ผู้เขียน หัวข้อ: เปิดใจ ‘วิเชียร’ ศักดิ์ศรีคนทุ่งใหญ่ ที่ไม่ต้องการเงิน ‘เปรมชัย’  (อ่าน 248 ครั้ง)

Cloudsupachai111

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2617
    • ดูรายละเอียด


(รายงาน) เปิดใจ “วิเชียร ชินวงษ์” ศักดิ์ศรีคนทุ่งใหญ่ ที่ไม่ต้องการเงิน “เปรมชัย”
นาทีนี้คงไม่มีเรื่องไหนที่จะเป็นประเด็นร้อนแรงไปกว่า ข่าวฉาวนักธุรกิจใหญ่ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทยดีเวลล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวกถูกจับคาป่า พร้อมอาวุธปืน และซากสัตว์อย่างเสือดำ เก้ง ไก่ฟ้าหลังเทา โดยหลายๆคนเชื่อว่านายเปรมชัยเองเป็นหนึ่งในผู้ลงมือล่าสัตว์ด้วยตัวเอง เพราะจากกระแสข่าวในโลกออนไลน์ที่มีการขุดขึ้นมา ต่างก็บ่งบอกรสนิยมการเป็นนักล่าสัตว์ของนักธุกิจใหญ่คนนี้ด้วย ถึงกับขั้นมีหนังเสือไว้รองเบาะห้องทำงาน
ในขณะที่อีกคนถูกสังคมกดดัน ก็ยังมีอีกคนที่ได้รับการเชิดชูนั่นคือ “วิเชียร ชิณวงษ์” หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งทำหน้าที่หัวหน้าชุดจับกุม เขาได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โดยไม่สนว่าคนที่ถูกจับได้จะมีตำแหน่งสูงขนาดไหน ซึ่งขณะนี้เขากลายเป็นฮีโร่ขวัญใจของคนไทยชั่วข้ามคืน
“วิเชียร” กับนาทีจับ “เปรมชัย” คาป่า
หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เริ่มเล่าว่า ตอนแรกที่เจอนายเปรมชัย เราได้เข้ามาตักเตือน เนื่องจากคณะของนายเปรมชัย ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งไม่อนุญาตให้ตั้งแคมป์ โดยเราก็ให้คำแนะนำ เพื่อให้นักท่องเที่ยวประพฤติตัวได้ถูกต้องและเพื่อความปลอดภัย แต่ด้วยท่าทีเพิกเฉย และดื้อรั้น เขาขอตั้งแคมป์อยู่ที่เดิม ไม่ย้ายสถานที่ โดยอ้างว่ากลัวจะไม่ปลอดภัยถ้าเดินทางในเวลากลางคืน 
“ด้วยเหตุนี้จึงนำไปสู่การพบพิรุธข้อน่าสงสัย ว่ากำลังซ่อนอะไรหรือไม่ เราจึงตรวจสอบบริเวณรอบๆ ได้พบกับปืนและซากสัตว์ ขึ้นทีละจุด”
นาทีที่เข้าถูกจับได้ เขาก็เริ่มมีการเจรจากับเรา เพียงแต่ว่าไม่ได้เสนอเป็นจำนวนเงินที่ชัดเจนว่าเท่าไหร่ แต่พยายามพูดหยั่งเชิงหว่านล้อมเราว่าจะเอนเอียงไปทางไหน ยอมเขาได้หรือไม่ โดยในตอนที่เราเข้าไปควบคุมตัว เราได้สอบถามเขาว่าชื่ออะไร มาจากไหน แต่ทางผู้ติดตามของเขาก็ได้บอกเราว่า คนๆนี้คือนายเปรมชัย เป็นเจ้านายใหญ่ของ บริษัทนี้ พร้อมกับแนะนำข้อมูลอีกว่า เป็นใครทำงานอะไร เท่านั้นไม่ได้อ้างชื่อใครคนอื่น 
“สำหรับเราแล้วจะเป็นใครก็ช่าง ถ้าทำความผิดแล้ว เราก็ไม่สนใจอย่างอื่น เขาก็ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด”
“เรื่องนี้ผมมั่นใจว่าจะไม่เกินฝีมือตำรวจไทย ในการดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมแน่นอน ขอเรียนว่าคนทุ่งใหญ่ เรามีศักดิ์ศรี แม้เราจะไม่ร่ำรวย แต่เราไม่ต้องการเงินจากคุณเปรมชัยแม้แต่บาทเดียว”
 
