ผู้เขียน หัวข้อ: p1 กล้องสำรวจถนนหนทางภาคสนาม ซื้อขาย กล้องระดับ TOPCON, Pentax, CTS/Berger ราคาถ  (อ่าน 270 ครั้ง)

penpaka2tory

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2241
    • ดูรายละเอียด
จำหน่ายกล้องอุปกรณ์กล้องไลน์สำรวจ คุณภาพเยี่ยม กล้องระดับ TOPCON ยี่ห้อ TOPCON, Pentax, CTS/Berger
การจำแนกดิน คือ การรวบรวมดินชนิดต่างๆที่มีลักษณะ หรือ คุณลักษณะที่หมือนกันหรือคล้ายกันตามที่กำหนดไว้ ให้เป็นหมวดหมู่อย่างมีระบบระเบียบ เพื่อสะดวกสำหรับในการจำและก็ใช้ประโยชน์งาน
ระบบการจำแนกดินของประเทศรัสเซีย
ระบบนี้จะมีความสนใจดินที่เกิดในลักษณะของอากาศหนาวเย็น จนถึงค่อนข้างร้อน สำหรับในการแบ่งประเภทและชนิดระดับสูง เน้นย้ำการใช้โซนภูมิอากาศแล้วก็พืชพรรณเป็นหลัก มีทั้งหมด 12 ชั้น (class I- class XII) โดยชั้น I-VI เป็นดินในเขตสภาพภูมิอากาศตั้งแต่หนาวจัด จนกระทั่งค่อนข้างจะหนาวในทะเลทราย ชั้น VII-IX ย้ำสภาพอากาศค่อนข้างร้อน โดยใช้ลักษณะความชุ่มชื้น-ความแห้ง และสภาพพรรณไม้ที่เป็นป่า หรือทุ่งหญ้า เป็นเหตุจำกัด สำหรับชั้น X-XII ย้ำดินในเขตร้อน จากขั้นสูงจะมีการแบ่งประเภทออกเป็นชั้นย่อย ตามลักษณะการเกิดของดิน แล้วก็แบ่งเป็นชนิดดิน ในอย่างต่ำ ระบบการแบ่งดินของคูเบียนา การแบ่งดินใช้ ทรัพย์สินทางเคมีของดิน รวมทั้งโซนของอากาศกับพืชพรรณ เป็นหลัก โดยย้ำสภาพแวดล้อมในเขตเมดิเตอร์เรเนียน แล้วก็สภาพแวดล้อมที่ออกจะแล้งมากกว่าเขตชื้นและก็ฝนชุก
-ระบบการจำแนกดินของประเทศฝรั่งเศส
มีลักษณะเด่นเป็น เป็นการแยกเป็นชนิดและประเภทดินที่ใช้ลักษณะทั้งผองข้างในหน้าตัดดินเป็นกฏเกณฑ์ เน้นวิวัฒนาการของหน้าตัดดิน โดยพินิจจาการจัดแถวตัวของชั้นเกิดดินด้านในหน้าตัดดินโดยยิ่งไปกว่านั้น กับการที่มีปฏิกิริยาความเคลื่อนไหว หรือชั้นที่มีการสะสมของดินเหนียว การแบ่งแยกขั้นที่สูงที่สุด เน้นย้ำลักษณะที่เกี่ยวโยงกับการขังน้ำ ส่วนขั้นต่ำ ใช้ความมากน้อยสำหรับเพื่อการเปลี่ยนที่อนุภาคดินเหนียวในหน้าตัดดิน
-ระบบการแบ่งแยกดินของประเทศเบลเยียม
เป็นการจำแนกที่ค่อนข้างละเอียด ซึ่งมีเหตุมาจากการใช้ที่ดินทางการเกษตรที่เข้มข้น การแบ่งดินใช้รูปแบบของเนื้อดิน ชั้นการระบายน้ำ รวมทั้งความเจริญของหน้าตัดดิน เป็นลักษณะแบ่งประเภท สำหรับเพื่อการขยายความเนื้อดิน แบ่งออกเป็น 7 ชั้น (ชั้นอนุภาคดิน) สิ่งของอินทรีย์รวมทั้งขี้ตะกอนลมหอบ ส่วนชั้นการระบายน้ำของดิน ใช้การแปลความที่เกี่ยวกับความแฉะของดิน ยกตัวอย่างเช่น จุดประ แล้วก็สีเทาในเนื้อดิน กับระดับความลึกของดินที่พบลักษณะดังกล่าวข้างต้น สำหรับวิวัฒนาการของหน้าตัดดินแบ่งได้หลายชั้นโดยใคร่ครวญจากลำดับของชั้นต่างๆในหน้าตัดดินรวมทั้งชั้น (B) นับได้ว่าเป็นชั้น B ที่เพิ่งมีวิวัฒนาการหรือเป็นชั้นแคมบิก B คล้ายคลึงกันกับในระบบของประเทศฝรั่งเศส
-ระบบการจำแนกดินของอังกฤษ
