ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุโหรามิคสิงคี  (อ่าน 301 ครั้ง)

jackbaristaa

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2210
    • ดูรายละเอียด
สัตววัตถุโหรามิคสิงคี
« เมื่อ: ธันวาคม 29, 2017, 09:00:11 am »

โหรามิคสิงคี
โหรามิคสิงคี หรือที่เรียกใน ตำราเรียนพระยาพระนารายณ์ว่า “โหราอำมิคสิงคี” เป็นเขากวางสุม (ให้เป็นถ่าน) คำ มิค มีความหมายว่า กวาง ส่วนคำ สิงคี แสดงว่าสัตว์มีเขาได้จากกวางเปอร์เซีย
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dama dama Linnaeus
ในตระกูล Cervidae
มีชื่อสามัญว่า   fallow  deer
กวางอิหร่านนี้มี  ๒  ประเภทย่อย  เป็น
๑.ชนิดย่อยซึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Dama  dama  mesopotamica  (Brooke)
มีชื่อสามัญว่า Iran  fallow  deer
๒.ชนิดย่อยที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Dama  dama  dama  Linnaeus
มีชื่อสามัญว่า South  Turkey  fallow  deer
กวางเปอร์เซียเป็นกวางขนาดกลาง ขนาดวัดจากจมูกถึงปลายหางยาวราว ๑.๕0  เมตร หางยาว  ๒0-๒๕  เซนติเมตร น้ำหนักตัว  ๓0-๓๕  กรัม ขนตามลำตัวมีสีเทาหรือสีน้ำตาลแกมเหลือง มีจุดขาวอยู่กลางข้างหลังหรือข้างลำตัว มีขนแถบสีดำทอดยาวจากกลางหลังไปจนถึงก้น ข้างล่างลำตัวสีขาว ขนเรียบ บางรวมทั้งแนบติดกับลำตัว   ในฤดูหนาวขนตามลำตัวจะกลายเป็นสีน้ำตาลเทาและก็จุดขาวตามลำตัวจะลางเลือนไป ขายาว ลำตัวอ้วนล่ำ หัวค่อนข้างจะสั้น คอครึ้ม เพศผู้มีลูกกระเดือกนูนออกมา รอบๆตูดวงรอบตูดมีสีขาวขอบสีดำ
กวางชนิดนี้กินหญ้า ใบไม้ รวมทั้งผลไม้เป็นอาหาร ถูกใจอยู่กันเป็นฝูงในฤดูร้อน เพศผู้ที่โตสุดกำลังจะแยกออกจากฝูง ทิ้งตัวภรรยาและลูก แม้กระนั้นในช่วงฤดูสืบพันธุ์จะกลับเข้ามาผสมพันธุ์กับตัวเมีย กวางจำพวกนี้โตเต็มที่รวมทั้งผสมพันธุ์ได้เมื่ออายุ ราว ๑๘  เดือน ท้องราว  ๒๓0  วัน คลอดลูกทีละ  ๑  ตัว อายุยืนราว  ๒0  ปี
เคยเจอกวางเปอร์เซียในป่ารอบๆสมุทรเมดิเตอร์เรเนียนแล้วก็ในตะวันออกกลาง ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศประเทศอิหร่านและอิรัก ปัจจุบันอาจสิ้นพันธุ์ไปจากธรรมชาติแล้ว แม้กระนั้นยังคงมีเลี้ยงอยู่บ้างตามสวนสัตว์หลายที่
