“อยากลงทุน แต่ไม่อยากเสี่ยง!” คำถามนี้เกิดขึ้นเสมอกับนักลงทุนมือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ แต่ยังต้องการเพิ่มมูลค่าเงินออมหรือสร้างรายได้แบบ Passive Income
การลงทุนมีหลากหลายประเภทที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดความเสี่ยง มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง!

1. การฝากเงินในธนาคาร
วิธีง่ายๆ และปลอดภัยสำหรับมือใหม่คือ ฝากเงินในบัญชีธนาคาร โดยเฉพาะฝากประจำที่ให้ดอกเบี้ยสูงกว่าออมทรัพย์ทั่วไป และยังได้รับการคุ้มครองเงินฝากสูงสุด 1 ล้านบาท
2. พันธบัตรและตราสารหนี้
การลงทุนซื้อพันธบัตรรัฐบาล หรือตราสารหนี้ของบริษัทที่น่าเชื่อถือช่วยสร้างรายได้แบบมั่นคงผ่านดอกเบี้ย แม้ผลตอบแทนจะไม่สูงมาก แต่มีความปลอดภัยสูง
3. สลากออมสิน
สลากออมสิน เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มสีสันในการลงทุน เพราะนอกจากจะได้รับดอกเบี้ยแล้วยังได้ลุ้นรางวัลพิเศษ เช่น รถยนต์หรือเงินสด

4. ประกันชีวิตสะสมทรัพย์
ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ เป็นการลงทุนที่ให้ทั้งความคุ้มครองชีวิตและผลตอบแทนในอนาคต
จ่ายเบี้ยประกันรายเดือนหรือตามความสะดวก
ได้เงินคืนตามสัญญาพร้อมผลตอบแทนเมื่อครบกำหนด

5. กองทุนรวมตลาดเงิน
กองทุนรวมตลาดเงิน เป็นทางเลือกที่มีความเสี่ยงต่ำและให้อัตราผลตอบแทนที่น่าสนใจ เปิดบัญชีลงทุนกองทุนเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝากเงินระยะสั้นและได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากปกติ

เคล็ดลับสำหรับมือใหม่:
ศึกษาความเสี่ยงของแต่ละประเภทก่อนตัดสินใจ
เริ่มต้นด้วยจำนวนเงินเล็กน้อยเพื่อทดลอง
เลือกการลงทุนที่ตรงกับเป้าหมาย เช่น การออมเงินระยะยาวหรือเพิ่มรายได้ระยะสั้น

มือใหม่สามารถเริ่มต้นลงทุนได้หลากหลายวิธีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเสี่ยง แค่เลือกสิ่งที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความสามารถของตัวเอง แล้วก้าวเข้าสู่โลกการลงทุนอย่างมั่นใจ

ถ้าคุณสนใจลงทุนหุ้นต่างประเทศ แต่กังวลเรื่องวิธีการ ธนาคารกรุงไทยมีทางเลือกที่ช่วยให้นักลงทุนเริ่มต้นได้ง่ายและปลอดภัย ด้วย ตราสาร หุ้น DR คือ DR (Depositary Receipt) และ DRx

ทำไมต้องลงทุนผ่านหุ้นต่างประเทศ DR และ DRx?
สะดวกและเข้าถึงง่าย
นักลงทุนสามารถซื้อขายหุ้นต่างประเทศในตลาดหุ้นไทยได้โดยใช้สกุลเงินบาท
เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
ลงทุนขั้นต่ำเพียง 1 หน่วยสำหรับ DR และ 0.0001 หน่วยสำหรับ DRx
ใช้เงินลงทุนน้อยแต่สามารถเข้าถึงหุ้นระดับโลก
ลดความยุ่งยากเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน
เนื่องจากใช้เงินบาทในการซื้อขาย นักลงทุนไม่ต้องกังวลเรื่องความผันผวนของค่าเงิน

เริ่มต้นลงทุนกองทุนง่าย ๆ ผ่านแอป Krungthai NEXT
เพียงดาวน์โหลดแอปและทำตามขั้นตอน:
เลือกเมนู บริการ > หลักทรัพย์ KTX > เปิดบัญชี
กรอกข้อมูลส่วนตัวและแบบประเมินความเสี่ยง
ตรวจสอบข้อมูลและยืนยัน
เมื่อได้รับอนุมัติ คุณสามารถเริ่มลงทุนใน DR และ DRx ได้ทันที
สอบถามเกี่ยวกับการซื้อกองทุนรวมได้ที่
ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา
Krungthai Contact Center โทร. 02-111-1111
เว็บไซต์ www.krungthai.com