เน้นย้ำลักษณะดินที่พบในประเทศอังกฤษและเวลส์ ประกอบด้วย 10 กลุ่ม ขยายความออกจากกันโดยใช้รูปแบบของหน้าตัดดินเป็นกฏเกณฑ์ซึ่งเน้นจำพวกและการจัดเรียงตัวของชั้นดิน มี Terrestrial raw soils, Hydric raw soils, Lithomorphic (A/C) soils, Pelosols, Brown soils, Podzolic soils, Surface water gley soils, Groundwater gley soils, Man-made soils และ Peat soils
-ระบบการแบ่งแยกดินของประเทศแคนาดา
ระบบการแบ่งเป็นแบบมีหลายขั้นอนุกรมเกณฑ์แล้วก็มีลำดับสูงต่ำเด่นชัด มี 5 ขั้นด้วยกันเป็น ชั้น (order) กลุ่มดินใหญ่ (great group) กลุ่มดินย่อย (subgroup) ตระกูลดิน (family) รวมทั้งชุดดิน (series) ชั้นอันดับเกณฑ์ของดินในระบบการจำแนกดินของแคนาดาแจงแจงออกจากกันโดยใช้ลักษณะที่พินิจได้ รวมทั้งที่วัดได้ แต่หนักไปในทางด้านทฤษฎีการกำเนิดดินสำหรับการจัดประเภทขั้นสูง ซึ่งแบ่งได้เป็น 9 ชั้น และก็แบ่งได้เป็น 28 กรุ๊ปดิน
-ระบบการแบ่งแยกดินของประเทศออสเตรเลีย
การพัฒนาด้านการแบ่งแยกดินในออสเตรเลียมีมานานแล้วเช่นเดียวกัน โดยในตอนแรกเป็นการแยกเป็นชนิดและประเภทดินที่ใช้ธรณีวิทยาของอุปกรณ์ดินเริ่มแรกเป็นหลัก แม้กระนั้นต่อมาได้มีการพัฒนามาเรื่อยๆจนกระทั่งเน้นย้ำเค้าโครงวิทยาของหน้าตัดดินโดยแบ่งได้ 47 หน่วยดินหลัก (great soil groups) เนื่องจากว่าการที่ออสเตรเลียมีลักษณะของอากาศอยู่หลายแบบร่วมกัน ทำให้มีสภาพแวดล้อมทางดินหลายแบบร่วมกันตามไปด้วย มีทั้งยังในภาวะที่หนาวเย็นไปจนถึงเขตร้อนชื้น และก็เขตที่เป็นทะเลทราย ซึ่งทำให้เห็นกระจ่างเจนว่าระบบการแบ่งนี้ครอบคลุมประเภทของดินต่างๆมากไม่น้อยเลยทีเดียว แม้กระนั้นเน้นดินที่มีการสะสมคาร์บอเนต ย้ำสีของดิน รวมทั้งเนื้อของดินค่อนข้างมาก ระบบการแบ่งดินของออสเตรเลียนี้มีอยู่มากยิ่งกว่า 1 แบบ เนื่องจากมีการเสนอระบบต่างๆที่มีแนวความคิดฐานรากแตกต่างออกไป เป็นต้นว่าระบบของฟิทซ์แพทริก (FitzPatrick, 1971, 1971, 1980) ที่เน้นจากระดับค่อนข้างต่ำขึ้นไปหาระดับสูง รวมทั้งระบบที่เจออยู่ในคู่มือของดินประเทศออสเตรเลีย (A Handbook of Australia Soils) ฯลฯ
-ระบบการแบ่งดินของประเทศนิวซีแลนด์
ประเทศนิวซีแลนด์ใช้ระบบอนุกรมระเบียบดินของประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหลักสำหรับการแบ่งประเภทและชนิดดิน รวมทั้งดินของประเทศนิวซีแลนด์รอบๆกว้างเป็นดินที่เกิดมาจากตะกอนภูเขาไฟ
-ระบบการแบ่งดินของประเทศบราซิล
ดินในประเทศบราซิลเป็นดินที่มีลักณะเด่นเป็นดินเขตร้อน ระบบการจำแนกดินของบราซิลไม่ใช้สภาพความชุ่มชื้นดินสำหรับเพื่อการจำแนกประเภทขั้นสูง แล้วก็ใช้สี ปริมาณขององค์ประกอบกับจำพวกของหินแหล่งกำเนิด เป็นลักษณะที่ใช้เพื่อการแบ่งมากยิ่งกว่าที่ใช้ในอนุกรมระเบียบดินกษณะที่ใช้สำหรับในการจำแนกมากยิ่งกว่าที่ใช้ในอนุกรมระเบียบดิน
ตามระบบการจำแนกดินประจำชาตินี้ สามารถแบ่งดินในประเทศไทยออกเป็น
ชุดดินรังสิต
Alluvial soils