 สมุนไพร ตำราคุณประโยชน์โบราณว่า โหรามิคสิงคีเป็นยาทำลายพิษ แก้ปวดตามข้อ ปวดเอว ใน ตำราเรียนพระยาพระนารายณ์  มีตำรับยาขนานหนึ่งเข้า “โหราอำมิคสิงคี”  เป็นเครื่องยาด้วย ดังนี้ ยาทรงเขี่ย ให้เอาโหราเดือยไก่ โหราอำมฤตย์ โหราอำมิคสิงคี โหราบอนโหราเท้าสุนักข์ โหราเขาควาย โหราใบกลม โกฏกัตรา ลูกจันทร์ ดอกจันทร์ กระวาน  กานพลู พริกหอม พริกหาง พริกล่อน  ดีปลี  มหาหิงคุ์ ดินประสิวขาว หอมแดง ชาตรี ยาดังนี้สิ่งละเฟื้อง ฝิ่นสลึง ๑  ทองคำเปลว  ๑0  แผ่น น้ำมะนาวเป็นกระสาย   บดทำแท่ง ตากในร่ม ฝนด้วยน้ำมะนาว น้ำท่า เมื่อเขี่ยแล้วนั้น ถึงเป็นฝีฟกทูมเมีย ขึ้นเป็นเม็ดเป็นเปาเป็นปมก็หาย ถ้าหากไม่สบายเจ็บ ให้สับกระหม่อมสับต้นคอ ทาหาย แก้ลมจับสูงด้วย ถ้างูเพ่งพิศม์ ตะขาบ แมลงป่องขบ ฝนด้วยน้ำมะนาวก็ได้ เหล้าก็ได้ ทั้งยังรับประทานทั้งยา หาย  ฯ
สรรพคุณทางยา
ยาไทยใช้เขากวางเป็นยาขนานหนึ่ง ตำรายาสรรพคุณยาโบราณ เขากวางเป็นยาเย็น ดับพิษทุกอย่าง มีสรรพคุณแก้ร้อน ถอนพิษแสดง หมอแผนไทยมักเอามาคั่วให้ไหม้เกรียม หรือสุมให้ดำเกรียม แล้วก็จึงเอามาผสมเข้าในตำรับยา
ในพระคู่มือโบราณอันเป็นต้นแบบของยาแพทย์แผนไทยนั้น มีตำรับยาที่ เข้า  “เขากวาง” หลายขนาน ในที่นี้ขอยกตัวอย่างยาขนานหนึ่งใน  พระคัมภีร์มหาโชตรัต ดังนี้สิทธิการิยะ ถ้าหากคนไหนกันไม่สบายแลให้ร้อนด้านในให้ต้องการน้ำนัก แลตัวคนเจ็บนั้นให้แข็งกระด้าง เหมือนหนึ่งขอนไม้แลท่อนฟืน ให้ตัวนั้นเป็นเหน็บชาไปทั่วอีกทั้งกายหยิกไม่เจ็บ   ท่านว่าเกิดรอยดำ  ด้านในแลให้ปากแห้งคอแห้งฟันแห้งนมเศร้าให้เป็นต่างๆนั้น ท่านว่ารอยดำผุดออกยังไม่สิ้น ยังอยู่ในหัวใจนั้น ถ้าจะแก้ให้เอา รากกะตังบาย  ๑  จันทร์ทั้งยัง  ๒  สนเทศ  ๑  ระย่อม  ๑  มองดูท้องนาศ  ๑  รากแตงรุนแรง  ๑  รากหมูปลดปล่อย  ๒  หัวมหารอยแดง  ๑  หัวกะตอนเช้าผีมด  ๑  รากไคร้เครือ  ๑  ใบหยุด  ๑  ใบพิมเสน  ๑  ใบเฉพร้าหอม  ๑  ใบทองพันชั่ง  ๑  เขากวาง ๑  งาช้าง  ๑  เขี้ยวเสือ  ๑  เขี้ยวหมี  ๑   เขี้ยวไอ้เข้  ๑   เขี้ยวหมูป่า  ๑   เขี้ยวแรด  ๑   ฟันกรามพญานาค  ๑   เขี้ยวปลาพะยูน  ๑   เกสรดอกบัวน้ำทั้งยัง  ๗   ผลสมอพิเภก  ๑   เทียนดำ  ๑   ใบสทายใจ  ๑   เปลือกไข่เป็ดสด  ๑   ผลจันทร์  ๑   ดอกจันทร์  ๑   สมอไทย ๑   รากมะรุมบ้าน  ๑   รวมยาดังนี้เอาเท่าเทียมกัน   ทำผงแล้วจึงบดปั้นแท่งไว้ ฝนด้วยน้ำดอกไม้ ทั้งกินพ่น แก้สรรพไข้ทุกอันดังที่ได้กล่าวมาแล้วมานั้น หายแล

 

Sitemap 1 2 3