ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุ ปูทะเล  (อ่าน 274 ครั้ง)

Puttichai9876

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2297
    • ดูรายละเอียด
สัตววัตถุ ปูทะเล
« เมื่อ: มกราคม 06, 2018, 03:17:52 pm »

ปูทะเล
ปูทะเลเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในชั้นครัสเตเชีย ที่เจอในประเทศมีขั้นต่ำ ๓ ประเภท ทุกชนิดจัดอยู่ในสกุล  Portunidae คือ
๑.ปูดำ หรือ ปูแดง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Scylla serrata (forsskal) ชนิดนี้พบตามป่าชายเลนทั่วไป
๒.ปูขาว หรือ ปูทองหลาง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Scylla oceanic dana ประเภทนี้เจอตามพื้นทะเลทั่วๆไป
๓.ปูเขียว หรือ ปูทองคำโหลง หรือ ปูลาย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Scylla transquebarica Fabricius
ประเภทนี้เจอตามพื้นสมุทรทั่วไปทั้งยัง ๓ ประเภทมีลักษณะคล้ายกัน แม้กระนั้นแตกต่างกันด้านสีแล้วก็หนามที่ขอบกระดองแล้วก็ภาวะถิ่นอาศัย กระทั่งนักวิชาการลางสำนักจัดเป็นประเภทเดียวกันหมดเป็นScylla serrata  (Forsskal)
ชีววิทยาของปูทะเล
ปูทะเลอาจมีกระดองขนาดกว้างได้ถึง ๒๐ ซม. มีลำตัวที่แบ่งได้ ๒ ส่วนเป็นส่วนหัวที่เชื่อมรวมกับอกมีกระดองเป็นเปลือกหุ้มอยู่ข้างบน  กับส่วนท้องที่พับแนบติดกับลำตัวทางด้านล่าง ชาวบ้านเรียกส่วนนี้ว่า ตับปิ้ง ซึ่งในเพศผู้จะเป็นรูปสามเหลี่ยมแคบ ส่วนในตัวเมียจะแผ่กว้างออกเป็นรูปโค้งกลม มีขา ๕ คู่ คู่แรกเปลี่ยนไปเป็นก้ามใหญ่ ใช้จับเหยื่อและก็ป้องกันตัว และก็เพศผู้ใช้จับกุมตัวเมียเวลาผสมพันธุ์ ขาคู่ที่ ๒-๕ มักมีปลายแหลม ใช้สำหรับคลานหรือเดิน ส่วนขาในที่สุดของปูทะเลจะแบนเป็นกรรเชียง ช่วยสำหรับในการว่ายน้ำ ปูทะเลหายใจโดยเหงือกซึ่งมีลักษณะคล้ายฟองน้ำ  ชาวบ้านเรียก  นมปู  มองเห็นได้เมื่อเปิดกระดองออก  ปูทะเลบางทีอาจสลัดก้ามทิ้งได้  โดยสร้างก้ามใหม่ขึ้นมาเมื่อลอกคราบคราวต่อมา  เป็นประจำหลังจากการลอกคราบเปื้อนเพียง ๒ รั้ง ก้ามปูอาจมีขนาดใหญ่เหมือนเดิมได้  การลอกคราบของปูเป็นขั้นตอนช่วยเพิ่มขนาด  ภายหลังจากปูรับประทานอาหารและสะสมไว้เพียงพอแล้ว  ก็จะสลัดเปลือกเดิมทั้งหมดทิ้งไป  แล้วสร้างเปลือกใหม่ขึ้นมาแทน  ปูที่มีอายุน้อยนั้นลอกคราบบ่อยครั้ง  แต่ว่าจะค่อยๆห่างขึ้นเมื่อปูโตสุดกำลังแล้ว ฤดูผสมพันธุ์ของปูทะเลอยู่ในช่วงต.ค.ถึงธันวาคม ในระยะนี้ปูทะเลมีไข่มาก ก่อนการสืบพันธุ์นั้น เพศผู้อุ้มตัวเมียไว้เพื่อคอยจนตัวเมียลอกคราบ หลังจากสืบพันธุ์แล้ว ตัวเมียจะปล่อยไข่ออกมาไว้จับปิ้ง ใช้รยางค์ของส่วนท้องโอบไข่เอาไว้ ไข่ในช่วงแรกมีสีเหลืองอ่อนๆแต่จะเปลี่ยนเป็นสีแก่ขึ้น กระทั่งเป็นสีส้มแล้วก็สีน้ำตาล ตามลำดับ จากนั้นไข่จึงฟักเป็นตัวอ่อน ดำรงชีวิตเป็นพลิกก์ตอนลอยไปกับน้ำทะเล แล้วลอกคราบเปลี่ยนแปลงรูปร่างเป็นตัวอ่อนอีกระยะหนึ่ง จึงจะจมลงสู่พื้นทะเลเปลี่ยนรูปร่างเป็นปูขนาดเล็กต่อไป

คุณประโยชน์ทางยา
สมุนไพร แพทย์แผนไทยใช้ “ก้ามปูทะเลเผา” เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งในการประกอบยาหลายขนาน ตัวอย่างเช่น ยาทาแก้แผลอันเกิดขึ้นจากไส้ด้วนไส้ลาม กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการปวดแสบปวดร้อนยิ่งนัก ซึ่งบึนทึกเอาไว้ภายใน พระตำรามุจฉาปักขันทิกา ดังนี้ ถ้าเกิดมิหาย  ให้ร้อนหนัก ท่านให้เอา ก้ามปูสมุทรเผา ๑ กาบหอยโข่งเผา ๑ รากลำโพงแดง  ๑  รากขัดมอน  ๑  ฝางเสน  ๑  โปตัสเซี่ยมไนเตรด ๑ เปลือกจิกที่นา ๑ ผลจิกที่นา  ๑  เอาเสมอ  บดด้วยน้ำลายจรเข้เป็นกระสาย  หายแล ยาแก้หิวน้ำแก้ร้อนด้านในอันทำให้หอบขนานหนึ่ง  ซึ่งบันทึกไว้ในพระคู่มือธาตุวิภังค์ เข้าเครื่องยาที่เรียก “ก้ามปูทะเลเผาไฟ” ด้วย  ยาขนานนี้ตำราเรียนว่าใช้ “รับประทานพ่น”  ดังต่อไปนี้ ขนานหนึ่งแก้ระหายน้ำให้ร้อนด้านในแลให้หอบ  ท่านให้เอาสังข์หนามเผาไฟ ๑  รากบัวหลวง ๑  ฝุ่นละอองจีน  ๑  รังหมาร่าเผาไฟ  ๑  ชาดก้อน  ๑ ดอกพิกุล ๑  ดอกสาระภี  ๑  ดอกบุนนาค  ๑  เกสรบัวหลวง ๑ การบูร ๑ รากสลอดน้ำ ๑ รากคันทรง ๑ ก้ามปูทะเลเผาไฟ ๑ โปตัสเซี่ยมไนเตรดขาว ๑ ยาทั้งนี้เอาส่วนเท่ากัน บดเปนแท่ง ละลายน้ำดอกไม้สด ทั้งรับประทานทั้งพ่น แก้ร้อนแก้ระหายน้ำ เสโทตกก็หายแล

 

Sitemap 1 2 3