การลงทุนในหุ้นต่างประเทศไม่ยากอย่างที่คิด ด้วยตราสาร DR และ DRx คุณสามารถเริ่มต้นได้ทันที พร้อมเพิ่มโอกาสเติบโตให้พอร์ตการลงทุนของคุณ

หุ้นต่างประเทศ เป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับคนไทยในปัจจุบัน เพราะให้โอกาสเข้าถึงบริษัทชั้นนำระดับโลก เช่น Apple, Tesla, หรือ Alibaba แต่สำหรับมือใหม่ที่อยากเริ่มลงทุน ควรทำความเข้าใจเรื่องพื้นฐานเหล่านี้ก่อน

4 เรื่องที่มือใหม่ต้องรู้ก่อนลงทุนกองทุน ลงทุนหุ้นต่างประเทศ

ค่าเงินและความเสี่ยง
การลงทุนหุ้นต่างประเทศใช้เงินสกุลต่างประเทศ เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินอาจผันผวน ซึ่งมีผลต่อผลตอบแทนที่คุณจะได้รับ
ต้นทุนค่าธรรมเนียม
อย่าลืมรวมค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่น ค่าบริการโบรกเกอร์และค่าธรรมเนียมการโอนเงิน เพื่อคำนวณต้นทุนที่แท้จริง
เวลาเปิด-ปิดของตลาด
ตลาดหุ้นต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ และยุโรป เปิดทำการต่างเวลาจากไทย อาจต้องปรับตารางเวลาในการติดตามข่าวสาร
เลือกช่องทางลงทุนที่เหมาะสม
มี 3 ช่องทางหลักที่มือใหม่สามารถเริ่มต้นได้:
กองทุนรวม: ผู้จัดการกองทุนจะดูแลทุกขั้นตอน เหมาะสำหรับผู้ไม่มีเวลาศึกษาเอง
ซื้อหุ้นเองผ่านโบรกเกอร์: เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความอิสระ แต่ต้องมีความรู้ด้านการลงทุน DR และ DRx: ลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้ง่าย ๆ ผ่านธนาคารกรุงไทย
ทำไมหุ้นชนิด DR และ DRx เหมาะกับมือใหม่?
เปิดบัญชีลงทุนหุ้นไม่ต้องเลือกหุ้นเอง
ธนาคารช่วยดูแลการลงทุน การจ่ายเงินปันผล และสภาพคล่อง

เริ่มต้นง่าย ๆ ผ่านแอป Krungthai NEXT
ขั้นตอนเริ่มต้นลงทุน ซื้อกองทุน DR กับกรุงไทย
เปิดบัญชีผ่าน Krungthai NEXT
เลือก DR ที่ต้องการ เช่น หุ้นเทคโนโลยีหรืออุตสาหกรรม
ติดตามผลการลงทุนได้ตลอดเวลา


การลงทุนหุ้นต่างประเทศมีโอกาสและความเสี่ยง ควรกระจายการลงทุนและศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ หากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ติดต่อธนาคารกรุงไทยหรือ Krungthai Contact Center ได้ทุกวัน

โรคร้ายแรงอาจดูเหมือนเรื่องไกลตัว แต่ในความเป็นจริง โรคร้ายแรงสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าคุณจะอายุน้อยหรือมาก หากไม่มีการเตรียมพร้อมไว้แต่เนิ่น ๆ อาจต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ที่สูงเกินรับไหว การทำประกันโรคร้ายแรงจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย และให้ความคุ้มครองที่เหมาะสม

ประกันโรคร้ายแรงคืออะไร?
ประกันโรคร้ายแรงเป็นกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองโรคเฉพาะกลุ่ม เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งอาจไม่ได้รวมอยู่ในประกันสุขภาพทั่วไป การทำประกันชนิดนี้ช่วยให้ผู้เอาประกันสามารถเข้าถึงการรักษาได้รวดเร็วขึ้น พร้อมลดความเสี่ยงจากค่าใช้จ่ายทางการแพทย์มหาศาล

