ผู้เขียน หัวข้อ: นมผึ้งและก็คุณค่าที่น่าสนใจและก็จำต้องลองหามาทานซักครั้ง  (อ่าน 234 ครั้ง)

ManUThai2017

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2183
    • ดูรายละเอียด
นมผึ้ง ได้ผลผลิตที่หลั่งออกมาจากต่อมไฮโปฟาริงจ์ (Hypopharyngeal Gland) ของผึ้งงาน นมผึ้งมีลักษณะเป็นของเหลวสีขาวคล้ายนม รสหวาน มีกลิ่นเปรี้ยวน้อย เป็นอาหารหลักของผึ้งนางพญารวมทั้งตัวอ่อนผึ้งเพื่อช่วยกระตุ้นสำหรับเพื่อการเจริญเติบโต หลายประเทศใช้นมผึ้งในฐานะยารักษาโรค อาหารเสริม และยังรวมไปถึงเป็นส่วนประกอบของครีมบำรุงและเครื่องแต่งหน้า
นมผึ้ง
นมผึ้งมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักราวๆ 60-70% แล้วก็อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆดังเช่นว่า โปรตีน น้ำตาล วิตามิน เกลือแร่ และกรดอะมิโน นอกเหนือจากนี้ ยังเจอสารอื่นในนมผึ้ง เป็นต้นว่า กรดไขมันเอชดีเอ (10-Hydroxy-Trans-2-Decenoic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีบทบาทในการเจริญวัยของผึ้ง สารแอซิว่ากล่าวลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกแล้วก็กลไกรูปแบบการทำงานของร่างกาย รวมถึงฮอร์โมนเพศ ดังเช่นว่า เทสโทสเตอโรน โปรเจสเตอโรน ฯลฯ ดังนี้สถานที่ ภูมิศาสตร์ รวมทั้งสภาพภูมิอากาศเป็นตัวแปรที่ทำให้ส่วนประกอบของนมผึ้งต่างกันออกไป ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่าการกินนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยทุเลาอาการวัยทอง กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย รักษาโรคเบาหวาน รวมทั้งแผลเบาหวาน เป็นต้น ทั้งยังเชื่อกันอีกว่าหากนำนมผึ้งทาที่หนังหัวอาจช่วยกระตุ้นการเจริญเติบของเส้นผมอีกด้วย ซึ่งคำกล่าวอ้างพวกนี้จะเป็นจริงหรือเปล่า และก็มีหลักฐานด้านการแพทย์มาดน้อยเพียงใดที่จะช่วยรับรองสรรพคุณ ผลดี รวมทั้งความปลอดภัยของนมผึ้งที่มีบทบาทหรือส่วนช่วยในการรักษาโรคเหล่านี้
คุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากนมผึ้งที่อาจมีต่อร่างกาย
บรรเทาอาการวัยทอง อาการวัยทองคือปัญหาทางสุขภาพที่เกิดสังกัดหญิงกลางคน เป็นเหตุให้เกิดอาการหลายชนิด อาทิเช่น ช่องคลอดแห้ง แสบร้อนหรือคันในช่องคลอด เจ็บขณะมีเซ็กส์ ฯลฯ อาการดังกล่าวสามารถบรรเทาลงได้ด้วยการใช้สารหล่อลื่น แม้กระนั้นสารหล่อลื่นส่วนมากจะออกฤทธิ์ได้เพียงชั่วครั้งคราว ซึ่งนมผึ้งมีคุณสมบัติต่อต้านจุลชีวัน (Antimicrobial Activity) และก็มีคุณลักษณะเหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน จากการเรียนโดยให้สตรีวัยทองที่สมรสแล้วอายุ 50-65 ปี ปริมาณ 90 คน กรุ๊ปหนึ่งใช้ครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้ง 15% กรุ๊ปหนึ่งใช้ฮอร์โมนตอบแทนเอสโตรเจนชนิดครีมแบรนด์หนึ่ง และก็อีกกลุ่มใช้สารหล่อลื่นทาบริเวณช่องคลอดตรงเวลา 3 เดือน พบว่าครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้งมีคุณภาพในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสตรีวัยทองได้มากกว่าอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับฮอร์โมนชดเชยเอสโตรเจนจำพวกครีมและสารหล่อลื่น ซึ่งจากผลการทดลองอาจจะบอกได้ว่าการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตและก็ทุเลาอาการวัยทองที่เกี่ยวโยงกับช่องคลอดของหญิงวัยทอง และทางผู้วิจัยยังได้เจาะจงอีกว่าถ้าเพิ่มความเข้มข้นของนมผึ้งก็บางทีก็อาจจะช่วยทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นให้มากเพิ่มขึ้นได้
