ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุ กุ้ง  (อ่าน 256 ครั้ง)

Jirasak2708

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2167
    • ดูรายละเอียด
สัตววัตถุ กุ้ง
« เมื่อ: มกราคม 08, 2018, 09:52:12 am »

กุ้ง
กุ้งเป็นชื่อเรียกสัตว์น้ำไม่มีกระดูกสันหลังในชั้นครัสเตเชีย ชั้นเคดาโพดา (order Decapoda) มีหลายสกุล สัตว์เหล่านี้หายใจด้วยเหงือก ลำตัวยาว แบน หรือ กลม แบ่งเป็นข้อๆเปลือกที่ห่อท่อนหัวและอกคลุมลงมาถึงอกบ้องที่ ๘ ส่วนมากกรีมีลักษณะแบนข้าง ก้ามที่ขาอยู่ที่ส่วนหัวแล้วก็อก มี ๑๐ ขา พบได้ทั้งในน้ำจืด ได้แก่ กุ้งหลวง กุ้งก้ามเกลี้ยง แล้วก็ในน้ำเค็ม อาทิเช่น กุ้งจุฬาดำ
กุ้งในประเทศไทย
กุ้งที่พบในประเทศไทยมีมากมายชนิด แม้กระนั้นที่มีขนาดใหญ่และก็บริโภคกันทั่วๆไป ยกตัวอย่างเช่น
๑.กุ้งหลวง
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Macrobrachium rosenbergii (de Man)
จัดอยู่ในวงศ์Palaemonidae
มีชื่อสามัญว่า giant freshwater prawn หรือ giant prawn กุ้งใหญ่ กุ้งก้ามกราม กุ้งก้ามคราม ก็เรียก ตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมียซึ่งเรียกกันว่า กุ้งนาง
กุ้งชนิดนี้เป็นกุ้งน้ำจืดขนาดใหญ่ ขนาดวัดจากโคนก้านตาถึงปลายหางยาว ๑๕-๒๕ เซนติเมตร ลำตัวสีครามเข้มแล้วก็จางสลับกันเป็นลายพิงขวางลำตัว ขาคู่ที่ ๒ เป็นขาก้ามขนาดใหญ่ สีน้ำเงินหรือสีฟ้าอมเหลือง ใช้ป้องกันตัว แล้วก็กอดรัดตัวเมียในขณะสืบพันธุ์ ส่วนปลายของกรีเรียวงอน ฟันกรีด้านข้างล่างมี ๘-๑๕  ซี่ มีกระเพาะอยู่กึ่งกลางทางข้างบนใต้เปลือกหัว  ไส้ทอดตามสันหลังไปถึงหาง หัวใจอยู่ถัดจากตอนท้ายของกระเพาะไปถึงช่วงท้ายของเปลือกหัว มีตับทำหน้าที่สร้างน้ำย่อย  เรียก มันกุ้ง อยู่ทางส่วนหน้าบริเวณข้างๆของท่อนหัว  ตับมีไขมันประกอบอยู่มากมายลเป็นส่วนที่นิยมกินกันในหมู่คนไทย ตัวเมียที่พร้อมจะผสมพันธุ์ได้จะมีรังไข่สุกในบริเวณตรงกลางของเปลือกหัว มีสีส้มหรือสีเหลือง สังเกตได้ง่ายประชาชนเรียก แก้วกุ้ง กุ้งหลวงรับประทานทั้งสัตว์และพืชเป็นอาหาร ส่วนมากเป็นหนอนน้ำต่างๆ รากพืช  ซากพืช  หาอาหารโดยการสูดดมแล้วก็สัมผัส  ถ้าเกิดขาดอาหารจะกินกันเอง  กุ้งประเภทนี้หาเลี้ยงชีพทั้งวัน  แต่จะว่องมากมายช่วงเวลาค่ำคืน  เหมือนปกติอาศัยอยู่ในแม่น้ำ  ลำคลอง  หนอง  บ่อน้ำ ที่มีทา น้ำติดต่อกับสมุทร  ผสมพันธุ์และออกไข่บริเวณน้ำกร่อยปากแม่น้ำเมื่อตัวอ่อนโตพอก็จะว่ายน้ำกลับไปยังบริเวณแหล่งน้ำจืดชืด