เป็นดินที่เกิดขึ้นใหม่ มีอายุน้อย มีวิวัฒนาการของหน้าตัดดินต่ำ หน้าตัดดินเป็นแบบ A-C, A-Cg, Ag-Cg หรือ A-(B)-Cg เกิดจากการพูดซ้ำเติมโดยน้ำตามที่ราบลุ่ม ดังเช่นที่ราบลุ่มริมน้ำ ทะเลสาบ ปากแม่น้ำ ชายหาด และเนินขี้ตะกอนน้ำพารูปพัด (alluvial fan) สภาพของการพูดซ้ำเติมอาจเป็นรอบๆของน้ำจืด น้ำเค็ม หรือน้ำกร่อยก็ได้ ส่วนมากจะมีเนื้อดินละเอียด และก็การระบายน้ำหยาบช้า มักพบลักษณะที่แสดงการขังน้ำ ยกเว้นรอบๆสันดินริมน้ำ แล้วก็ที่เนินขี้ตะกอนน้ำพารูปพัด ที่เนื้อดินจะหยาบคายกว่า แล้วก็ดินมีการระบายน้ำดี องค์ประกอบแล้วก็แร่ที่มีอยู่ในดิน alluvial มักแตกต่างมาก และมักจะผสมคละเคล้าจากบริเวณแหล่งกำเนิดที่มาจากหลายแห่ง ชุดดินที่สำคัญของกลุ่มดินหลักนี้เป็น
- พวกที่เกิดจากตะกอนน้ำจืด ดังเช่น ชุดดินท่าม่วง สรรพยา จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดราชบุรี อยุธยา
- พวกที่เกิดขึ้นมาจากตะกอนน้ำกร่อย ได้แก่ ชุดดินผู้อารักขา รังสิต
- พวกที่เกิดขึ้นมาจากตะกอนพื้นทวีปสมุทร ดังเช่นว่า ชุดดินท่าจีน กรุงเทพฯ
-
Hydromorphic Alluvial soils
หมายคือดิน Alluvial soils ที่มีการระบายน้ำออกจะชั่วช้า-ต่ำทรามมากมาย ในเรื่องที่มีการจัดหมวดหมู่ดินออกเป็น Alluvial soils แล้วก็ Hydromorphic Alluvial soils ดินที่อยู่ในกรุ๊ปดินหลัก Alluvial soils จะเป็นดินที่มีการระบายน้ำดี และก็อยู่ในบริเวณที่สูงกว่าในภูมิทัศน์ที่ต่อเนื่องกัน ดินในทั้งสองกลุ่มดินหลักนี้ชอบได้รับอิทธิพลน้ำท่วมในฤดูน้ำหลากเสมอ
 -ชุดดินหัวหิน
Regosols
มีความเจริญของหน้าตัดดินต่ำ กำเนิดกระจ่างเฉพาะดินบน (A) และก็มีหน้าตัดดินแบบ A-C หรือ A-Cg มีต้นเหตุที่เกิดจากวัตถุต้นกำเนิดดินที่เป็นทรายจัดอาจเป็นทรายรอบๆชายฝั่งทะเล หรือรอบๆเนินทราย หรือทรายจากแม่น้ำ ดินมีการระบายน้ำดี จนกระทั่งระบายน้ำดีจนถึงเหลือเกิน พบทั่วไปเป็นแถวยาวตามชายฝั่งทะเล รวมทั้งตามตะพักลำธารของแม่น้ำที่มีตะกอนเป็นทรายจัด มีปฏิกิริยาค่อนข้างจะเป็นกรด ชุดดินที่สำคัญเป็นต้นว่า ชุดดินหัวหิน พัทยา ระยอง และก็น้ำพอง
-Lithosols
เป็นดินตื้นมาก ส่วนมากลึกไม่เกิน 30 เซนติเมตร พบบ่อยตามบริเวณที่ลาดตีนเขาซึ่งมีกษัยการสูง การจัดลำดับตัวของชั้นดินเป็นแบบ A-C-R, AC-C-R หรือ A-R เนื้อดินมีเศษหินที่ยังไม่ผุพังย่อยสลายหรือกำลังย่อยสลายคละเคล้าอยู่เป็นส่วนใหญ่ ดินนี้ไม่เหมาะสมแก่การกสิกรรม หรือการสร้างพืชโดยทั่วไป
-ชุดดินลพบุรี
Grumusols
เป็นดินสีคล้ำ มีสาเหตุจากวัตถุแหล่งกำเนิดที่มีปฏิกิริยาเป็นด่าง ดังเช่น หินปูน มาร์ล หรือบะซอลต์ ความเจริญของหน้าตัดดินต่ำ เนื้อดินเป็นดินเหนียว มีองค์ประกอบเป็นแร่ดินเหนียวจำพวก 2:1 ซึ่งมีความรู้และความเข้าใจในการยืด-หดตัวได้มาก ดินจะขยายตัวเมื่อแฉะ (swelling) แล้วก็หดตัวเมื่อแห้ง (shrinkage) ทำให้มีลักษณะของรอยูลื่น (slickensides) เกิดขึ้นในดิน ลักษณะหน้าตัดประกอบด้วยชั้น A-C หรือ A-AC-C โดยชั้น A จะหนา มีส่วนประกอบดินแบบก้อนกลม (granular structure) หรือก้อนกลมพรุน (crumb structure) พบได้บ่อยในรอบๆที่ราบลุ่มหรือตะพักสายธาร