ผู้เขียน หัวข้อ: โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) อาการ, สาเหตุ, การรักษา, วิธีป้องกัน-เเละ สมุน  (อ่าน 246 ครั้ง)

jeerapunsanook

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2181
    • ดูรายละเอียด

โรความดันโลหิตสูง (Hypertension)

  • โรคความคันโลหิตสูง คืออะไร ความดันเลือดสูง ความดันเลือด คือ แรงกดดันเลือด ที่เกิดขึ้นมาจากหัวใจ สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย การวัดความดันโลหิตสามารถทำโดยใช้เครื่องไม้เครื่องมือหลายแบบ แต่ชนิดที่นิยมใช้กันอยู่ทั่วๆไป ตัวอย่างเช่น เครื่องตวงความดันเลือดมาตรฐานชนิดปรอท เครื่องวัดความดันเลือดดิจิตอลจำพวกอัตโนมัติ ค่าของความดันโลหิตมีหน่วยเป็น มม.ปรอท จะมี ๒ ค่า ๑ ความดันตัวบน (ซีสโตลิก) เป็นแรงกดดันเลือด ขณะหัวใจห้องด้านล่างซ้ายบีบตัว  ๒ ความดันตัวล่าง (ไดแอสโตลิก) เป็นแรงกดดันเลือดขณะหัวใจห้องด้านล่างซ้ายคลายตัว  ระดับความดันโลหิตที่จัดว่าสูงนั้น จะมีค่าความดันโลหิตตั้งแต่ 140/90 มม.ปรอท

    ด้วยเหตุนี้โรคความดันเลือดสูง ก็เลยคือโรคหรือภาวการณ์ที่แรงกดดันเลือดในเส้นเลือดแดงมีค่าสูงขึ้นยิ่งกว่าค่ามาตรฐานขึ้นกับกระบวนการวัด โดยถ้าวัดที่สถานพยาบาล ค่าความดันโลหิตตัวบนสูงกว่าหรือพอๆกับ 140 มม. ปรอท(มม.ปรอท, MMhg) และก็/หรือความดันโลหิตตัวด้านล่างสูงขึ้นยิ่งกว่าหรือเท่ากับ 90 มิลลิเมตรปรอท อย่างต่ำ 2 ครั้ง แม้กระนั้นถ้าหากเป็นการวัดความดันเองที่บ้านค่าความดันโลหิตตัวบนสูงขึ้นมากยิ่งกว่าหรือพอๆกับ 135 มิลลิเมตรปรอทและก็/หรือความดันเลือดตัวด้านล่างสูงกว่าหรือพอๆกับ 85 มม.ปรอทฯลฯ ดังตารางที่ 1




     


    SBP


    DBP




    Office or clinic
    24-hour
    Day
    Night
    Home


    140
    125-130
    130-135
    120
    130-135


    90
    80
    85
    70
    85




    หมายเหตุ SBP=systolic blood pressure, DBP=diastolic blood pressure
    ปี 2556คนไทยป่วยเป็นโรคความดันเลือดเกือบ 11 ล้านคน เสียชีวิต 5,165 คน รวมทั้งพบป่วยไข้ราย ใหม่เพิ่มเกือบจะ 1 แสนคน จำนวนร้อยละ 50 ไม่รู้ตัวเนื่องจากไม่เคยตรวจสุขภาพ ในกลุ่มที่ป่วยแล้วพบว่ามีเพียง 1 ใน 4 ที่ควบคุมความดันได้ ที่เหลือยังมีการกระทำน่าห่วงองค์การอนามัยโลกรายงานว่า โรคความดันเลือดสูงเป็น 1 ในสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้พลเมืองอายุสั้น ทั่วโลกมีผู้ที่เป็นโรคความดันเลือดสูงถึง 1,000 ล้านคน เสียชีวิตปี ละเกือบ 8 ล้านคน เฉลี่ยประมาณนาทีละ 15 คน โดย 1 ใน 3 พบในวัย ผู้ใหญ่และคาดว่า ในปีพุทธศักราช2568 ราษฎรวัยผู้ใหญ่ทั้งโลกจะป่วยเป็นโรคนี้เพิ่ม 1,560 ล้านคน

  • สาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตสูงแบ่งแยกตามสาเหตุการเกิด แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
  • ความดันโลหิตสูงชนิดไม่เคยทราบต้นสายปลายเหตุ (primary or essential hypertension) พบได้ราวๆปริมาณร้อยละ95 ของจำนวนคนแก่โรคความดันเลือดสูงทั้งปวงส่วนใหญ่พบในผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปรวมทั้งเจอในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ปัจจุบันยังไม่เคยรู้สาเหตุที่แจ่มแจ้งแต่ว่าอย่างไร ตามคณะกรรมการร่วมแห่งชาติด้านการคาดคะเนแล้วก็รักษาโรคความดันเลือดสูง ของอเมริกา พบว่ามีสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่างๆที่เกี่ยวเนื่องและก็ส่งเสริมให้เกิดโรคความดันเลือดสูง อาทิเช่น พันธุกรรมความอ้วน การมีไขมันในเลือดสูงการรับประทานอาหารที่มีรสเค็มจัดการไม่บริหารร่างกาย การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์การสูบยาสูบความเครียดอายุและก็มีประวัติครอบครัวเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคหัวใจแล้วก็เส้นเลือดซึ่งความดันโลหิตสูงจำพวกไม่เคยทราบต้นเหตุนี้คือปัญหาสำคัญที่จะต้องให้การวินิจฉัยรักษาแล้วก็ควบคุมโรคให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ความดันเลือดสูงจำพวกรู้สาเหตุ(secondary hypertension) ได้น้อยราวๆร้อยละ5-10 ส่วนใหญ่มีสาเหตุเกิดจากการมีพยาธิภาวะของอวัยวะต่างๆภายในร่างกายโดยจะมีผลส่งผลให้เกิดแรงกดดันเลือดสูงส่วนใหญ่ บางทีอาจเกิดพยาธิภาวะที่ไตต่อมหมวกไตโรคหรือความแตกต่างจากปกติของระบบประสาทความแปลกของฮอร์โมนโรคของต่อมไร้ท่อร่วมโรคท้องเป็นพิษการบาดเจ็บของหัวยา แล้วก็สารเคมีเป็นต้น โดยเหตุนี้เมื่อได้รับการรักษาที่มูลเหตุระดับความดันเลือดจะลดลงปกติแล้วก็สามารถรักษาให้หายได้


เพราะฉะนั้นจึงสรุปได้ว่า โรคความดันเลือดสูงส่วนมากจะไม่มีปัจจัย การควบคุมระดับความดันโลหิตเจริญ จะสามารถช่วยลดภาวะแทรกซ้อน และการเสียชีวิตจากโรคระบบหัวใจ แล้วก็เส้นเลือดลงได้

  • ลักษณะของโรคความดันโลหิตสูง จุดสำคัญของโรคความดันโลหิตสูงเป็น เป็นโรคที่มักไม่มีอาการ และที่เป็นโรคเรื้อรังที่รุนแรง (ถ้าไม่สามารถควบคุมโรคได้) แต่ว่ามักไม่มีอาการ แพทย์บางคนจึงเรียกโรคความดันเลือดสูงว่า “เพชฌฆาตเงียบ (Silent killer)” ทั้งนี้ส่วนใหญ่ของอาการจากโรคความดันเลือดสูง เป็นอาการจากผลกระทบ อย่างเช่น จากโรคหัวใจ และก็จากโรคเส้นเลือดในสมอง หรือ เป็นอาการจากโรคที่เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยง ยกตัวอย่างเช่น อาการจากเบาหวาน หรือ จากโรคอ้วน หรือเป็นอาการจากโรคที่เป็นสาเหตุ ได้แก่ โรคเนื้องอกต่อมใต้สมอง


อาการและอาการแสดงที่พบมาก ผู้เจ็บป่วยที่มีความดันเลือดสูงเล็กน้อยหรือปานกลางไม่เจออาการแสดงเจาะจงที่แสดงว่ามีภาวะความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่ การวิเคราะห์พบได้มากได้จากการที่คนไข้มาตรวจตามนัดหมายหรือพบบ่อยร่วมกับที่มาของอาการอื่นซึ่งไม่ใช่ความดันเลือดสูง สำหรับคนไข้ที่หรูหราความดันเลือดสูงมากหรือสูงในระดับร้ายแรงแล้วก็เป็นมานานโดยเฉพาะในรายที่ยังไม่เคยได้รับการดูแลรักษาหรือรักษาแต่ไม่สม่ำเสมอหรือเปล่าได้รับการดูแลและรักษาที่ถูกต้องสมควรพบได้ทั่วไปมีลักษณะ ดังต่อไปนี้

