ผู้เขียน หัวข้อ: ตลาดโยเกิร์ตพร้อมดื่มและนมเปรี้ยว ปี 2559  (อ่าน 230 ครั้ง)

Chaiworn998

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2200
    • ดูรายละเอียด
ตลาดโยเกิร์ตพร้อมดื่มและนมเปรี้ยว ปี 2559
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2018, 06:21:47 am »

กินรวบ ผูกขาด


 


ถ้าถ้าเราลองมองลึกลงไปในการตลาดจำพวกโยเกิร์ตพร้อมดื่มกับทางนมเปรี้ยว ด้วยการที่มูลค่าถึง 9,500 ล้าบาท จักได้พบว่าตลาดนี้ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ นมเปรี้ยว มีสัดส่วน 80% มูลค่า ถึง 7,200 ล้านบาท และตัวโยเกิร์ตพร้อมดื่ม ก็ได้มีสัดส่วนอยู่ที่ 20%  ของเงินมูลค่าถึง 2,300 ล้านบาท


 


ซึ่งแม้ว่า โยเกิร์ตพร้อมดื่ม จะมีการสัดส่วนที่มีน้อยกว่า จนถึงเทียบกับ นมเปรี้ยว แต่ส่วนน้อยนี้กลับน่าสนใจมากกว่า ครั้นเทียบอัตราการเติบโตในปี 2558 ที่พบว่าโยเกิร์ตพร้อมดื่ม มีอัตราเติบโตถึง 10% ซึ่งเกิดจากผู้บริโภคที่สนใจในเทรนด์สุขภาพหันมาซื้อกินมากขึ้น ในขณะที่ “นมเปรี้ยว” นั้นมีอัตราเติบโตแค่ 2 % เพราะเป็นผลมาจากกำลังซื้อที่ตกลง จากฐานลูกค้าหลักซึ่งก็เป็น คนในต่างจังหวัด ด้วยที่จะได้รับถึงผลกระทบของช่วงภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจักดี


 


ผู้เล่นน้อยคือโอกาส


 


ความน่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งของ โยเกิร์ตพร้อมดื่ม คือ อัตราการบริโภคโยเกิร์ตที่น้อยนิด ทันทีที่เทียบกับต่างประเทศ   ตามที่คนไทยยังมองว่าโยเกิร์ตคือของทานเล่น


 


ได้สะท้อนมาจากตัวเลขอัตราการบริโภคโยเกิร์ตของคนไทยที่ซึ่งมีแทบ 16 กิโลกรัม/คน/ปี แม้จะมีอัตราการบริโภคที่สูงขึ้นจากคนละ 9 กิโลกรัม/คน/ปีคราวคะเน 5 ปีก่อน แต่ก็ยังคงน้อยคราวเทียบกับประเทศญี่ปุ่นซึ่งอยู่ที่ 90 กิโลกรัม/คน/ปี ไม่ใช่หรือในส่วนโซนยุโรปที่จะได้บริโภคเข้ามามากถึง 200 กิโลกรัม/คน/ปี


 


ที่สำคัญตลาด โยเกิร์ตพร้อมดื่ม มูลค่า 2,300 ล้านบาท มีผู้เล่นรายใหญ่อยู่เช่นรายเดียวที่ครองส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 95% จึงกลายเป็นโอกาสที่ผู้เล่นรายอื่นขอกระโดดลงมาในตลาดบ้าง


 


เพราะอัตราการเติบโตของตลาดตัวโยเกิร์ตพร้อมดื่ม 10%  สำหรัยในปีที่สร้างผ่านมา ก็ยังน่าจะไปได้มากกว่านี้อีก เนื่องด้วยมีผู้เล่นรายใหญ่อยู่รายเดียว ทำให้ไม่เกิดการแข่งขัน ถ้าเกิดเราลงมาเล่นแล้ว ตลาดน่าจะโตได้มากกว่านี้อีก ก็เพราะว่าว่ามันมีความแปลกใหม่เข้ามา เพราะการที่จะมีตัวเร่ำลือกอยู่มากขึ้นของ สุจริต มัยลาภ พร้อมกับส่วนกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี-


 


 


 


เมจิ จำกัด กล่าวถึงเหตุผลที่รุกตลาด โยเกิร์ตพร้อมดื่ม


 


 


 


บุกตลาดด้วยแบรนด์ “เมจิ บัลแกเรีย”


 