ลักษณะผิวหน้าดินเป็นพื้นที่ปุ่มป่ำ (gilgai relief) เมื่อแห้งผิวดินจะแตกระแหงเป็นร่องลึก ปฏิกิริยาดินเป็นด่าง ลักษณะโดยรวมเป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง แม้กระนั้นมีโภคทรัพย์ด้านกายภาพที่เป็นปัญหาในการไถกระพรวน ดินนี้ในบริเวณที่ต่ำจะมีการระบายน้ำชั่วช้าสารเลว จำนวนมากใช้ปลูกข้าว แต่ว่าถ้าหากอยู่ในที่สูง อาทิเช่นในบริเวณใกล้เชิงเขาหินปูนชอบมีการระบายน้ำดี ใช้ปลูกพืชไร่ ยกตัวอย่างเช่น ข้าวโพดชุดดินที่สำคัญ เป็นต้นว่า ชุดดิน จังหวัดลพบุรี บ้านหมี่ โคกกระเทียม จังหวัดบุรีรัมย์ กลุ่มดินหลัก Grumusols นี้ ไม่มีในระบบ USDA 1938 เริ่มใช้สำหรับการเพิ่มระบบ USDA เมื่อ 1949
 -ชุดดินตาคลี
Rendzinas
เป็นดินตื้นเกิดตามตีนเขาหินปูน วัตถุต้นกำเนิดเป็นพวกปูน (CaCO3) หรือมาร์ล เกิดเกี่ยวข้องกับดิน Grumusols แต่อยู่ในบริเวณที่สูงกว่า พบได้ทั่วไปบริเวณที่ลาดใกล้เขา หรือ ตะพักแถบที่ลุ่มใกล้เขาหินปูน เป็นดินที่มีความเจริญของหน้าตัดต่ำ ลักษณะดินจะมีเพียงชั้น A แล้วก็ C หรือ A-(B)-C ดินบนสีคล้ำ มีโครงสร้างดี ร่วน และก็ค่อนข้างดก มีการระบายน้ำดี ส่วนดินข้างล่างเป็นดินเหนียวผสมปูนหรือปูนมาร์ล ซึ่งมีปริมาณเพิ่มขึ้นตามความลึก แล้วก็มักจะพบชั้นที่เป็นปูน หรือ ปูนมาร์ลล้วนๆอยู่ในตอนล่างของหน้าตัดดิน ดินเหล่านี้จะมีปฏิกิริยาเป็นด่าง (pH ราวๆ 7.0-8.0) ส่วนใหญ่ใช้ในการปลูกพืชไร่ อาทิเช่นข้าวโพด หรือปลูกไม้ผล อย่างเช่น น้อยหน่า ทับทิม ฯลฯ ชุดดินที่สำคัญเป็น ชุดดินตาคลี
 -ชุดดินชัยบาดาล
Brown Forest soils
พบตามรอบๆภูเขาเป็นส่วนใหญ่ มีสาเหตุจากวัตถุแหล่งกำเนิดที่เป็นวัตถุหลงเหลือ แล้วก็เศษหินเชิงเขา ในภาวะที่หินพื้นเป็นพวกที่มีปฏิกิริยาเป็นกรด และก็ด่าง ได้แก่ แกรนิต ไนส์ แอนดีไซต์ มาร์ล บางทีอาจพบปะคละเคล้ากับดินในกลุ่มดินหลัก Rendzinas เป็นดินตื้น ความก้าวหน้าของหน้าตัดดินไม่มากนัก มีลักษณะหน้าตัดดินเป็นแบบ A-B-C หรือ A-B-R แม้กระนั้นชั้น B มักจะไม่ค่อยชัดแจ้ง ในประเทศไทยพบได้มากตามภูเขาหินปูนเป็นส่วนมาก สำหรับ Brown Forest soils ที่เป็นกรด พบเพียงเล็กน้อยชุดดินที่สำคัญ ยกตัวอย่างเช่น ชัยบาดาล ลำนารายณ์ สมอทอด
 -Humic Gley soils
พบปริมาณน้อยในประเทศไทย มักกำเนิดผสมอยู่กับดินอื่นๆในลักษณะเรี่ยราดเป็นหย่อมๆในบริเวณที่ราบลุ่ม พบได้มากอยู่ติดกับดินในกลุ่ม Grumusols, Rendzinas หรือ Red Brown Earths เป็นดินในที่ต่ำ มีการระบายน้ำหยาบช้า วิวัฒนาการของหน้าตัดไม่ดีนัก ลักษณะหน้าตัดดินเป็นแบบ Ag (Apg)-Cg หรือ A-Bg-Cg ลักษณะที่สำคัญคือ ดินบนหนา มีสารอินทรีย์สูง ดินล่างมักเป็นดินเหนียวสีเทาหรือสีเทาเข้ม มีลักษณะที่แสดงถึงภาวะที่มีการขังน้ำชัดแจ้ง มีจุดประ ปฏิกิริยาดินเป็นด่างเล็กน้อยชุดดินที่สำคัญเป็น ชุดดินแม่ขานรับ
 -ชุดดินร้อยเอ็ด
Low Humic Gley soils