ลดระดับไขมันในเลือด นมผึ้งมีส่วนประกอบของสารอาหารหลายแบบ หนึ่งในนั้นคือกรดไขมันทางสายกลาง (Medium Chain Fatty Acid) และสารประกอบที่มีคุณลักษณะช่วยลดไขมันในเลือด ซึ่งสอดคล้องกับการค้นคว้าที่ให้หญิงวัยทองร่างกายแข็งแรงปริมาณ 36 ผู้รับประทานนมผึ้งขนาด 150 มิลลิกรัม เป็นเวลา 3 เดือน โดยตรวจปัจจัยเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดโรคเส้นโลหิตรวมทั้งหัวใจ รวมทั้งระดับไขมันในเลือดอีกทั้งก่อนแล้วก็หลังการทดสอบ พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของระดับไขมันในเลือดอย่างมีนัยสำคัญ โดยที่ระดับคอเลสเตอรอลประเภทที่ไม่ดี (LDL) ต่ำลง 4.1% ระดับคอเลสเตอรอลรวม (TC) ลดลง 3.09% และก็ระดับคอเลสเตอรอลประเภทที่ดี (HDL) เพิ่มขึ้น 7.7% จากผลการทดลองอาจจะบอกได้ว่าการรับประทานนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยลดระดับไขมันในเลือดและก็อาจเป็นโอกาสหนึ่งในการควบคุมอาการวัยทองที่เกี่ยวข้องกับสภาวะไขมันในเลือดสูง
นอกจากนั้น ยังมีอีกการศึกษาหนึ่งที่ให้อาสาสมัครซึ่งมีภาวะไขมันในเลือดสูงประเภทไม่ร้ายแรงจำนวน 40 คน กินนมผึ้งขนาด 350 มก.วันละ 9 แคปซูล ตรงเวลา 3 เดือนก็ชี้ให้เห็นถึงระดับไขมันในเลือดที่ลดลงเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นฮอร์โมนเพศ (Dehydroepiandrosterone Sulphate: DHEA-S) และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเส้นโลหิตรวมทั้งหัวใจได้อีกด้วย
ทุเลาอาการก่อนมีรอบเดือน อาการก่อนมีรอบเดือนมักส่งผลในทางลบกับสุขภาพของหญิง ครั้งคราวการรักษาโดยไม่ใช้ยาก็บางทีอาจช่วยบรรเทาให้อาการต่างๆได้ ซึ่งสอดคล้องกับการเล่าเรียนชิ้นหนึ่งที่ให้นิสิตหมอปริมาณ 110 คน กินนมผึ้งขนาด 1,000 มก.วันละ 1 ครั้ง โดยเริ่มในวันแรกที่มีประจำเดือน และก็กินตลอดจนหมดรอบเดือนในรอบต่อไป พบว่าอาการก่อนมีระดูลดลง จากผลของการทดลองอาจกล่าวได้ว่าการกินนมผึ้งต่อเนื่องกันตรงเวลา 2 เดือน อาจช่วยบรรเทาอาการก่อนมีรอบเดือนได้
รักษาแผลโรคเบาหวาน แผลโรคเบาหวานเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ทั่วไปในคนไข้โรคเบาหวานที่ควบคุมอาการได้ไม่ดี โดยมากจะพบแผลโรคเบาหวานที่บริเวณเท้า โดยยิ่งไปกว่านั้นนิ้วโป้งเท้าแล้วก็ปลายฝ่าเท้า ซึ่งนมผึ้งประกอบไปด้วยสารประกอบฟีนอลิคปฏิบัติหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ โปรตีนที่มีคุณลักษณะต้านเชื้อแบคทีเรีย และก็กรดไขมันเอชดีเอ ที่ช่วยต้านทานเชื้อจุลินทรีย์ จึงคาดว่าบางครั้งก็อาจจะช่วยรักษาแผลเบาหวานได้ จากการเรียนรู้ชิ้นหนึ่งให้ผู้ป่วยที่มีแผลโรคเบาหวานที่ได้รับการรักษาหลักตามเดิม ทายาที่มีความเข้มข้นของนมผึ้ง 5% ในบริเวณที่เป็นแผลแล้วก็ปิดแผลด้วยแผ่นปิดแผลประเภทไม่มีเชื้อเป็นเวลา 3 เดือนหรือจนกว่าแผลจะหาย แล้วก็มีการประเมินผลสัปดาห์ละ 3 ครั้ง พบว่าใช้เวลาเฉลี่ย 41 วันก็เลยทำให้แผลหายดี และค่าเฉลี่ยของความยาว ความกว้าง รวมทั้งความลึกของแผลน้อยลงวันละ 0.35 มิลลิเมตร 0.28 มม. แล้วก็ 0.11 มิลลิเมตรเป็นลำดับ จากผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยอาจกล่าวได้ว่านมผึ้งอาจมีสมรรถนะเป็นลู่ทางหนึ่งสำหรับการรักษาแผลเบาหวานควบคุ่ไปกับการรักษาหลัก อย่างไรก็แล้วแต่ผลการศึกษาวิจัยข้างต้นมีผู้เข้าร่วมการทดลองเพียงแต่ 8 คนซึ่งบางทีก็อาจจะเล็กเหลือเกินที่จะสรุปคุณภาพของนมผึ้งสำหรับในการรักษาแผลโรคเบาหวาน