  • ปวดศีรษะพบบ่อยในคนป่วยที่มีระดับความดันโลหิตสูงรุนแรง โดยลักษณะอาการปวดศีรษะมักปวด ที่บริเวณท้ายทอยโดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่ตื่นนอนในช่วงเวลาเช้าต่อมาอาการจะค่อยๆดีขึ้นจนกระทั่งหายไปเองภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงรวมทั้งอาจพบมีลักษณะอาเจียนอาเจียนตาฟางมัวด้วยโดยพบว่าลักษณะของการปวดศีรษะเกิด จากมีการเพิ่มแรงกดดันในกะโหลกศีรษะมากในช่วงระยะเวลาหลังจากที่ตื่นนอนขึ้นมาแล้วเพราะในตอนกลางคืนขณะกำลังหลับศูนย์ควบคุมการหายใจในสมองจะลดการกระตุ้น จึงทำให้มีการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์ส่งผลทำให้เส้นโลหิตทั่ว ร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมองขยายขนาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจึงเพิ่มแรงกดดันในกะโหลกศีรษะ
  • เวียนหัว (dizziness) เจอเกิดร่วมกับลักษณะของการปวดศีรษะ
  • เลือดกา เดาไหล(epistaxis)
  • หอบขณะทา งานหรืออาการเหนื่อยนอนราบไม่ได้แสดงถึงการมีภาวะหัวใจห้องข้างล่างซ้ายล้มเหลว
  • อาการอื่นๆที่บางทีอาจเจอร่วมเช่นลักษณะของการเจ็บทรวงอกชมรมกับภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด จากการมีเส้นเลือดหัวใจตีบหรือจากการมีกล้ามเนื้อหัวใจหนามากจากภาวะความดันโลหิตสูงที่เป็นมานานๆ


ด้วยเหตุนี้หากมีภาวการณ์ความดันเลือดสูงอยู่เป็นระยะเวลาที่ยาวนานๆจึงอาจมีผลต่ออวัยวะที่สำคัญต่างๆของร่างกายก่อให้เกิดความเสื่อมภาวะถูกทำลายแล้วก็บางทีอาจเกิดภาวะสอดแทรกตามมาได้
ภาวะแทรกซ้อนของโรคความดันโลหิตสูง ในคนเจ็บโรคความดันโลหิตสูงบางรายอาจไม่เจอมีอาการหรืออาการแสดงใดๆก็ตามและก็บางรายอาจ เจออาการแสดงจากภาวะแทรกซ้อนของโรคความดันเลือดสูงต่ออวัยวะต่างๆได้ดังต่อไปนี้

  • สมองความดัน เลือดสูงจะทา ให้ฝาผนังหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงสมองมีลักษณะครึ้มตัวแล้วก็แข็งข้างในเส้นโลหิตตีบแคบรูของเส้นเลือดแดงแคบลงทา ให้การไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมองต่ำลงและขาดเลือดไปเลี้ยง นำมาซึ่งภาวะสมองขาดเลือดไปเลี้ยงชั่วครั้งคราวผู้ป่วยที่มีสภาวะความดันโลหิตสูงจึงได้โอกาสกำเนิดโรคเส้นโลหิตสมอง (stroke) ได้มากกว่า บุคคลปกติ


ยิ่งกว่านั้นยังเป็นเหตุให้มีการเปลี่ยนแปลงที่ผนังเซลล์สมองทา ให้เซลล์สมองบวมคนเจ็บจะมีอาการแตกต่างจากปกติของระบบประสาทการรับทราบความทรงจำลดน้อยลงและก็อาจรุนแรงเสียชีวิตได้ ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตถึงจำนวนร้อยละ50 และมีผลทำให้ผู้ที่มีชีวิตรอดเกิดความพิการตามมา

  • หัวใจ ระดับความดันโลหิตสูงเรื้อรังจะส่งผลทา ให้ผนังเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจหนาตัวขึ้นจำนวนเลือดเลี้ยงหัวใจต่ำลงหัวใจห้องข้างล่างซ้ายทำงานมากมาขึ้น จะต้องบีบตัวเพิ่มขึ้นเพื่อต้านแรงกดดันเลือดในเส้นโลหิตแดงที่มากขึ้นด้วยเหตุดังกล่าว ในระยะเริ่มต้นกล้ามเนื้อหัวใจจะปรับตัวจากภาวการณ์ความดันโลหิตสูงโดยหัวใจบีบตัวเพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถต้านกับความต้านทานที่เพิ่มมากขึ้นรวมทั้งมีการขยายตัวทำให้เพิ่มความครึ้มของฝาผนังหัวใจห้องข้างล่างซ้ายก่อให้เกิดภาวะหัวใจห้องล่างซ้ายโต (left ventricular hypertrophy) หากยังมิได้รับการดูแลรักษารวมทั้งเมื่อกล้ามเนื้อหัวใจไม่อาจจะขยายตัวได้อีก จะมีผลให้หลักการทำงานของหัวใจไม่มี
สมรรถนะเกิดภาวะหัวใจวายกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวและก็เสียชีวิตได้