วิเชียร” ยันยังไม่โดนขู่ฆ่า – ฟ้องกลับ
 
ในส่วนกระแสสังคมที่เป็นห่วงต่อความปลอดภัยของเขานั้น เขาเล่าว่า ขณะนี้ยังไม่มีใครมาข่มขู่ เราทำตามหน้าที่ไม่มีใครขู่ฆ่าเราอยู่แล้ว ทุกคนมีสิทธิใช้ กฎหมายอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่าทางอุทยานมีนักกฎหมายเป็นที่ปรึกษาในการต่อสู้คดีอยู่แล้ว ถ้าจะฟ้องกลับก็เป็นเรื่องธรรมดา
วิเชียร เล่าอีกว่า นอกจากนี้รัฐมนตรีให้กำลังใจตลอด เราไม่คาดฝันไม่อยากให้เกิด ต่อไปต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจขันผู้คนที่เข้าออกในพื้นที่ให้มากขึ้น อาจโดนต่อว่าก็ต้องยอม บางครั้งรถมาเยอะ แล้วจะให้ละเอียดเหมือนสนามบินก็คงยาก ถ้าจะให้เร็วขึ้นก็ควรมีเครื่องมือตรวจแบบอิเล็คโทรนิคมากมาชวยด้วย แต่ในส่วนที่จะได้รับการประสานงานให้อำนวยความสะดวกกับผู้ที่มาในพื้นที่อุทยานนั้น เราไม่อยากใช้คำว่ามี VIP ต้องเรียนว่าทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ซึ่งที่ผ่านมาตนเพิ่งจะเห็นนายเปรมชัยเป็นครั้งแรก
การล่าสัตว์ไม่ได้มีครั้งเดียวเท่านั้น!
เมื่อถามถึงกรณีการล่าสัตว์ป่าอื่นๆ “วิเชียร” เล่าว่า ที่ผ่านมาการล่าสัตว์ที่ตนพบเห็น จะเป็นในลักษณะการแอบเข้า ซ่อนพรางตัวไม่ให้เจ้าหน้าที่เห็น แต่นายเปรมชัย มาแบบเปิดเผยแสดงตัว ตั้งแคมป์เป็นหลักแหล่ง พร้อมด้วยอาวุธครบ เป็นการกระทำไม่เหมือนชาวบ้านทั่วๆไป แต่มีลักษณะไม่กลัวกฎหมายบ้านเมืองมากกว่า ซึ่งที่ผ่านมาการล่าสัตว์มีอยู่บ้าง กรณีนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่จะเป็นในลักษณะการล่าเพื่อการยังชีพ ไม่ได้ล่าเพื่อสนุก เอาเท่ห์ หรือสนองกิเลสของตัวเอง
ส่วนความยากง่ายในการเจอเสือดำนั้น “วิเชียร” ยอมรับว่า เป็นเรื่องพูดได้ยากว่า ไปจุดไหน เวลาไหนถึงจะเจอ  บางทีผมเข้าพื้นที่ก็ไม่เจอเสือดำ บางครั้งนักท่องเที่ยวมาวันเดียวก็เจอเลย อยู่ที่จังหวะมากกว่า ซึ่งต้องยอมรับว่าความชำนาญของนายพรานมีผลทำให้เจอเสือดำมากขึ้น เวลาเข้าป่าแล้ว เสืออยู่ไม่ไกลจากตัวเรามากนัก แต่อยู่ที่ว่าเราจะทำอย่างไรให้เขาไว้ใจ และออกมาหาเราก็เท่านั้น
“ต้องเรียนที่ทุ่งใหญ่มีความอุดมสมบูรณ์ มีเหยื่อของเสือหลายชนิด ซึ่งเสือดำเป็นสัตว์ที่มีจำนวนพอสมควรในป่าแห่งนี้ ถ้าอยากเจอเสือดำก็ขอให้ใช้เวลาสักหน่อยก็เจอได้แล้ว แต่ทว่าการล่าสัตว์แต่ละครั้งย่อมส่งผลต่อสัตว์ป่าอย่างแน่นอน ในเรื่องของการถูกรบกวนโดยมนุษย์ เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงปืน เขาก็จะตระหนกตกใจ และย้ายถิ่นฐานเข้าไปในป่าลึกยิ่งขึ้นเพื่อความปลอดภัย”
“ผมดีใจภูมิใจที่ทุกท่านเป็นห่วง คนที่ทำงานไมได้มีผมคนเดียว แต่มี 200 คน ที่ได้ร่วมด้วย อย่าลืมพวกเขาด้วยครับ” เขากล่าวทิ้งท้าย
เปิดบันทึกจับกุม
