1
ประกาศซื้อ-ขาย สินค้าและบริการทั่วไป ฟรี / พญายอเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณ-ประโยชน์ที่น่าทึ่ง
« เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 10:03:22 am »
สมุนไพรพญายอ
ชื่อสมุนไพร พญายอ
ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau
ชื่อสกุล ACANTHACEAE
ชื่อพ้อง Clinacanthus burmanni Nees
ชื่ออังกฤษ ไม่มี
ชื่อท้องถิ่นผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด พญาข้อคำ พญาบ้องดำ พญายอ โพะโซ่จาง เสมหะพังพอนตัวเมีย
ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
ไม้พุ่มคอยเลื้อย ลำต้นแล้วก็กิ่งไม้เกลี้ยงวาว สูงได้ถึง 3 เมตร ใบผู้เดียวออกเรียงตรงกันข้าม รูปขอบขนานหรือขอบขนานปนใบหอก กว้าง 2-3 เซนติเมตร ยาว 7-9 เซ็นต์ โคนใบมน ปลายใบแหลม ก้านใบยาว 0.5 เซ็นต์ ดอกเป็นช่อ ออกเป็นกลุ่มที่ปลายยอด กลีบดอกสีส้มแดงเชื่อมชิดกันเป็นหลอดยาว ปลายแยกเป็น 2 ปาก ยาว 3-4 ซม. ไม่ติดฝัก
ส่วนที่ใช้เป็นยาและก็สรรพคุณ
-ส่วนใบ รักษาอาการด้วยเหตุว่าแมลงกัดต่อยและโรคเริม
สารสำคัญที่ออกฤทธิ์
สารฟลาโวนอยด์ มีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกลุ่ม monoglycosyl diglycerides เช่น 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol รวมทั้งสารกลุ่ม glycoglycerolipids จากใบ มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อไวรัสเริม
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ลดการอักเสบ
เมื่อป้อนสารสกัดจากใบด้วยเอ็นบิวทานอลให้หนูแรท หรือฉีดสารสกัดด้วยน้ำจากใบเข้าช่องท้องของหนูแรท จะลดการอักเสบของข้อเท้าหนูแรทที่ทำให้บวมด้วยสารคาราจีแนน (carrageenan) ได้ ตำรับยาที่มีพญายอปริมาณร้อยละ 5 ใน cold cream และก็สารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ เมื่อเอามาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะสามารถลดการอักเสบเรื้อรังได้ แต่ว่าเมื่อใช้สารสกัดด้วยนเอ็นบิวทานอลทาที่ผิวหนังจะไม่ได้เรื่อง
ฤทธิ์ลดลักษณะของการปวด
เมื่อให้หนูเม้าส์กินสารสกัดด้วยเอ็นบิวทานอลจากใบ จะลดความเจ็บของหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้ปวดด้วยกรดอะซีติค ขึ้นรถสกัดความแรง 90 มก./กิโลกรัม จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มิลลิกรัม/กก. (5) ส่วนสารสกัดด้วยคลอโรฟอร์ม (2) สารสกัดด้วยน้ำ รวมทั้งสารสกัดด้วยเอทานอล 50% จากใบ (3) ไม่เป็นผลลดความเจ็บ

ฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัส
เชื้อไวรัสเริม
พญายอสารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล และก็เอทิลอะสิเตทจากใบ มีฤทธิ์ต่อต้านไวรัสเชื้อเริม HSV-1 และก็เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นปริมาณร้อยละ 4 แล้วก็ใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล พบว่า มีฤทธิ์ต้านทานเชื้อไวรัสเจริญและไม่เป็นพิษต่อเซลล์ เวลาที่เมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะมีพิษต่อเซลล์