  • ไต ระดับความดันโลหิตเรื้อรังมีผลทำให้มีการเกิดการเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงไตดกตัวแล้วก็แข็งขึ้น เส้นเลือดตีบแคบลงทำให้หลอดเลือดแดงเสื่อมจากการไหลเวียนของจำนวนเลือดไปเลี้ยงไตลดน้อยลงประสิทธิภาพการกรองของเสียลดลงรวมทั้งทา ให้มีการคั่งของเสียไตสลายตัว รวมทั้งขายหน้าขายตาที่เกิดภาวการณ์ไตวายและได้โอกาสเสียชีวิตได้ มีการเรียนพบว่าผู้ป่วยโรคความดันเลือดสูงประมาณจำนวนร้อยละ10 มักเสียชีวิตด้วยภาวการณ์ไตวาย
  • ตา ผู้เจ็บป่วยที่มีสภาวะความดันโลหิตสูงร้ายแรงรวมทั้งเรื้อรังจะก่อให้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของฝาผนังหลอดเลือดที่ตาหนาตัวขึ้นมีแรงกดดัน ในหลอดเลือดสูงขึ้นมีการเปลี่ยนของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงตาตีบลงเส้นเลือดฝอยตีบแคบอย่างเร็วมีการหดเกร็งเฉพาะที่อาจมีเลือดออกที่เรตินาทำให้มีการบวมของจอภาพนัตย์ตา หรือจอประสาทตาบวม (papilledema) ทำให้การมองเห็นลดน้อยลงมีจุดบอดบางจุดที่ลานสายตา (scotomata) ตามัวแล้วก็ได้โอกาสตาบอดได้
  • เส้นเลือดภายในร่างกาย ความดันเลือดสูงจากแรงต้านทานหลอดเลือดส่วนปลายเพิ่มขึ้นผนังเส้นเลือดดกตัวจากเซลล์กล้ามเนื้อเรียบถูกกระตุ้น ให้เจริญก้าวหน้าเพิ่มขึ้นหรืออาจเป็นเพราะเนื่องจากมีไขมัน ไปเกาะผนังหลอดเลือดทำให้หลอดเลือดแดงแข็งตัว (artherosclerosis) มีการเปลี่ยนแปลงของผนังเส้นโลหิตดกและตีบแคบการไหลเวียนของโลหิตไป เลี้ยงสมองหัวใจไตแล้วก็ตาลดลงทา ให้เกิดภาวะเข้าแทรกของอวัยวะดังกล่าวมาแล้วข้างต้นตามมาไดแก้โรคหัวใจและก็
หลอดเลือดโรคเส้นเลือดสมองแล้วก็ไตวายฯลฯ