ข้อดีของการทำประกันโรคร้ายแรง
ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี
หากคุณมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี การทำประกันโรคร้ายแรง ประกันสุขภาพจะช่วยลดหย่อนภาษี เพิ่มความคุ้มค่าในการบริหารจัดการรายได้
รักษาได้สะดวกขึ้นในโรงพยาบาลเอกชน
สำหรับผู้ที่มีสิทธิ์รักษาในโรงพยาบาลรัฐ การเดินทางไปกลับอาจไม่สะดวก และคิวรอนาน การทำประกันโรคร้ายแรงช่วยให้คุณเลือกใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้านได้ ซึ่งมักมีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยและบริการที่รวดเร็วกว่ามาก

การทำประกันโรคร้ายแรงช่วยเพิ่มความมั่นคงด้านการเงินและสุขภาพ แม้จะเป็นการลงทุนที่ต้องใช้ค่าเบี้ย ประกันสุขภาพเหมาจ่าย แต่เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ความคุ้มครองที่ได้รับจะช่วยแบ่งเบาภาระและทำให้คุณได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

การตรวจเครดิตบูโรไม่ยุ่งยากอีกต่อไป ด้วย Krungthai NEXT ที่ทำให้คุณสามารถเช็กสถานะเครดิตได้ง่ายๆ ผ่านมือถือ

ขั้นตอนการเช็กเครดิตบูโรผ่าน Krungthai NEXT
เข้าสู่ระบบ Krungthai NEXT
เลือก "บริการเพิ่มเติม" จากนั้นเลือก "เช็กเครดิตบูโร"
ยืนยันตัวตนตามขั้นตอน
ตรวจสอบข้อมูลเครดิตที่แสดงในแอป

ทำไมควรเเช็คเครดิตบูโรผ่าน Krungthai NEXT?
สะดวก – สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา
รวดเร็ว – ไม่ต้องเดินทางไปเช็กที่สาขา
ปลอดภัย – มาตรฐานการยืนยันตัวตนที่มั่นใจได้

การเช็กเครดิตบูโรผ่านแอป Krungthai NEXT เป็นอีกทางเลือกที่ง่ายและปลอดภัย สำหรับคนที่ต้องการติดตามสถานะเครดิตบูโร โอนบริจาคทำบุญออนไลน์เพื่อความมั่นใจในทุกการเงิน

การโอนเงินไปต่างประเทศเป็นเรื่องปกติในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการชำระค่าสินค้าออนไลน์ การส่งเงินให้ญาติ หรือการจ่ายค่าเรียน แต่หากคุณต้องรีบโอนเงินเพื่อให้ทันตามกำหนด จะต้องทำอย่างไรบ้าง? มาดูวิธีการโอนเงินต่างประเทศแบบเร่งด่วนกัน

ทำความเข้าใจระบบ SWIFT Code โอนเงินระบบ Western Union[/url]
SWIFT Code คืออะไร: เป็นรหัสประจำตัวของธนาคารแต่ละแห่งทั่วโลก ใช้สำหรับระบุตัวตนของธนาคารปลายทางในการโอนเงินระหว่างประเทศ
ทำไมต้องใช้ [url=https://krungthai.com/th/content/personal/cash-management/payment-transfer/krungthai-warp]โอนเงินระบบ swift code: รหัสนี้มีความสำคัญมาก เพราะเป็นตัวกำหนดเส้นทางการโอนเงิน หากใส่ผิดจะทำให้เงินโอนไปผิดบัญชี
ตรวจสอบ โอนเงินไปต่างประเทศระบบ swift code ให้ถูกต้อง: ก่อนทำการโอนเงิน ควรตรวจสอบ SWIFT Code ของธนาคารปลายทางให้ถูกต้องอีกครั้ง เพื่อป้องกันความผิดพลาด
ขั้นตอนการโอนเงินไปต่างประเทศแบบเร่งด่วน

เตรียมเอกสารให้พร้อม

เลขที่บัญชีของผู้รับเงิน
ชื่อธนาคารของผู้รับเงิน
SWIFT Code ของธนาคารผู้รับเงิน
ประเทศที่โอนไป
วัตถุประสงค์ในการโอนเงิน (เช่น ค่าสินค้า, ค่าบริการ, ค่าเล่าเรียน)
เอกสารประกอบ (ใบแจ้งหนี้, ใบเสร็จ)
เลือกช่องทางการโอน:


