ผู้เขียน หัวข้อ: ไขคำตอบ ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่  (อ่าน 599 ครั้ง)

waanbotan_

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 50
    • ดูรายละเอียด
การทำประกันชีวิตเป็นการลดความเสี่ยงทางด้านการเงินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ในกรณีที่เราเกิดเจ็บป่วย ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต เราและคนที่อยู่ข้างหลังก็จะได้รับการดูแลจากประกันที่เราซื้อไว้ แต่ผลประโยชน์อีกข้อหนึ่งของการทำประกันชีวิตที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้คือ ประกันสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งวันนี้เราจะพาไปหาคำตอบว่า ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่ และมีเทคนิคอะไรบ้างที่ช่วยให้เราซื้อประกันแล้วได้ลดหย่อนสูงสุด

ประกันชีวิตแต่ละแบบลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่?
   สำหรับประกันชีวิตสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ ประกันชีวิตทั่วไป และ ประกันชีวิตบำนาญ
   1. ประกันชีวิตทั่วไป ประกอบด้วย ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ, ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา, ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ และประกันชีวิตแบบควบการลงทุน โดยประกันชีวิต 3 แบบแรก สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายเงิน สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท (ประกันต้องมีระยะเวลาคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป) และหากมีประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ ก็จะลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท ส่วนประกันแบบสุดท้าย หรือแบบควบการลงทุน เป็น ประกันลดหย่อนภาษี เฉพาะค่าใช้จ่ายส่วนค่าธรรมเนียมและส่วนความคุ้มครอง โดยสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท (ต้องมีระยะเวลาความคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป) แต่ส่วนที่นำไปลงทุนจะไม่สามารถลดหย่อนภาษีได้
   2. ประกันชีวิตบำนาญ เป็นประกันที่เน้นความคุ้มครองในรูปแบบรายได้หลังเกษียณ ผู้เอาประกันต้องจ่ายเบี้ยไปจนถึงอายุที่กำหนด แล้วบริษัทประกันจะจ่ายเงินให้เราเมื่อเราเกษียณ โดยสามารถใช้ ลดหย่อนภาษีประกันชีวิต ได้สูงสุด 15% ของรายได้ แต่มากสุดไม่เกิน 200,000 บาท รวมสิทธิลดหย่อนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ เช่น สิทธิลดหย่อนภาษีกองทุน RMF, สิทธิลดหย่อนภาษีกองทุน SSF ฯลฯ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

เทคนิคเลือกซื้อประกันให้ได้ลดหย่อนสูงสุด
   สำหรับเทคนิคเลือกซื้อ ประกันลดหย่อนภาษี ให้ได้รับการลดหย่อนมากที่สุด มีดังต่อไปนี้
   1. คำนวณภาษีที่ต้องจ่าย คำนวณโดยใช้สูตร “เงินได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ” จากนั้นนำ “เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี = เงินภาษีที่ต้องจ่าย” หากมีรายได้หลายทาง ให้นำรายได้ทั้งหมดที่ไม่ใช่เงินเดือน x 0.5% = ภาษีที่ต้องจ่าย
   2. ทำเช็กลิสต์สิทธิลดหย่อนภาษีที่เรามีทั้งหมด เช่น สิทธิ ลดหย่อนภาษีประกันชีวิต, สิทธิลดหย่อนภาษีกองทุน RMF, สิทธิลดหย่อนภาษีกองทุน SSF ฯลฯ เพื่อตรวจทานว่าเรามีสิทธิลดหย่อนภาษีจากแหล่งใดและเท่าไหร่บ้าง
   3. เลือกซื้อประกันชีวิตที่ตอบโจทย์ ควรเลือกซื้อประกันให้ตรงกับความต้องการ เช่น หากต้องการวางแผนเกษียณ ควรเลือกประกันแบบบำนาญ หรือสะสมทรัพย์ ประกันโรคร้ายมะเร็ง เป็นต้น
   
   เมื่อได้ทราบกันแล้วว่า ประกันสะสมทรัพย์ลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่ ก็น่าจะทำให้ใครที่ยังไม่เห็นความสำคัญของการทำประกันชีวิตลดหย่อนภาษีหันกลับมาคิดใหม่กันมากขึ้น แต่สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันชีวิตที่ไว้ใจได้ เราขอแนะนำ ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ สมาร์ท เซฟเวอร์ 15/5 จากธนาคารกรุงไทย ที่นอกจากจะลดหย่อนภาษีได้แล้ว ยังให้ผลตอบแทนคุ้มค่าตลอดทั้งสัญญาสูงสุด 587.5% ของทุนประกัน จ่ายเบี้ยประกันเพียง 5 ปี ก็ได้รับความคุ้มครองถึง 15 ปี

 

Sitemap 1 2 3