  • ปัจจัยเสี่ยงที่จะนำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคความดันเลือด สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง อย่างเช่น กรรมพันธุ์ ช่องทางมีความดันเลือดสูง จะสูงมากขึ้นเมื่อมีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ เบาหวาน เพราะว่านำไปสู่การอักเสบ ตีบแคบของหลอดเลือดต่างๆและก็เส้นโลหิตไต โรคอ้วน และน้ำหนักตัวเกิน เนื่องจากเป็นสาเหตุสำคัญของโรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือดต่างๆตีบจากภาวการณ์ไขมันเกาะผนังเส้นเลือด โรคไตเรื้อรัง เพราะว่าจะมีผลถึงการผลิตเอ็นไซม์แล้วก็ฮอร์โมนที่ควบคุมความดันโลหิตดังกล่าวข้างต้นแล้ว โรคนอนแล้วหยุดหายใจ (Sleep apnea) ดูดบุหรี่ ด้วยเหตุว่าพิษในควันจากบุหรี่ส่งผลให้เกิดการอักเสบ ลีบของหลอดเลือดต่าง และก็หลอดเลือดไต และเส้นเลือดหัวใจ การติดสุรา ซึ่งยังไม่เคยทราบกระจ่างถึงกลไกว่าเพราะเหตุใดดื่มสุราแล้วจึงเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดความดันโลหิตสูง แต่การศึกษาเล่าเรียนต่างๆได้ผลตรงกันว่า ติดสุรา จะทำให้หัวใจเต้นแรงกว่าธรรมดา แล้วก็มีโอกาสเป็นโรคความดันโลหิตสูง ถึงราวๆ 50%ของผู้ติดสุราทั้งปวง รับประทานอาหารเค็มบ่อย ตลอด ดังเหตุผลดังได้กล่าวแล้ว ขาดการบริหารร่างกาย เนื่องจากเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคอ้วนแล้วก็โรคเบาหวาน ผลข้างเคียงจากยาบางจำพวก ได้แก่ ยาในกรุ๊ปสเตียรอยด์
  • วิธีการรักษาโรคความดันโลหิตสูง การวินิจฉัยโรคความดันเลือดสูง โรคความดันเลือดสูงวิเคราะห์จากการที่มีความดันโลหิตสูงตลอดระยะเวลา ซึ่งตรวจเจอติดต่อกัน 3 ครั้ง โดยแต่ละครั้งควรห่างกัน 1 เดือน อย่างไรก็แล้วแต่ถ้าหากว่าตรวจเจอว่าความดันเลือดสูงมากมาย (ความดันตัวบนสูงขึ้นยิ่งกว่า 180 mmHg หรือ ความดันตัวด้านล่างสูงยิ่งกว่า 110 mmHg) หรือมีความผิดปกติของหลักการทำงานของอวัยวะจากผลของ   ความดันเลือดสูงร่วมด้วย ก็จัดว่าวินิจฉัยเป็นโรคความดันเลือดสูง และจำเป็นต้องรีบได้รับการรักษา หมอวินิจฉัยโรค   ความดันโลหิตสูงได้จาก ความเป็นมาอาการ ความเป็นมาป่วยอีกทั้งในสมัยก่อนและปัจจุบันนี้ ประวัติการกิน/ใช้ยา การตรวจวัดความดันโลหิต (ควรจะวัดที่บ้านร่วมด้วยถ้าเกิดมีวัสดุ เพราะบางเวลาค่าที่วัดได้ที่โรงหมอสูงกว่าค่าที่วัดเหมาะบ้าน) เมื่อวิเคราะห์ว่าเป็นความดันเลือดสูง ควรตรวจร่างกาย รวมทั้งส่งไปทำการตรวจอื่นๆเพิ่มเติมเพื่อหาต้นสายปลายเหตุ หรือสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยง นอกจากนั้น จำเป็นที่จะต้องตรวจหาผลกระทบของความดันเลือดสูงต่ออวัยวะต่างๆได้แก่ หัวใจ ตา และก็ไต ตัวอย่างเช่น ตรวจเลือดดูค่าน้ำตาลแล้วก็ไขมันในเลือด มองลักษณะการทำงานของไต และก็ค่าเกลือแร่ภายในร่างกาย ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจดูหลักการทำงานของหัวใจ แล้วก็เอกซเรย์ปอด ดังนี้การตรวจเพิ่มอีกต่างๆจะขึ้นอยู่กับอาการคนเจ็บ รวมทั้งดุลยพินิจของหมอเพียงแค่นั้น
สัมพันธ์ความดันเลือดสูงแห่งประเทศไทย ได้แบ่งระดับความรุนแรงของความดันโลหิตสูง ดังนี้




ระดับความรุนแรง


ความดันโลหิตตัวบน


ความดันโลหิตตัวล่าง




ความดันโลหิตปกติ
ระยะก่อนความดันโลหิต
ความดันโลหิตสูงระยะที่ 1
ความดันโลหิตสูงระยะที่ 2


