจะมีมูลค่าที่ไม่แพงมากนัก แต่ถ้าท่านอยากได้โปรแกรมบัญชีรูปแบบเฉพาะที่ออกแบบ Function การใช้พิเศษ ท่านต้องจ่ายแพงกว่าเสมอ และก่อนจะตัดสินใจซื้อโปรแกรมบัญชีควรทำการวิเคราะห์ความคุ้มค่าขั้นต้น เพื่อจะได้ทราบว่าบริษัทคุณไม่ได้จ่ายค่าโปรแกรมบัญชีแพงเกินความจำเป็น หรือไม่คุ้มค่ากับการใช้งาน
6.โปรแกรมบัญชีมีระยะเวลาทดลองใช้หรือไม่
จะดีมากถ้าท่านได้รับโปรแกรมบัญชีใช้งานฟรีก่อนที่จะซื้อจริง เพราะจะทำให้รู้แง่มุมต่างๆ ทั้งเรื่องความง่ายดายในรูปแบบต่างๆ ปัญหาที่พบ การใช้งาน Function ระบบต่างๆ เหมาะสมหรือไม่ เพราะฉะนั้น ก่อน ซื้อซื้อสอบถามกับบริษัทซอฟแวร์ว่ามีระยะเวลาทดลองฟรีหรือไม่ โดยปรกติจะจะเปิดให้ลูกค้าลองใช้ได้ 1-2 ปี ซึ่งจะเป็นการดีก่อนที่จะเสียเงินซื้อจริง
ในที่สุดแล้วควรสอบถามกิจการอื่นๆ ที่ท่านคุ้นเคยเกี่ยวข้องโปรแกรมบัญชีที่ที่อยู่ในลิส อย่างน้อย 3 กิจการ ควรซักถามเรื่องอุปสรรคการใช้งาน ปัญหาที่พบจากการใช้งาน อะไรที่ควรให้ตัวแทนปรับปรุง หรือการดูแลและให้คำปรึกษาของตัวแทนจำหน่ายเป็นอย่างไร ทั้งนี้หากเป็นไปได้ควรเลือกซื้อโปรแกรมบัญชีที่เป็นที่นิยม มีผู้ใช้จำนวนมาก ซึ่งได้รับการยืนยันว่าเป็นโปรแกรมที่ดี ไม่มีปัญหามาก

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://peakaccountonline.blogspot.com/2015/07/blog-post_5.html

Tags : โปรแกรมบัญชี,โปรแกรมบัญชีออนไลน์,โปรแกรมบัญชีใช้งานฟรี

 

Sitemap 1 2 3