๒. กุ้งก้ามเกลี้ยง
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Macrobrachium sintangensis ( de Man )
จัดอยุ่ในตระกูล Palaemonidae
มีชื่อสามัญว่า  Sunda  river prawn
กุ้งแม่น้ำขาแดง ก็เรียก กุ้งประเภทนี้เป็นกุ้งน้ำจืด ขนาดวัดจากโคนก้านตาถึงปลายหางยาวราว ๙ ซม. ลำตัวสีน้ำตาลหรือสีฟ้าปนเขียว เปลือกหัวเรียบ กรีเรียวงอน  ฟันกรีด้านบนมี ๙-๑๓ ซี่ ด้านล่างมี ๒-๖ ซี่ ขาคู่ที่ ๒ มีขนาดใหญ่กว่า  โดยมีความยาวใกล้เคียงกับลำตัว รวมทั้งมีปื้นสีน้ำตาลกระจายอยู่เป็นหย่อมๆขอบข้างในของโคนบ้องที่ ๗ ของขาคู่นี้คราวตุ่ม ๒-๓ ตุ่ม เฉพาะตัวคนที่โตเต็มวัยมีขนนุ่มคล้ายผ้ากำมะหยี่สีส้มปนแดง ปกคลุมรอบๆรอยต่อระหว่างปล้องต่างๆของขาคู่ที่ ๓, ๔ แล้วก็ ๕ เป็นปกติอาศัยอยู่ตามแม่น้ำ คลอง และก็แหล่งน้ำจืดที่มีทางน้ำติดต่อกับทะเล  สืบพันธุ์แล้วก็ตกไข่บริเวณน้ำกร่อยปากแม่น้ำ
๓.  กุ้งว่าวกุลาดำ
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Penaeus monodon Fabricius
จัดอยู่ในสกุล Penaeidae
มีชื่อสามัญว่า tiger prawn  jumbo หรือ grass prawn
กุ้งกุลาหรือ กุ้งแขกดำก็เรียก กุ้งชนิดนี้เป็นกุ้งทะเลขนาดใหญ่  ขนาดวัดจากโคนก้านตาถึงปลายห่งยาวราว ๓๐ ซม. ลำตัวสีน้ำตาลแกมเขียวและมีแถบสีเข้มกับสีจางพาดขวางตลอดลำตัว เปลือกหัวเกลี้ยง ไม่มีขน  ฟันกรีด้านบนมี๗-๘  ซี่ ด้านล่างมี ๓ ซี่  ช่องข้างกรีทั้งคู่ด้านแคบรวมทั้งยาวไม่ถึงฟันกรีซี่ท้ายที่สุด  เป็นกุ้งที่ตัวโต มักอยู่ในเขตพื้นที่ที่เป้นทรายผสมโคลน  กินพืชแล้วก็สัตว์เล็กๆในน้ำเป็นอาหาร  เมื่อโตเต็มที่จะอพยพจากริมฝั่งไปยังทะเลลึก  ๒๐-๓๐ เมตร เพื่อสืบพันธุ์และก็วางไข่  ตัวอ่อนที่โตพอก็จะย้ายถิ่นมาหากินยังชายฝั่ง
ผลดีทางยา
[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/url][/color] แพทย์แผนไทยใช้ “มันกุ้ง” เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งในตำรับยาแผนโบราณหลายขนาน ยกตัวอย่างเช่น ยาขนานหนึ่งในแบบเรียนยาแผ่นจารึกวัดราชโอรสาราม ให้ยาแก้ฝีดาษอันเกิดในเดือน ๑๑ เดือน ๑๒ แล้วก็เดือน ๑ เข้า “น้ำมันหัวกุ้ง” เป็นเครื่องยาด้วย ดังต่อไปนี้ ขนานหนึ่งเอาน้ำลูกตำลึง น้ำมันงา น้ำมันหัวกุ้ง น้ำมันรากถั่วภู เอาเท่าเทียม พ่นฝีเพื่อเสลด  ให้ยอดขึ้นหนองงามดีนัก

 

Sitemap 1 2 3