น้อยกว่า 120 และ
120 – 139/หรือ
140 – 159/หรือ
มากกว่า 160/หรือ


น้อยกว่า 80
80 – 89
90 – 99
มากกว่า 100




หมายเหตุ : หน่วยวัดความดันโลหิตเป็น มิลลิเมตรปรอท
ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงควรจะควบคุมระดับความดันโลหิตให้ต่ำยิ่งกว่า 140/90 มม.ปรอทและก็ใน ผู้ที่มีภาวะเสี่ยงควรจะควบคุมระดับความดันโลหิตให้ต่ำลงยิ่งกว่า 130/80 มม.ปรอท แล้วก็ลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงสำหรับการเกิดโรคหัวใจและเส้นโลหิตคุ้มครองความพิกลพิการและลดการเกิดสภาวะแทรกซ้อมต่ออวัยวะแผนการที่สำคัญของร่างกายอย่างเช่นสมองหัวใจไตและก็ตารวมทั้งอวัยวะสำคัญอื่นๆซึ่งสำหรับการรักษาและควบคุมระดับความดันเลือดให้เข้าขั้นธรรมดามี 2 วิธีคือการดูแลรักษาใช้ยาและการดูแลรักษาโดยไม่ใช้ยาหรือขั้นตอนการปรับเปลี่ยนแบบแผนการดำรงชีวิต
การดูแลรักษาโดยวิธีการใช้ยา  (pharmacologic treatment) จุดหมายสำหรับในการลดความดันเลือดโดยการใช้ยาเป็นการควบคุมระดับความดันเลือดให้ลดต่ำลงมากยิ่งกว่า 140/90 มม.ปรอท โดยลดแรงต่อต้านของเส้นเลือดส่วนปลายและเพิ่มปริมาณเลือดที่ออกมาจากหัวใจการเลือกใช้ยา ในคนป่วยโรคความดันเลือดสูงจึงขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผู้เจ็บป่วยแต่ละรายแล้วก็ควรพินิจสาเหตุต่างๆตัวอย่างเช่นความร้ายแรงของระดับความดันโลหิตสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่ออวัยวะสำคัญ โรคที่มีอยู่เดิมสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงอื่นๆซึ่งยาที่ใช้สำหรับการรักษาภาวการณ์ความดันโลหิตสูงสามารถแบ่งได้เป็น 7 กรุ๊ปดังต่อไปนี้
ยาขับเยี่ยว  (diuretics) เป็นกรุ๊ปยาที่นิยมใช้ในผู้เจ็บป่วยที่มีการปฏิบัติงานของไตแล้วก็หัวใจไม่ดีเหมือนปกติ ยากลุ่มนี้ดังเช่นว่า ฟูโรซีมายด์ (furosemide) สไปโรโนแลคโตน(spironolactone) เมโทลาโซน (metolazone)
ยาต้านเบต้า (beta adrenergic receptor blockers) ยากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์โดยรวมกับเบต้าอดรีเนอร์จิกรีเซฟเตอร์  (beta adrenergic receptors) อยู่ที่หัวหัวใจและก็หลอดเลือดแดงเพื่อยับยั้งการโต้ตอบต่อประสาทซิมพาธิติกลดอัตราการเต้นของหัวใจทำให้หัวใจเต้นช้าลงรวมทั้งความดันโลหิตต่ำลง ยาในกลุ่มนี้ เช่น โพรพาโนลอล (propanolol)หรืออะครั้งโนลอล (atenolol)
ยาที่ออกฤทธิ์กีดกันตัวรับแองจิโอเทนสินทู (angiotensin II receptorblockersARBs) ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์ขยายหลอดเลือดโดยไม่ทำให้ระดับของเบรดดีไคนินเพิ่มขึ้นยากลุ่มนี้ อย่างเช่น แคนเดซาแทน  (candesartan), โลซาแทน (losartan) ฯลฯ
ยาต้านทานแคลเซียม (calcium antagonists) ยากลุ่มนี้ยับยั้งการเขยื้อนเข้าของประจุแคลเซียมในเซลล์ทำให้กล้ามเนื้อฝาผนังเส้นเลือดคลายตัวอาจก่อให้อัตราการเต้นของหัวใจช้าลง อย่างเช่น ยาเวอราปาไม่วล์   (verapamil) หรือเนฟเฟดิไต่ (nifedipine)
ยาต้านอัลฟาวันอดรีเนอร์จิก (alpha I-adrenergic blockers) ยามีฤทธิ์ต้านโพสไซแนปติเตียนกอัลฟาวันรีเซฟเตอร์ (postsynaptic alpha 1-receptors) รวมทั้งออกฤทธิ์ขยายหลอดเลือดส่วนปลายทำให้เส้นโลหิตขยายตัว ยาในกลุ่มนี้อาทิเช่น พราโซซีน prazosin) หรือดอกซาโซซีน (doxazosin)
ยาที่ยั้งไม่ให้มีการสร้างแองจิโอเทนซินทู (angiotensin II convertingenzyme ACE inhibitors)ยากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์โดยการยังยั้งแองจิโอเทนซินสำหรับในการแปลงแองจิโอเทนสินวันเป็นแองจิโอเทนซินทูซึ่งเป็นเอ็นไซม์ที่ทำให้เส้นเลือดหดตัว ยาในกลุ่มนี้เป็นต้นว่าอีท้องนาลาพริล (enalapril)
ยาขยายเส้นโลหิต (vasodilators) ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์โดยตรงต่อกล้ามเรียบที่อยู่รอบๆเส้นเลือดแดงทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวรวมทั้งยาต้านทางในผนังหลอดเลือดส่วนปลาย ยาในกลุ่มนี้ดังเช่นไฮดราลาซีน (hydralazine), ไฮโดรคลอไรด์ (hydrochloride), ลาเบลทาลอล (labetalol)
การดูแลรักษาโดยไม่ใช้ยาหรือการปรับเปลี่ยนแบบแผนการดำเนินชีวิต (lifestylemodification)  เป็นความประพฤติสุขภาพที่จำเป็นต้องปฏิบัติเป็นประจำเป็นประจำเพื่อลดความดันเลือด รวมทั้งคุ้มครองภาวะแทรกซ้อนกับอวัยวะสำคัญคนไข้โรคความดันโลหิตสูงทุกราย ควรจะได้รับข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงแบบแผนการดำเนินชีวิตควบคู่ไปกับการดูแลและรักษาด้วยยา คนไข้ควรมีความประพฤติผลักดันสุขภาพที่แข็งแรง ดังนี้ การควบคุมของกินแล้วก็ควบคุมน้ำหนักตัว  การจำกัดของกินที่มีเกลือโซเดียม  การออกกำลังกาย การงดสูบบุหรี่ การลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์  การจัดการกับความเครียด