เป็นดินที่เกิดจากขี้ตะกอนน้ำพา พบในรอบๆที่ต่ำที่มีการระบายน้ำต่ำทราม ส่วนใหญ่อยู่ในรอบๆกระพักเขตที่ลุ่มต่ำที่สูงกว่าที่ราบลุ่มใหม่ใกล้น้ำ ระดับน้ำใต้ดินตื้นแล้วก็แช่ขังเป็นครั้งเป็นคราว แม้กระนั้นมีความก้าวหน้าของหน้าตัดค่อนข้างดี ลักษณะสำคัญของดินในกลุ่มนี้คือ หน้าตัดดินมีลักษณะที่แสดงออกถึงการขังน้ำ มีจุดประแจ่มแจ้ง หน้าตัดดินเป็นแบบ A1-A2-Bt, Ap-A2-Bt, A1-A2-Btg, A1g-A2g-Btg, หรือ Apg-Btg พวกที่มีอายุน้อยจะอุดมสมบูรณ์มากยิ่งกว่าพวกที่เกิดนานกว่า บางรอบๆจะพบหินแลงอ่อน (plinthite) ในตอนล่างของหน้าตัดดิน ส่วนมากเป็นดินที่มีความอิ่มตัวเบสต่ำ pH ประมาณ 4.5-5.5 สำหรับพวกที่เกิดอยู่ในบริเวณกระพักลุ่มน้ำค่อนข้างจะใหม่ มักจะมีความอิ่มตัวเบสสูง ชุดดินที่สำคัญเป็นเพ็ญ จังหวัดสระบุรี มโนรมย์ เพชรบุรี เชียงราย หล่มเก่า ส่วนพวกที่เกิดบนตะพักที่ลุ่มค่อนข้างจะเก่า อาทิเช่นชุดดิน ร้อยเอ็ด ลำปาง ฯลฯ
 
-ชุดดินท่าอุเทน
Ground Water Podzols
เป็นดินที่มีการระบายน้ำสารเลวถึงค่อนข้างจะหยาบช้าพบเฉพาะในรอบๆที่มีฝนตกชุก ยกตัวอย่างเช่น ในภาคใต้ บริเวณชายฝั่งทิศตะวันออก หรือบางจังหวัดของภาคอีสาน อาทิเช่น จังหวัดนครพนม มีเหตุมาจากวัตถุแหล่งกำเนิดที่เป็นทราย ในรอบๆที่เป็นทรายจัด ดังเช่นว่า ริมฝั่งเก่าหรือตะกอนทรายเก่า ในบริเวณที่ค่อนข้างจะต่ำ มีความเจริญของหน้าตัดดี ลักษณะของหน้าตัดดินเป็นแบบ A1-(A2)-Bh-Cg หรือ A1-A2-Bir-Cg ชั้นดินบนสีคล้ำ รวมทั้งมีสารอินทรีย์สูง ชั้น A2 (albic horizon) หรือชั้นล้างมีสีซีดจางเห็นได้ชัดเจน ชั้น Bh มีสีน้ำตาลเข้มแล้วก็มีการอัดตัวออกจะแน่น แข็ง เนื่องมาจากมีการสะสมสารอินทรีย์ที่สลายตัวแล้วกับอะลูมินัมออกไซด์แล้วก็/หรือเหล็กออกไซด์ มีปฏิกิริยาเป็นกรด pH ต่ำ ประมาณ 4.0-5.0 ตลอดทั้งหน้าตัดชุดดินที่สำคัญคือ ชุดดินบ้านทอน ท่าอุเทน
 -ชุดดินหนองมึง
Solodized-Solonetz
เจอในรอบๆที่ค่อนข้างจะแล้ง รวมทั้งวัตถุต้นกำเนิดมีเกลือผสมอยู่ ยกตัวอย่างเช่นรอบๆชายฝั่งทะเลเก่า หรือบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากเกลือที่มาจากใต้ดิน เป็นต้นว่าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของเมืองไทย เป็นต้น มีลักษณะของหน้าตัดดินเป็นแบบ A1-A2-Bt ดินมีการระบายน้ำชั่ว ชั้น Bt จะแข็งแน่นรวมทั้งมีส่วนประกอบแบบแท่งหัวมน (columnar structure) หรือแบบแท่งหัวตัด (prismatic) ดินบนเป็นดินร่วนซุยปนทราย มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างราว 5-5.5 ส่วนดินข้างล่างมี pH สูง 7.0-8.0 ได้แก่ชุดดินว่าวจุฬาร้องไห้ ชุดดินหนองมึง ฯลฯ
 -ชุดดินอุดร
Solonchak
เป็นดินที่มีการระบายน้ำเลวถึงค่อนข้างจะหยาบช้า มีเกลือสะสมอยู่ในชั้นดินมากมาย หน้าตัดดินเป็นแบบ Apg-Cg หรือ Apg-Bg-Cg ในดินเหล่านี้จะมีชั้นดินที่เป็นดินเหนียวอยู่เป็นชั้นบางๆสลับกับชั้นทราย เกิดขึ้นให้เห็นได้ชัดเจน ในฤดูแล้งจะมองเห็นคราบเปื้อนเกลือสีขาวๆที่ผิวหน้าดิน ความเป็นกรดเป็นด่างมากยิ่งกว่า 7.0 อาทิเช่น ชุดดินอุดร
 -Non Calcic Brown soils