จากรายงานการดูแลรักษาคนเจ็บโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ชนิดเป็นซ้ำด้วยยาจากสารสกัดพญายอ เปรียบเทียบกับยา acyclovir และยาหลอก โดยให้คนไข้ทายาวันละ 4 ครั้ง ตรงเวลา 6 วัน พบว่าไม่แตกต่างในระยะเวลาการตกสะเก็ดของแผลคนไข้ที่ใช้ยาจากสารสกัดใบพญายอแล้วก็ยา acyclovir โดยแผลจะเป็นสะเก็ดข้างใน 3 วัน แล้วก็หายสนิทข้างใน 7 วัน ซึ่งต่างกันกับยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจัง ยาที่สกัดจากใบพญายอไม่ก่อให้เกิดการอักเสบ เคือง ในระหว่างที่ acyclovir ทำให้แสบ นอกเหนือจากนี้มีการใช้ยาที่ทำจากพญายอ ในคนเจ็บโรคเริม งูสวัด แล้วก็แผลอักเสบในปาก พบว่าสามารถรักษาแผลและลดการอักเสบได้ดี
ไวรัส Varicella zoster
สารสกัดจากใบพญายอออกฤทธิ์ทำลายไวรัส Varicella zoster ที่เป็นต้นเหตุโรคงูสวัดแล้วก็อีสุกอีใสได้โดยตรงก่อนที่จะไวรัสจะเข้าสู่เซลล์
จากรายงานการดูแลและรักษาคนป่วยโรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดใบพญายอเปรียบเทียบกับยาหลอก โดยให้ป้ายยาวันละ 5 ครั้ง ตรงเวลา 7-14 วัน จนกว่าแผลจะหาย พบว่าคนป่วยสุดที่รักษาด้วยสารสกัดจากใบพญายอ แล้วมีแผลตกสะเก็ดข้างใน 3 วัน แล้วก็หายด้านใน 7-10 วัน จะมีจำนวนไม่น้อยกว่ากลุ่มสุดที่รักษาด้วยยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ ระดับความเจ็บปวดลดลงเร็วกว่ากลุ่มยาหลอก และไม่พบผลข้างเคียงใดๆก็ตาม
อาการข้างเคียง
ความเป็นพิษทั่วไปแล้วก็ต่อระบบขยายพันธุ์
การทดลองความเป็นพิษ
เมื่อป้อนสารสกัดด้วยเอ็นบิวทานอลจากใบให้หนูเม้าส์ พบว่าเป็นพิษน้อย แม้กระนั้นเป็นพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าช่องท้อง ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัม/กิโลกรัม (หรือเสมอกันใบแห้ง 5.44 กรัม/โล) เมื่อป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าท้องหนูเม้าส์ ไม่นำมาซึ่งอาการพิษใดๆ
การเรียนพิษ
พญายอครึ่งหนึ่งเรื้อรัง พบว่าเมื่อป้อนหนูแรทด้วยสารสกัดเอ็นบิวทานอลจากใบขนาด 270 มิลลิกรัม/โล และก็ 540 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ทุกเมื่อเชื่อวัน นาน 6 สัปดาห์ พบว่าไม่เป็นผลต่อการเติบโต แต่ว่าน้ำหนักต่อมธัยมัเสียใจลง ในช่วงเวลาที่น้ำหนักตับมากขึ้น ไม่พบความแตกต่างจากปกติต่ออวัยวะอื่น และไม่พบอาการไม่พึงปรารถนาใดๆ หนูแรทที่กินสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1 กรัม/โล ทุกวี่ทุกวันนาน 90 วัน พบว่าการกินของกินของกรุ๊ปที่ได้รับสารสกัดและก็กลุ่มควบคุมไม่มีความแตกต่างกัน แต่น้ำหนักของหนูเพศผู้ที่ได้สารสกัดขนาด 1.0 กรัม/กก. ต่ำยิ่งกว่าพญายอกลุ่มควบคุม เกร็ดเลือดของหนูแรททั้งคู่เพศสูงขึ้นมากยิ่งกว่า และก็ครีอาตำหนินินน้อยกว่ากลุ่มควบคุม แต่ว่าไม่พบความแตกต่างจากปกติด้านจุลพยาธิวิทยาของอวัยวะภายใน และพยาธิสภาพภายนอกhttp://www.disthai.com/