เมือย้อนกลับไปในปี 2558 นี้จักพบว่า เมจิ ก็ได้ลองชิมลางในตลาดของ โยเกิร์ตพร้อมดื่ม ด้วยการที่Launchสินค้าโดยที่ใช้แบรนด์ เมจิ พลัส ที่เป็นถึงตัวการทำทางตลาด เพื่อที่จะขอกระตุ้นตลาดพร้อมทั้งชิง Market share จากเจ้าตลาดคือ ดัชมิลล์ ซึ่งใน 1 ปีที่สร้างผ่านมานั้น ทางเมจิ สามารถเข้าไปชิง Market share มาได้ 2% ทำให้ ซีพี-เมจิ ได้เห็นโอกาสที่จักเติบโต จึงขอไปบุกตลาดของ โยเกิร์ตพร้อมดื่ม อย่างเต็มตัวด้วยการเปิดตัวแคมเปญใหญ่ พร้อมกับอัดงบการตลาดที่มากกว่า 70 ล้านบาท ได้ประเดิมกันไปตั้งแต่ช่วงต้นปี 2559


 


เพราะเพราะว่าครั้งนี้เลือกใช้แบรนด์ เมจิ บัลแกเรีย ซึ่งจะเป็นแบรนด์เดียวกับทางโยเกิร์ตพร้อมทาน ในการที่จักเข้าสู่ตลาด พร้อมพรีเซ็นเตอร์คนเดียวกัน เจมส์จิ เป็นครั้งที่ 3 เพื่อให้ผู้บริโภคลิงค์กับผลิตภัณฑ์เดิมที่มีคุณภาพระดับพรีเมียมด้วยกันรสชาติกลมกล่อม ได้ง่าย


 


เมจิ บัลแกเรียเพราะว่าที่มีสาธยายถึงจุดเด่นคือมีกันอยู่ 2 รสชาติซึ่งได้แก่ รสกลมกล่อม และก็ รสไวลด์ เบอร์รี มีเนื้อสัมผัสเข้มข้นไม่เหมือนใคร มีจุลินทรีย์สายพันธุ์แท้ LB81 จากบัลแกเรีย พร้อมด้วยเนื้อผลไม้ เพราะว่าในขนาดการบรรจุ 140 มิลลิลิตร ในราคาอยู่ที่ 20 บาท


 


 


Segment Premium ต้องกลุ่ม First Jobber


 


ใน 3-5ปีแรกนี้ทาง เมจิ ได้คาดหวังว่าจักผลักดัน โยเกิร์ตก็พร้อมดื่มเมจิ บัลแกเรีย  ขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ของตลาดด้วย Market Share 20% โดยตั้งเป้ายอดขายในปี 2559 ไว้ที่ 200 ล้านบาท แบ่งเป็นรสชาติละ 100 ล้านบาท


 


นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ เมจิ เละบือกวาง Positioning ไว้ใน Segment Premium ด้วยเหตุว่าต้องการเจาะกลุ่ม First Jobber ใช่ไหมวัยเริ่มทำงานที่มีอายุระหว่าง 25 ปีขึ้นไป เพราะเนื่องมาจากพฤติกรรมของคนจำกลุ่มนี้พร้อมที่จะทดลองสิ่งใหม่ๆ พร้อมทั้งยังมีกำลังซื้อสูง ที่สำคัญยังเกริ่นหันมาสนใจสุขภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของEating Cleanใช่ไหมโภชนาการต่างๆ


 


แต่ก็อย่างที่ทราบกันว่าสินค้าส่วนใหญ่ในตลาด โยเกิร์ตที่พร้อมดื่ม ก็มักจักชูจุดเด่นในเรื่องของการขับถ่ายอยู่แล้ว ซึ่งดังนั้น เมจิ จึงขอสร้างความแตกต่างด้วย จุลินทรีย์สายพันธุ์แท้ LB81 จากบัลแกเรีย ”เพื่อสร้างแรงจูงใจแก่กลุ่มเป้าหมาย


 


เมจิ ได้ใช้ระยะเวลาไปกว่า 2 ปี ในการที่จักคิดค้นพร้อมกับพัฒนา เพราะว่ามั่นใจว่าจุดเด่นของสินค้า จะรอบรู้สร้างเทรนด์ใหม่ ขยายกลุ่มผู้บริโภค ด้วยจุดเด่นของการผลิต อย่างจุลินทรีย์สายพันธุ์แท้ LB81 จากบัลแกเรีย ที่จักมาช่วยในเรื่องของลำไส้ พร้อมทั้งวัตถุดิบคุณภาพสูง พร้อมชิ้นเนื้อผลไม้ ที่ไม่เหมือนใครแน่นอน