เจอไม่มากสักเท่าไรนักในประเทศไทย เจอในรอบๆกระพักลำธารออกจะใหม่ พัฒนาการของหน้าตัดดี ลักษณะหน้าตัดดินแบบ A1(Ap)-A2-Bt ดินบนสีน้ำตาลเทา ดินข้างล่างมีสีน้ำตาล น้ำตาลผสมเหลือง หรือน้ำตาลคละเคล้าแดง มีต้นเหตุที่เกิดจากขี้ตะกอนน้ำค่อนข้างใหม่ มีเนื้อดินตั้งแต่ค่อนข้างจะหยาบไปจนถึงละเอียด และมีปฏิกิริยาเป็นกรดบางส่วน ในหน้าตัดดินจะพบแร่ไมกาอยู่ทั่วไป มีการระบายน้ำดี ความอุดมสมบูรณ์ออกจะสูง เหมาะสมที่จะปลูกพืชไร่และไม้ผล ชุดดินที่สำคัญเป็นต้นว่า ชุดดิน กำแพงแสน ธาตุพนม
 -ชุดดินโคราช
Gray Podzolic soils
เกิดในรอบๆตะพักสายธารเป็นดินที่มีอายุค่อนข้างมาก มีความก้าวหน้าของหน้าตัดดี พบในบริเวณสายธารระดับค่อนข้างต่ำ-ระดับกลาง วัตถุแหล่งกำเนิดเป็นตะกอนน้ำที่ทับถมมานานแล้ว ซึ่งจะเป็นกรดแล้วก็มีแร่ที่ย่อยสลายง่ายคงเหลือในปริมาณน้อย ในสภาพพื้นที่แบบลูกคลื่น ซึ่งทำให้การไหลผ่านหน้าดินเป็นไปอย่างช้าๆและก็อากาศที่มีระยะแฉะ-แห้งสลับกันเป็นเหตุที่สำคัญต่อการเกิดดินจำพวกนี้ ลักษณะดินชี้ให้เห็นว่าดินมีการชะละลายสูง สีจะออกขาวหรือเทาจัดเมื่อแห้ง และก็มีลักษณะการย้ายที่บนผิวหน้าดินค่อนข้างแจ่มชัด เนื้อดินละเอียดรวมทั้งอินทรียวัตถุถูกชำระล้างไปเมื่อหน้าดินถูกฝน คงเหลือแม้กระนั้นจุดที่เกาะตัวกันแน่นอยู่เป็นจุดๆอาจพบพลินไทต์ในชั้นดินข้างล่าง เป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ-ต่ำมาก รูปแบบของหน้าตัดดินเป็นแบบ A1-A2-Bt กรุ๊ปดินนี้พบเป็นบริเวณกว้างขวางในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอีสาน และก็บางที่ในภาคเหนือ ชุดดินที่สำคัญ อาทิเช่น ชุดดินโคราช สันป่าตอง ห้วยโป่ง เป็นต้น
 -ชุดดินท่ายาง
Red Yellow Podzolic soils
เป็นดินเก่าที่มีวิวัฒนาการของหน้าตัดดินดี กำเนิดในภาวะที่ละม้ายกับดินในกลุ่มดินหลัก Reddish Brown Lateritic Soils ลักษณะหน้าตัดดินเป็นแบบ A1-A2-Bt-C หรือ R เจอทั่วๆไปในรอบๆเทือกเขาและที่ลาดเชิงเขาหรือที่ราบขั้นบันไดเก่า วัตถุแหล่งกำเนิดดินมาจากหินหลายหมวดหมู่ โดยมากเป็นหินที่มีปฏิกิริยาเป็นกรดถึงเป็นกลาง ดินมีการระบายน้ำดี ลักษณะเนื้อดินเปลี่ยนได้มากตั้งแต่ค่อนข้างหยาบจนกระทั่งออกจะละเอียด สีจะออกแดง เหลืองปนแดงและก็เหลือง มีชั้น E ที่ค่อนข้างแน่ชัด มีสีจางหรือเทากว่าชั้นอื่น รวมทั้งอาจมีเศษหินที่เสื่อมสภาพ หรือ พลินไทต์ปะปนอยู่ด้วยในดินล่าง แบบอย่างยกตัวอย่างเช่น ชุดดินท่ายาง โพนวิสัย ชุมพร หาดใหญ่ จังหวัดภูเก็ต ฯลฯ จัดว่าเป็นกรุ๊ปดินที่พบได้บ่อยกลุ่มหนึ่งในประเทศไทย
 -ชุดดินอ่าวลึก
Reddish Brown Lateritic soils