ระหว่างวันที่ 4-6 ก.พ. 2561 เจ้าหน้าที่ได้ออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมาย แต่เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณลำห้วยปะชิ  ในเวลา 13.00 น. ของวันที่ 4 ก.พ. ก็พบกลุ่มคนเป็นชาย 3 คน หญิง 1 คน  ตั้งแคมป์กางเตนท์อยู่ติดถนนลำลองริมลำห้วยปะชิ โดยกล่มคนดังกล่าวมีท่าทางพิรุธ และจุดที่ตั้งเตนท์นั้นเป็นบริเวณที่ไม่อนุญาตให้พักค้างแรมและมีสัตว์ป่าชุมชุมมีความเปราะบางทางระบบนิเวศสูง
“ประกอบกับมีคนในกลุ่มดังกล่าวอยู่ในอาการลักษณะมึนเมา” ตามรายงานการจับกุมระบุ เจ้าหน้าที่จึงตักเตือนและขับจักรยานยนต์เลี่ยงออกมา และดักซุ่มเพื่อขยายผลและแจ้งให้หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทราบ 
ต่อมาเวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ที่ซุ่มอยู่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นทิศทางจากแคมป์พักแรมดังกล่าว  หัวหน้าเขตฯจึงสั่งให้ชุดสายตรวจเข้าไปตรวจสอบ และชุดตรวจสอบเข้าไปถึงจุดตั้งแคมป์ในเวลา 16.00 น. โดนพบ ชายสองคน คือ นายเปรมชัย กรรณสูต และ นายยงค์ โดดเครือ  พร้อมหญิงอีกหนึ่งคนคือ นางนที เรียมแสน  เมื่อเข้าตรวจสอบก็พบอุปกรณ์จับสัตว์น้ำ โดยใช้ผ้าใบปิดคลุมอำพราง เบ็ดตกปลาถูกซ่อนไว้่ในท่อพีวีซีสีฟ้า เจ้าหน้าที่จึงให้คนกลุ่มดังกล่าวออกจากพื้นที่ทันที 
“แต่นายเปรมชัย กรรณสูต ซึ่งเป็นหัวหน้าของคนกลุ่มนี้กลับต่อรองขอพักค้าแรมในจุดเดิม โดยอ้างว่าใกล้ค่ำเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับพวกตน”
ซึ่งชุดสายตรวจพบว่ามีชายอีกคนหายไปจากกลุ่มเจ้าหน้าที่จึงปิดล้อมตรวจ และได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จากนั้นอีก 10 นาทีนายเปรมชัยจึงขับรถออกจากแคมป์เพื่อจะไปพบนายวิเชียร ชินวงษ์  
ในเวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่ได้ติดตามตรวจสอบไปตามทิศทางที่ได้ยินเสียงปืน พบชายคนหนึ่งถืออาวุธปืนยาวติดลำกล้องอยู่ในมือลักษณะพร้อมยิงและเล็งไปยังยอดไม้ที่มีกระรอกเกาะอยู่เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัว และทราบชื่อว่านายธานี ทุมมาศ 
จากนั้นชุดสายตรวขจึงออกตรวจสอบเส้นทางที่นายธานีกำลังพยายามล่าสัตว์ป่าห่างจากแคมป์ประมาณ 400 เมตร  พบปลอกกระสนลูกซองเบอร์ 20 จำนวน 1 นัดที่ถูกใช้ยิงในลักษณะใหม่หล่นอยู่ที่ถนน  
“ห่างจากจุดที่ปลอกกระสุนหล่นออกไปประมาณ 15 เมตรซึ่งอยู่ในห้วยปะชิและเป็นช่วงที่ไม่มีน้ำในลำธาร พบซากเครื่องในสัตว์ป่าสภาพถูกชำแหละออกจากตัวสภาพใหม่สด โดยถูกซุกซ่อนอยู่ในร่องหินภายในลำห้วยปะชิ” 
นอกจากนี้ยังพบถุงเกลือแกงสองถุงซ่อนอยู่แต่เกลือถูกนำไปใช้หมดแล้ว  และเมื่อไปตรวจสอบแคมป์ก็พบอาวุธปืนแลกระสุน มีดปลายแหลม อุปกรณ์ทำครัว ส่วนซากสัตว์พบไก่ฟ้าหลังเทา เนื้อเก้งถูกแช่ในถังน้ำแข็งและพบซากสัตว์นำมาปรุงเป็นอาหาร
ต่อมาวันที่ 5 ก.พ.จึงเข้าไปตรวจซ้ำและพบหลักฐานอีกเป็นจำนวนมากรวมถึงซากเสือดำด้วย
ที่มาของเนื้อหา : https://www.108news.net

 

Sitemap 1 2 3