  • การติดต่อของโรคความดันโลหิตสูง โรคความดันเลือดสูงเป็นโรคที่เกิดขึ้นมาจาก สภาวะแรงดันเลือดในเส้นเลือดสูงกว่าค่ามาตรฐาน โดยเหตุนั้นโรคความดันเลือดสูงจึงเป็นโรคที่ไม่มีการติดต่อจากคนสู่คนหรือจากสัตว์สู่คน
  • การกระทำตนเมื่อเป็นโรคความดันเลือดสูง เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของการบริโภค
  • การลดหุ่นในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าในขั้นแรกควรจะลดความอ้วน ขั้นต่ำ 5 โล ในคนป่วยความดันเลือดสูง ที่มีน้ำหนักเกิน
  • การลดปริมาณโซเดียม (เกลือ) ในของกิน ลดโซเดียมในของกิน เหลือวันละ 0.5 – 2.3 กรัม หรือ เกลือโซเดียมคลอไรด์ 1.2 – 5.8 กรัม
  • ลดปริมาณแอลกอฮอล์ หรือจำกัดปริมาณแอลกอฮอล์ไม่เกิด 20 – 30 กรัมต่อวันในผู้ชาย หรือ 10 – 20 กรัม ในผู้หญิง


จากการศึกษาเล่าเรียนอาหารสำหรับผู้เป็นโรคความดันเลือดสูงพวกเรามักจะได้ยินชื่อ DASH (Dietary Approaches to stop Hypertension) เป็นของกินที่อุดมไปด้วยผัก ผลไม้ และก็ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ร่วมกับการลดจำนวนไขมัน และไขมันอิ่มตัวในของกิน
ตารางแสดงตัวอย่างของกิน DASH diet/ต่อวัน ได้พลังงาน 2100 กิโลแคลอรี่




หมวดอาหาร


ตัวอย่างอาหารในแต่ละส่วน




ผัก


ผักดิบประมาณ 1 ถ้วยตวง
ผักสุกประมาณ ½ ถ้วยตวง




ผลไม้


มะม่วง ½ ผล ส้ม 1 ลูก เงาะ 6 ผล กล้วยน้ำว้า 1 ผล แตงโม 10 ชิ้น
ฝรั่ง 1 ผลเล็ก มังคุด 1 ผลเล็ก




นม

  • นมพร่องมันเนย
  • นมครบส่วน




 
1 กล่อง (240 ซีซี)
1 กล่อง (240 ซีซี)




ไขมัน
ปลาและสัตว์ปีก


น้ำมัน 5 ซีซี เนย/มาการีน 5 กรัม
ปริมาณ 30 กรัม (ปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะ)




แป้ง,ข้าว,ธัญพืช


ขนมปัง 1 แผ่น ข้าวสวย 1 ทัพพี




 
 