เป็นดินเก่า มีความเจริญของหน้าตัดดี เป็นผลมาจากวัตถุแหล่งกำเนิดที่เป็นวัตถุตกค้างของหินที่มีปฏิกิริยาเป็นกลางแล้วก็ที่มีปฏิกิริยาเป็นด่าง ลักษณะหน้าตัดดินเป็นแบบ A1-A3-Bt-C หรือ R เป็นดินที่มีการระบายน้ำดี ดินชั้นบนมีสีน้ำตาลเข้ม หรือสีน้ำตาลปนแดง มีเนื้อดินตั้งแต่ดินร่วนซุย (loam) ถึง ดินร่วนซุยเหนียว (clay loam) ส่วนชั้นดินด้านล่างมีเนื้อดินเป็นดินร่วนซุยเหนียว ถึงดินเหนียว (clay) ที่มีสีแดง ลักษณะของดินแสดงการชะล้างสูง และก็อาจเจอชั้นหินแลงในด้านล่างของหน้าตัดดิน ลักษณะดินจะคล้ายกับดินในกลุ่มดินหลัก Red Brown Earths ที่แตกต่างกันเป็นจะมีเป็นกรดมากกว่า pH ราว 5-6 ชุดดินที่สำคัญคือ ชุดดินหลบ บ้านจ้องมอง อ่าวลึก จังหวัดตราด ฯลฯ
-ชุดดินปากช่อง
Red Brown Earth
เป็นดินที่มีความเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับหินปูน หรือหินที่มีปฏิกิริยาเป็นด่าง และก็จะมีความเกี่ยวข้องกับหินดินดานด้วย ดินมีสีแดง มีพัฒนาการของหน้าตัดดี เป็นแบบ A1-A3-Bt-C หรือ R เนื้อดินเป็นดินเหนียว มีการระบายน้ำดี กำเนิดในรอบๆที่ราบซึ่งมีต้นเหตุมาจากกษัยการ หรืออาจจะมีการเกิดตามไหล่เขาได้ ดินพวกนี้มีลักษณะสีดิน และก็การเรียงตัวของชั้นดินใกล้เคียงกับดินในกรุ๊ปดินหลัก Reddish Brown Lateritic มากมายต่างกันที่ความเป็นกรดเป็นด่างของดิน โดยที่ Red Brown Earth มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างสูงขึ้นมากยิ่งกว่า (pH โดยประมาณ 6.5-8.0) ชุดดินที่สำคัญเป็น ชุดดินปากช่อง เป็นกลุ่มดินที่มีการปลูกพืชไร่รวมทั้งทำสวนผลไม้กันมากมาย
-ชุดดินจังหวัดยโสธร
Red Yellow Latosols
เป็นดินที่มีการระบายน้ำดีจนกระทั่งดีเกินความจำเป็น แก่มากมาย หน้าตัดดินลึก มีลักษณะที่หมายความว่ามีการชะละลายสูง ความเจริญของหน้าตัดดี ลักษณะหน้าตัดเป็นแบบ A-B (Box) หรือ A1-A3-B (Box) เจอเป็นหย่อมๆในรอบๆลานตะพักลำธารระดับค่อนข้างสูง เกิดขึ้นจากขี้ตะกอนน้ำพาเก่ามากมาย มีทรัพย์สินด้านกายภาพดี แม้กระนั้นทรัพย์สินทางเคมีไม่ค่อยดี มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ มีสีแดงหรือเหลืองตลอดหน้าตัดดิน ดินบนเนื้อดินหยาบคาย ดินด้านล่างมีพวกเซสควิออกไซด์สูง บางที่เจอหินแลงในตอนล่างของหน้าตัดดิน และไม่พบการเคลือบผิวของดินเหนียวในชั้น B ชุดดินที่สำคัญ ดังเช่นว่า ศรีราชา ยโสธร
-Reddish Brown Latosols
เกิดในรอบๆที่เกี่ยวข้องกับภูเขาไฟ วัตถุต้นกำเนิดเป็นขี้ตะกอนหลงเหลือ หรือขี้ตะกอนดาดเชิงเขา ของหินที่เป็นด่างเช่น บะซอลท์ แอนดีไซต์ เป็นดินที่มีการระบายน้ำดี และก็ความเจริญของหน้าตัดดี มีหน้าตัดดินแบบ A-Box (ox = ออกไซด์ของเหล็ก) เนื้อดินเป็นดินเหนียวสีแดง สีแดงคละเคล้าน้ำตาล มีความร่วนซุยดี เป็นดินลึกมาก มักจะเหมาะสมกับการใช้ทำสวนผลไม้ อย่างเช่น ชุดดินท่าใหม่
-Organic soils
Organic soils หรือเรียกว่า Peat and Muck soils เป็นดินที่มีลักษณะแตกต่างไปจากกลุ่มดินอื่นๆเนื่องจากเป็นดินที่มีอินทรีย์คาร์บอนอยู่ในองค์ประกอบมากกว่าร้อยละ 20 โดยน้ำหนัก หรือประกอบไปด้วยสารอินทรีย์ล้วนๆพบในบริเวณแอ่งต่ำมีน้ำขังอยู่เกือบตลอดปีและก็มีการสะสมของสิ่งของดินอินทรีย์สูง สำหรับในประเทศไทยมักพบทางภาคใต้ ในจังหวัดนราธิวาส โดยยิ่งไปกว่านั้นในพื้นที่พรุ ลักษณะเด่นคือสีจะคล้ำ มีอินทรีย์วัตถุสูง เป็นกรดจัด มีการปรับปรุงหน้าตัดดินน้อย ลักษณะหน้าตัดเป็นแบบ A-C เมื่อระบายน้ำออก จะหดตัวได้มาก อาทิเช่น ชุดดินจังหวัดนราธิวาส พบมากในภาคใต้ของประเทศไทย

 
