ผู้เขียน หัวข้อ: เผยข้อมูล ยางออฟโรด คู่ใจสายแกร่ง  (อ่าน 1072 ครั้ง)

seohyun

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 27
    • ดูรายละเอียด
เผยข้อมูล ยางออฟโรด คู่ใจสายแกร่ง
« เมื่อ: มีนาคม 17, 2023, 10:19:24 am »

        เมื่อเลือกสเปกรถได้ตรงกับใจแล้วอย่าลืมเลือกใช้ยางให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์การขับขี่ด้วย เพราะจะช่วยเสริมสมรรถนะการใช้รถให้ยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับขาลุยสายแกร่งแล้ว ยางออฟโรด น่าจะตอบโจทย์ความต้องการได้ดี

หน้าที่ของยางออฟโรด
เช่นเดียวกับยางรถยนต์ทั่วไป นั่นคือ ยางออฟโรดต้องแบกรับทั้งน้ำหนักรถและน้ำหนักบรรทุก ช่วยลดแรงกระแทกและการสั่นสะเทือนจากพื้นถนน ทำงานร่วมกับพวงมาลัยเพื่อควบคุมทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ รวมทั้งเป็นตัวกลางถ่ายทอดพลังงานสำหรับการขับเคลื่อนไปข้างหน้าหรือหยุดรถ ซึ่งยางออฟโรดถูกพัฒนาและออกแบบมาเพื่อการใช้งานอเนกประสงค์จึงสามารถใช้ได้ทั้งเป็นยางรถปิคอัพ ยาง suv / cuv และรถขับเคลื่อนสี่ล้อทั่วไป

วิธีการเลือกยางรถยนต์

HT / AT / MT / LT คืออะไร
สามารถแบ่ง ยาง ออฟ โร ด ตามลักษณะการใช้งานได้  3 ประเภท คือ
ยาง HT / Highway Terrain – ให้ประสิทธิภาพโดดเด่นบนถนนทางหลวง แต่ไม่เหมาะกับการลุยในเส้นทางธรรมชาติหรือบรรทุกหนัก
ยาง AT / All Terrain – ใช้งานได้ดีทั้งถนนทางเรียบและทางอุปสรรค เช่น ทางฝุ่น ทางขรุขระ ถนนลูกรัง แข็งแกร่งทนทานกว่ายาง HT แต่ลุยได้น้อยกว่ายาง MT
ยาง MT / Mud Terrain – ถนัดงานลุยบนเส้นทางวิบากทุรกันดาร ลุยโคลน ไต่เขา ข้ามลำธาร สามารถรับมือได้ทั้งหมด แต่ไม่เหมาะกับถนนทางเรียบเนื่องจากเกิดเสียงดังระหว่างขับขี่ ยึดเกาะถนนได้ไม่ดี และดอกยางสึกเร็ว
สำหรับตัวอักษร LT (ย่อมาจาก Light Truck) ที่ปรากฏบนแก้มยางนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเภทของยางออฟโรด เพียงแต่ทำหน้าที่แจ้งให้ทราบว่ายางเส้นดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานกับรถปิคอัพและรถบรรทุกขนาดเล็ก (เทียบกับรถบรรทุก 6 ล้อ)

การทำความสะอาดยางออฟโรด
แน่นอนว่าเมื่อกลับจากทริปมักจะมีคราบดินโคลนและสิ่งสกปรกต่าง ๆ เป็นของแถมกลับมาเสมอ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถทำความสะอาดได้ด้วยตนเองเพียงแต่ห้ามขัดยางด้วยแปรงหรือใช้ผงซักฟอกอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้โมเลกุลคาร์บอนและสารเคมีในเนื้อยางเสียหายส่งผลให้ยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้น แนะนำให้ใช้เป็นสเปรย์หรือน้ำยาทำความสะอาดโดยเฉพาะจะดีกว่า ทั้งนี้อย่าลืมตรวจเช็กตะกั่วถ่วงล้อที่มีโอกาสหลุดหายระหว่างขับขี่ และหากมีเวลาควรนำรถเข้าคาร์แคร์เพื่อล้างขอบบ้างจะช่วยให้ยางสะอาดขึ้นเนื่องจากร่องเล็ก ๆ ระหว่างล้อกับยางนั้นเป็นแหล่งกักเก็บเศษฝุ่นดินทรายชั้นดีอันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลมยางรั่วซึมได้

ขนาดของยางออฟโรด
ผู้ใช้รถสามารถตรวจเช็กขนาดของยางออฟโรดได้จากกลุ่มตัวเลขบริเวณแก้มยาง โดยตัวเลขแรกเป็นความกว้างของหน้ายาง (มิลลิเมตร) วัดระยะจากแก้มยางด้านหนึ่งไปถึงแก้มยางอีกด้านหนึ่ง ตัวเลขลำดับถัดมาหมายถึงอัตราส่วนระหว่างความสูงกับความกว้างของแก้มยาง เพื่อความสะดวกจึงคิดเป็น % เช่น 265/60R18 110H หมายความว่า ยางเส้นนี้มีความกว้างหน้ายาง 265  มิลลิเมตร และมีอัตราส่วนของขนาดยางเท่ากับ 60 แสดงว่ายางสูงเป็น 60% ของความกว้างนั่นเอง สำหรับ R (ย่อมาจาก RADIAL) บ่งบอกว่ายางนี้มีโครงสร้างเป็นยางเรเดียล เส้นผ่านศูนย์กลางของล้อหรือขนาดกระทะล้อที่สามารถใส่ยางได้มีขนาด 18 นิ้ว หรือเรียกกันว่า ยางขอบ 18

ยางรถยนต์ขอบ18ยี่ห้อไหนดี

ยาง bridgestone​มียางออฟโรดให้เลือกหลายขนาดภายใต้ชื่อ “DUELER” หากกำลังมองหายางขอบ 18 ที่ให้สมรรถนะสูง ยึดเกาะได้ดีทุกสภาพถนน ปลอดภัย แถมยังนุ่มสบายในการขับขี่ คงทน และคุ้มค่าด้วยอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า ขอแนะนำเป็น DUELER H/T 684 II ขนาดยาง 265/60R18 110T, DUELER H/T 684 II ขนาดยาง 265/60R18 110S หรือ DUELER H/T 684 II ขนาดยาง 265/60R18 110H

จากข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับยางออฟโรด คงพอจะทำให้สายลุยมือใหม่รู้จักกับยางออฟโรดได้มากขึ้น




 

Sitemap 1 2 3