ออกกำลังกาย การบริหารร่างกายสำหรับผู้ที่มีความดันเลือดสูง ควรจะบริหารร่างกายแบบแอโรบิค (แบบใช้ออกสิเจน)เป็นการออกกำลังกายที่มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลาหนึ่งของกล้ามผูกใหญ่ๆซึ่งเป็นการใช้ออกสิเจนสำหรับในการให้พลังงาน จะได้ประโยชน์ต่อระบบหัวใจแบะเส้นเลือด ตัวอย่างเช่น เดิน วิ่ง ว่าย ปั่นจักรยาน ฯลฯ ซึ่งการออกกกำลังกายควรปฏิบัติทุกวี่วัน อย่างน้อยวันละ 30 นาที ถ้าหากว่าไม่มีสิ่งที่ไม่อนุญาต
                บริหารเครียดลดลง การจัดการระงับความเครียดในชีวิตประจำวัน ตามหลักเหตุผลรวมทั้งหลักจิตวิทยามีอยู่ 2 แนวทาง
-              พยายามหลบหลีกเรื่องราวหรือภาวะที่จะทำให้เกิดความตึงเครียดมาก
-              ควบคุมปฏิกิริยาของตนเอง ต่อสิ่งที่รู้สึกทำให้พวกเราเครียด
กินยาและรับการดูแลและรักษาตลอด กินยาตามแพทย์สั่งสม่ำเสมอไม่ขาดยา รวมทั้งพบแพทย์ตามนัดหมายทุกคราว ไม่ควรหยุดยาหรือเปลี่ยนแปลงยาด้วยตัวเอง สำหรับผู้เจ็บป่วยที่ทานยาขับฉี่ ควรรับประทานส้มหรือกล้วยเป็นประจำ เพื่อทดแทนโปแตสเซียมที่สูญเสียไปในฉี่รีบเจอแพทย์ด้านใน 24 ชั่วโมง หรือ เร่งด่วน มีลักษณะดังต่อไปนี้  ปวดศีรษะมากมาย อ่อนเพลียเป็นอย่างมากกว่าปกติมาก เท้าบวม (ลักษณะโรคหัวใจล้มเหลว) เจ็บแน่นหน้าอก ใจสั่น เหงื่อออกมาก จะเป็นลม (อาการจากโรคเส้นเลือดหัวใจ ซึ่งต้องเจอแพทย์เร่งด่วน) แขน โคนขาแรง บอกไม่ชัดเจน ปากเบี้ยว อาเจียน อาเจียน (อาการจากโรคเส้นเลือดสมอง ซึ่งจำต้องพบแพทย์เร่งด่วน)

  • การป้องกันตัวเองจากโรคความดันโลหิตสูง สิ่งจำเป็นที่สุดที่จะคุ้มครองปกป้องการเกิดโรคความดันโลหิตสูง คือการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตหัวข้อการรับประทาน การออกกำลังกายโดย


-              ควรควบคุมน้ำหนัก
-              ทานอาหารที่มีสาระ ครบทั้ง 5 หมู่ ในปริมาณที่เหมาะสม เพิ่มผักผลไม้ในมื้ออาหารชนิดไม่หวานมากให้มากมายๆ
-              ออกกำลังกาย โดยออกนานกว่า 30 นาที และออกเกือบทุกวัน
-              ลดจำนวนเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
-              พักให้พอเพียง
-              รักษาสุขภาพจิต และก็อารมณ์
-              ตรวจสุขภาพรายปี ซึ่งรวมถึงวัดความดันโลหิต เริ่มได้ตั้งแต่อายุ 18-20 ปี หลังจากนั้นตรวจสุขภาพบ่อยมากตามแพทย์ รวมทั้งพยาบาลแนะนำ
-              ลดของกินเค็ม หรือโซเดียมคลอไรด์ น้อยกว่า 6 กรัม ต่อวัน) ทานอาหารพวกผัก รวมทั้งผลไม้มากขึ้นเรื่อยๆ
ข้อเสนอสำหรับในการลดการบริโภคเกลือรวมทั้งโซเดียม :-
เลือกซื้อผัก ผลไม้รวมทั้งเนื้อสัตว์ที่สดใหม่แทนแนวทางในการเลือกซื้ออาหารกระป๋อง ผักดองและก็อาหารสำเร็จรูป
ถ้าหากจำเป็นต้องเลือกซื้ออาหารบรรจุกระป๋องหรืออาหารสำเร็จรูปควรอ่านฉลากของกินทุกคราว รวมทั้งเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณโซเดียมต่ำหรือน้อย (สำหรับประชาชนทั่วๆไปควรบริโภคเกลือไม่เกินวันละ 1 ช้อนชา หรือน้อยกว่า 6 กรัมต่อวัน) ล้างผักแล้วก็เนื้อสัตว์ที่ใช้ประกอบอาหารให้สะอาด เพื่อชำระล้างเกลือออก ลดการใช้เกลือและก็เครื่องปรุงรส หันมาใช้เครื่องเทศรวมทั้งสมุนไพรที่มีจำนวนโซเดียมต่ำ เช่น หัวหอม กระเทียม ขิง พริกไทย มะนาว ผงกระหยี แทนไม่วางภาชนะหรือขวดใส่เกลือและก็เครื่องปรุงรสต่างๆดังเช่นว่า ซอส  ซีอิ๊วขาวแล้วก็น้ำปลาไว้บนโต๊ะอาหารทุกมื้อชิมของกินก่อนกิน ฝึกการกินอาหารที่มีรสชาติพอเหมาะพอควร ไม่เค็มจัดหรือหวานจัด ทำกับข้าวกินอาหารเองแทนการรับประทานอาหารนอกบ้าน    หรือการซื้ออาหารสำเร็จรูป
อาหารที

 

Sitemap 1 2 3