กล้องวัดมุมอิเล็กทรอนิกส์ ยี่ห้อ Leica Builder 100 - T100 9"
 
1.กล้องเล็งเป็นระบบเห็นภาพตั้งตรง
2. กำลังขยาย 30 เท่า
3. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเลนส์ปากกล้องไม่ต่ำกว่า 40 มิลลิเมตร
4. ขนาดความกว้างของภาพที่เห็นในระยะ 100 เมตร ไม่น้อยกว่า 2.6 เมตร หรือ 1องศา 30 ลิปดา
5. ระยะมองเห็นภาพชัดใกล้สุดไม่เกิน 0.9เมตร
6. ค่าตัวคูณคงที่ 100
7. ค่าตัวบวกคงที่ 0
8. กำลังในการขยายภาพ 3 ฟิลิปดา
9. เป็นกล้องแบบอิเล็กทรอนิกส์ระบบวัดมุมแบบ Absolute Reading
10. หน่วยวัดเป็น องศา ลิปดา ฟิลิปดา
11. แสดงค่ามุมที่วัดได้ละเอียดโดยตรงไม่เกิน 5 ฟิลิปดา และ 10 ฟิลิปดา
12. ค่าความถูกต้องในการอ่านมุม ( Accuracy ) ไม่เกิน 9 ฟิลิปดา
13. หน้าจอแสดงผลเป็น LCD 1 หน้าจอ มีระบบให้แสงสว่างหน้าจอขณะทำงานและสามารถบอกระดับพลังงานได้
14. ความไวของระดับฟองกลม 10ลิปดา 2 มม.
15. ความไวของระดับฟองยาว 60ฟิลิปดา / 2 มม.
16. กล้องส่องหัวหมุด ( Optical Plummet ) กำลังขยาย 3 เท่า ปรับความคมชัดได้ตั้งแต่ระยะ 0.5 เมตร ขึ้นไป
17. สามารถแสดงผลทั้งเป็นมุมราบและมุมดิ่ง

 
การวัด (Measurement)
การวัด (Measurements) เป็นกรรมวิธีพื้นฐานของการได้มาซึ่งค่าสังเกต (Observations) ของข้อมูลตามที่ต้องการ เมื่อได้ก็ตามที่มีการวัด เมื่อนั้นย่อมมีความคลาดเคลื่อน (Errors) ขึ้นตามมาทุกครั้ง ดังนั้น จึงไม่มีการวัดครั้งใดที่ปราศจากความคลาดเคลื่อนอยู่ด้วย นั่นคือ ในการวัดทุกครั้งจำเป็นจำต้องมีการประเมินค่าความถูกต้อง (Accuracy) และค่าความแม่นยำ (Precision) และนั่นหมายถึง ในศึกษาถึงความถูกต้องของการวัดจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเข้าใจถึงธรรมชาติ ชนิด และ ขนาดของความคลาดเคลื่อนที่แต่ละกระบวนการวัดด้วย
การวัดและมาตรฐาน (Measurement and Standards)

  • การวัด เป็นกระบวนการหาขนาด ปริมาณ ของสิ่งที่ต้องการวัดด้วยการเทียบกับมาตรฐานอันหนึ่งที่ใช้ในการหาขนาดและปริมาณต่างๆ เช่น
  • ความยาว น้ำหนัก ทิศทาง เวลา ตลอดจน ปริมาตร ตัวอย่างของการเทียบกับสิ่งที่เป็นมาตรฐาน เช่น ความยาวมาตรฐาน 1 เมตร คือ ระยะทางที่แสงเดินทางได้ในสุญญากาศเป็นเวลา 1/299,792,458 วินาที ซึ่งอาจจะทำการวัดเทียบกับสิ่งที่ใช้เป็นมาตรฐานอ้างอิงนั้นโดยตรงหรือโดยอ้อม (Direct and Indirect Measurement)



Precision, Accuracy and Discrepancy

  • ค่าความแม่นยำ ( Precision ) คือ ความแม่นยำในการวัดหลายๆ ครั้ง กล่าวคือ มี Discrepancy มากหรือน้อยซึ่งขึ้นอยู่กับ ความละเอียดของเครื่องมือ และ ความชำนาญของผู้ใช้
  • ค่าความถูกต้อง ( Accuracy) คือ ความถูกต้องของค่าการวัดที่ได้ว่า ใกล้เคียง กับค่าจริงเพียงใด Accuracy
[*

 

Sitemap 1 2 3