ธนาคาร: สามารถไปติดต่อสาขาธนาคารโดยตรงเพื่อทำรายการโอนเงิน
Internet Banking: สะดวก รวดเร็ว และสามารถทำรายการได้ตลอด 24 ชั่วโมง
Mobile Banking: โอนเงินผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ เช่น Krungthai NEXT
ตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียด: ก่อนยืนยันการโอนเงิน ตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างให้ถูกต้องอีกครั้ง โดยเฉพาะเลขที่บัญชีและ SWIFT Code


แจ้งธนาคารหากต้องการให้โอนเงินด่วน: บางธนาคารอาจมีบริการโอนเงินด่วน ซึ่งมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม


เคล็ดลับเพิ่มเติม
เลือกเวลาทำการ: หากต้องการให้เงินถึงบัญชีปลายทางเร็วที่สุด ควรทำรายการโอนในช่วงเวลาทำการของทั้งสองธนาคาร
แจ้งธนาคารปลายทาง: แจ้งให้ธนาคารปลายทางทราบว่ามีการโอนเงินเข้ามา เพื่อให้ดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น
ตรวจสอบสถานะการโอนเงิน: หลังจากทำรายการแล้ว ควรติดตามสถานะการโอนเงินเป็นระยะ
ทำไมต้องเลือก Krungthai NEXT
สะดวก รวดเร็ว: โอนเงินได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ
ปลอดภัย: มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง
ค่าธรรมเนียมต่ำ: ค่าธรรมเนียมการโอนเงินมีอัตราที่แข่งขัน
บริการลูกค้าดีเยี่ยม: มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง

การโอนเงินต่างประเทศแบบเร่งด่วนไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพียงแค่คุณเตรียมข้อมูลให้พร้อม เลือกช่องทางการโอนที่สะดวก และตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง คุณก็สามารถโอนเงินได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย

การโอนเงินจากอเมริกากลับไทยมีตัวเลือกมากมาย เช่น Western Union และ Transferwise แต่ละบริการมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการโอนเงินเร็วหรือประหยัดค่าธรรมเนียมมากกว่ากัน
1. อัตราแลกเปลี่ยนและค่าธรรมเนียม
Transferwise: ใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามตลาดโลกและมีค่าธรรมเนียมคงที่ประมาณ 1% ซึ่งคำนวณได้ง่ายและไม่ขึ้นอยู่กับจำนวนเงิน
Western Union: โอนเงิน Western Unionมีอัตราแลกเปลี่ยนที่แตกต่างกันตามจำนวนเงินที่โอน หากโอนมากกว่า $6,000 จะได้รับอัตราที่ดีกว่า แต่ค่าธรรมเนียมก็จะสูงขึ้นหากเลือกใช้บัตรเครดิต
2. การยืนยันตัวตนและการยกเลิกการโอนเงินต่างประเทศ
Transferwise: สำหรับการโอนเงินจำนวนมาก ต้องยืนยันตัวตน แต่สามารถยกเลิกการโอนได้ก่อนที่เงินจะถูกโอน
Western Union: การยืนยันใช้เวลาไม่นานเพียง 30 นาที และสามารถยกเลิกได้หากยังไม่ได้รับการยืนยัน
3. ระยะเวลาการโอน
ทั้งสองบริการจะใช้เวลาในการโอนเงินไม่เกิน 2 วันทำการ แต่จะมีปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อเวลา เช่น วันที่ทำธุรกรรม หรือหากมีวันหยุดประจำชาติในทั้งสองประเทศ
4. ความสะดวกในการรับเงิน
สำหรับการรับเงิน โอนเงินต่างประเทศ western unionมีข้อได้เปรียบในการที่สามารถรับเงินผ่านตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทยได้ ซึ่งสะดวกมากสำหรับผู้รับเงินในไทย
การเลือกใช้บริการโอนเงินระหว่างประเทศขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ หากคุณโอนเงินจำนวนมากและต้องการอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีขึ้น โอนเงินต่างประเทศ western union อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่หากคุณเน้นค่าธรรมเนียมที่คงที่และง่ายต่อการคำนวณ Transferwise ก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่แพ้กัน