 


 





 


 


ยาคูลท์ เขย่าตลาดนมเปรี้ยว 8,000 ล้าน แตกโมเดลธุรกิจใหม่ ผนึก 7-11 บุกช่องทางขายค้าปลีก นำร่องให้สาวยาคูลท์ป้อนสินค้า พร้อมตั้งมูลค่าขายปลีกหน้าร้าน 8 บาท แพงกว่าขายตรง 1 บาท ด้าน บีทาเก้น-เมจิ โดยเร่งเพิ่มทีมขายตรงเท่าตัว เพราะว่าหวังจะช่วยหนุนช่องทางโมเดิร์นเทรดนั้นเอง


 


นมเปรี้ยวที่มีมูลค่าตลาดรวม กว่า 8,000 ล้านบาท พร้อมทั้งเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยกว่า 8% ต่อปี ส่งผลให้การแข่งขันดุเดือดและร้อนแรง ทั้งจากผู้ประกอบการในประเทศ รวมไปถึงแบรนด์ต่างๆในประเทศที่ต้องการเข้ามาชิงกับตลาดที่ดีมานด์มหาศาลนี้


 


ล่าสุด ยาคูลท์ เจ้าตลาดที่ครองส่วนแบ่งมากกว่าครึ่ง มีความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ด้วยการส่งสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เสริมทัพกับฝ่ายสาวยาคูลท์


 


ผู้สื่อข่าวรายงานได้ว่า เซเว่นอีเลฟเว่นเองก็ได้เกริ่นวางขายยาคูลท์ในระยะหนึ่งแล้ว เปิดฝามาจากสาขาในต่างจังหวัด ในค่าขวดละ 8 บาท จากปกติสาวยาคูลท์ส่งให้สมาชิกตามบ้าน และสำนักงานทั่ว ๆ ไปขวดละ 7 บาท


 


ขณะที่แหล่งข่าวในบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เป็นเจ้าของร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ได้ยอมรับกับทาง ประชาชาติธุรกิจ ว่า เป็นความร่วมมือของทั้ง 2 ฝ่าย ในการพัฒนากับขยายตลาดร่วมกัน เบื้องต้นตั้งต้นทดลองด้วยการทยอยวางขายในสาขาตามต่างจังหวัดก่อน พร้อมทั้งจักกระจายไปยังทางสาขาอื่น ๆ รองลงไป


 


โดยในปัจจุบันเซเว่นอีเลฟเว่นมีสาขาในกรุงเทพฯพร้อมทั้งทางปริมณฑล รวมแล้วกว่า 8,500 สาขาทั่วประเทศ


 


ได้รายงาน ข่าวจากบริษัท ยาคูลท์ แห่งประเทศไทย ได้เปิดพูดว่า บริษัทเองได้มอบหมายให้สาวยาคูลท์ในแต่ละพื้นที่เป็นคนส่งสินค้าเข้าไปยังสาขาของ เซเว่นฯ โดยเหตุเพราะแนวทางของบริษัทไม่ต้องการที่จะแย่งรายได้กับสาวยาคูลท์ รวมไปถึงการตั้งค่าที่ดูแตกต่างกันใน 2 ตลาด คือ สาวยาคูลท์ในสนนราคา 7 บาท ส่วนร้านเซเว่นอีเลฟเว่น 8 บาท


 


ที่ตัดผ่านมาเราเติบโตมาด้วยกัน บริษัทเป็นผู้ผลิต ทางสาวยาคูลท์คือกลไกเหตุด้วยในการจัดจำหน่าย ในคราวมีช่องทางจำหน่ายใหม่ ๆ ที่มันเกิดขึ้น ทางนโยบายผู้บริหารก็ยังยึดแนวทางนี้รองลงไป รายงานข่าวระบุ


 


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ยาคูลท์มีความแข็งแกร่งในตลาด รวมถึงมีแบรนด์ลอยัลตี้สูงมาก สะท้อนจากขณะปี 2555 ยาคูลท์ได้ปรับสนนราคาขายปลีกเพิ่มขึ้นเป็น 7 บาท ปรากฏว่ามีผลกระทบด้านยอดขายในระยะเวลาสั้น ๆ หลังจากนั้นพบว่าตลาดเติบโตมากกว่าเดิมเสียอีก แม้ว่าจะปรับสนนราคาขายปลีกสูงขึ้น


 