แต่การศึกษาเล่าเรียนชิ้นหนึ่งได้ชี้ให้เห็นผลสรุปของนมผึ้งที่แตกต่างกันออกไป โดยให้ผู้ที่มีแผลเบาหวานป้ายยาซึ่งมีความเข้มข้นของนมผึ้ง 5% ในรอบๆที่เป็นแผลเป็นเวลา 3 เดือนหรือจะกว่าแผลจะหายเช่นกัน แต่ว่ายังไม่สามารถสรุปได้ว่านมผึ้งมีประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการรักษาแผลโรคเบาหวานได้มากกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ใช้ยาหลอก
เพราะเหตุว่าการเล่าเรียนอีกทั้ง 2 ชิ้นข้างต้นบ่งบอกถึงผลสรุปของนมผึ้งที่ตรงข้ามกัน ก็เลยบางทีอาจยังไม่อาจจะสรุปคุณภาพของนมผึ้งสำหรับเพื่อการรักษาแผลเบาหวานได้อย่างชัดเจน จึงจำต้องเล่าเรียนเพิ่มอีก
ทุเลาอาการอ่อนกำลังจากโรคมะเร็ง
อาการอ่อนเพลียที่เกิดขึ้นจากโรคมะเร็งมีต้นเหตุมาจากการดูแลและรักษาทั้งการฉายรังสีหรือวิธีการทำเคมีบำบัด มักส่งผลต่ออารมณ์ จิตใจ ร่างกาย และก็คุณภาพชีวิตของคนป่วย ซึ่งการรับประทานยา การบำบัด หรือการบริหารร่างกายบางทีอาจช่วยทุเลาอาการลงได้ รวมทั้งการกินอาหารเสริม ยกตัวอย่างเช่น นมผึ้งก็อาจมีส่วนช่วยทุเลาอาการด้วยเหมือนกัน ก็เลยสอดคล้องกับการศึกษาเล่าเรียนหนึ่งที่ให้คนเจ็บโรคมะเร็งอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ปริมาณ 52 คน พบว่ากรุ๊ปที่รับประทานน้ำผึ้งแปรรูปรวมทั้งนมผึ้งขนาด 5 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 4 อาทิตย์ มีลักษณะอ่อนล้าจากโรคมะเร็งดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเทียบกับอีกกรุ๊ปที่ัรับประทานน้ำผึ้งบริสุทธิ์ อย่างไรก็ดียังจำเป็นที่จะต้องศึกษาเล่าเรียนเพิ่มเติมถึงบทบาทที่แท้จริงของนมผึ้งสำหรับในการบรรเทาอาการเมื่อยล้าจากโรคมะเร็ง
รักษาไข้ละอองฟาง
โรคภูมิแพ้ประเภทหนึ่งที่ระบบภูมิต้านทานของร่างกายสนองตอบอย่างหนักกับละอองเกสรดอกไม้หรือสารอื่นๆทำให้คนป่วยมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล คันตา หูอื้อ ฯลฯ ซึ่งจากการเล่าเรียนทดลองโดยให้เด็กอายุ 5-16 ปี ที่ป่วยละอองฟาง ปริมาณ 80 คน กลุ่มหนึ่งรักษาด้วยการรับประทานผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนมผึ้งแล้วก็อีกกลุ่มรับประทานยาหลอกเป็นเวลา 3-6 เดือน และจนกระทั่งจะหมดฤดูของเกสรดอกไม้ พบว่าทั้งยัง 2 กรุ๊ปยังคงเจอลักษณะของไข้ละอองฟาง และก็มีระดับความรุนแรงของอาการที่ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไรนัก จากผลการศึกษาวิจัยอาจจะบอกได้ว่านมผึ้งบางทีอาจไม่มีความสามารถต่อการดูแลรักษาไข้ละอองฟางและไม่สามารถทุเลาอาการต่างๆให้ดีขึ้นได้ จึงยังจะต้องเรียนรู้เพิ่มเกี่ยวกับความสามารถของนมผึ้งสำหรับเพื่อการรักษาไข้ละอองฟางที่ชัดแจ้งยิ่งขึ้น
ความปลอดภัยสำหรับการกินนมผึ้ง
การกินนมผึ้งค่อนข้างปลอดภัยถ้าหากรับประทานในจำนวนที่สมควร แม้กระนั้นก็ได้โอกาสที่จะเกิดผลใกล้กันได้ เช่น เลือดออกในลำไส้ ปวดท้อง หรือถ่ายเป็นเลือด เป็นต้น บางรายถ้ามีลักษณะแพ้อย่างรุนแรงอาจก่อให้มีลักษณะอาการหอบหืด คอบวม หรือถึงขั้นเสียชีวิต อีกทั้งการใช้นมผึ้งทาที่รอบๆผิวหนังค่อนข้างจะไม่มีอันตราย แต่ไม่ควรทาบริเวณหนังศีรษะด้วยเหตุว่าอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ ผื่นคัน หรือมีลักษณะอักเสบ

Tags : นมผึ้ง,royal jelly,นมผึ้งสรรพคุณ

 

Sitemap 1 2 3