อย่างไรก็ตาม ตามแหล่งข่าวในบริษัทยาคูลท์มาอีกรายหนึ่งก็ได้ยอมรับว่า เองก็มีสาวยาคูลท์จำนวนหนึ่งกังวลว่า ช่องทางค้าปลีกจักเข้ามาแย่งลูกค้า พร้อมทั้งอาจทำให้รายได้ลดลง ดังนั้นบริษัทจักประชุมชี้แจงในเร็ว ๆ นี้


 


การส่งสินค้าให้สมาชิกตามบ้าน ไม่ใช่หรืออาคารสำนักงานต่าง ๆ สาวยาคูลท์จักมีส่วนแบ่งขวดละ 1.50 บาท แต่การส่งสินค้าเข้าไปขายในเซเว่นฯจักมีส่วนแบ่งขวดละ 75 สตางค์


 


แหล่งข่าวกล่าวว่า นอกจากการส่งสินค้าเข้าไปในช่องทางค้าปลีกแล้ว บริษัทยังเปิดรับสมัครสาวยาคูลท์อย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 4,500-5,000 คนทั่วประเทศ เพื่อขยายขอบเขตการให้บริการในพื้นที่ต่าง ๆ ให้มีความครอบคลุมมากขึ้น


 


นายสมยศ อรรถสกุลชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีทาเก้น จำกัด กล่าวกับ ประชาชาติธุรกิจ ก่อนหน้านี้ว่า บีทาเก้นมีเป้าหมายเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับช่องทางไดเร็กต์เซลมากขึ้น จากปัจจุบันมีความแข็งแกร่งในช่องทางร้านค้าปลีกสมัยใหม่หรือไม่ก็โมเดิร์นเทรด ด้วยส่วนแบ่งการตลาดกว่า 62% โดยต้องการเพิ่มสาวบีทาเก้น จากปัจจุบัน 2,700 คน เป็น 3,000 คน


 


ยาคูลท์แข็งแกร่งในช่องทางไดเร็กต์เซลเป็นพิเศษ โดยที่ยาคูลท์กับบีทาเก้นมีส่วนแบ่งตลาดรวมกันกว่า 80% ส่วนค่ายใหญ่อื่น ๆ ทั้งดีไลท์ของดัชมิลล์ เมจิไพเก้นของซีพี-เมจิ พร้อมทั้งแอคทีเวียของเบอร์ลี่


 


ยุคเกอร์ ยังคงมีความเคลื่อนไหวกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าเฉพาะเพื่อการแข่งขันเรื่องสูตร พร้อมกับไซซ์แล้วที่หลากหลาย รวมไปทั้งโปรโมชั่นมูลค่า


 


ในระยะยาวบีทาเก้นมีเป้าหมายเป็นนมเปรี้ยวเบอร์หนึ่งของตลาดอินโดจีน ซึ่งตลาดยังมีการแข่งขันไม่สูง กับบริษัทได้เข้าไปบุกตลาดแล้วในลาว กัมพูชา พร้อมกับเวียดนาม กับเดี๋ยวนี้อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อจักขยายตลาดไปเมียนมา


 


ขณะที่ทางนายสุจริต มัยลาภ เพราะกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ได้กล่าวว่า มาตลาดนมเปรี้ยวในประเทศมีทิศทางเติบโตสูงขึ้น ตามดีมานด์ของตลาด นอกจากการเพิ่มงบฯการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ไปยังผู้หญิงที่เป็นผู้บริโภค ฐานใหญ่ของตลาดแล้ว บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการขยายฝ่ายขาย (สาวไพเก้น) จาก 900 คนเป็น 1,800 คน เพื่อกระจายสินค้าไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย พร้อมทั้งเป็นการช่วยเสริมช่องทางร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต กับไฮเปอร์มาร์เก็ต


 
กินรวบ ผูกขาด


แหล่งข่าวในวงการนมเปรี้ยวตั้งข้อสังเกตว่า ความเคลื่อนไหวของยาคูลท์ในร้านเซเว่นฯถือเป็นการปิดจุดบอดช่องทางร้านขาย ปลีก ด้วยกันเสริมจุดแข็งให้กับยาคูลท์ที่เป็นเจ้าตลาดอยู่แล้ว เพราะเซเว่นฯมีเครือข่ายสาขามากกว่า 8,500 แห่งทั่วประเทศ

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : กิบรวบ ผูกขาด

Tags : กิบรวบ ผูกขาด

 

Sitemap 1 2 3