[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพรก้างปลาเครือ[/url][/size][/b]
ก้างปลาเครือ Phyllanthus reticulatus Poir.บางถิ่นเรียก ก้างปลาเครือ (ทั่วไป) กระบอง (จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) ก้างปลาขาว (จังหวัดอ่างทอง เชียงใหม่) ก้างแดง (จังหวัดสุราษฎร์ธานี) ข่าคล่องแคล่ว (จังหวัดสุพรรณบุรี)โค่คึย สะกางรครั้ง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) หมัดคำ (แพร่) อำอ้าย (จังหวัดโคราช).
ไม้พุ่ม ครึ่ง ไม้เถา หมดจด หรือ มีขนเล็กน้อย กิ่งมีขนาดเล็ก. ใบ ผู้เดียว เรียงสลับกัน รูปไข่ หรือ รีปนขอบขนาน กว้าง 1.5-2 เซนติเมตร ยาว 2-3 เซนติเมตร ปลายใบมน หรือ หยักเว้าเล็กน้อย; ขอบใบเกลี้ยง โคนใบสอบ หรือ มน; ก้านใบยาว 2-3 มิลลิเมตร ดอก ออก 2-3 ดอก ตามง่ามใบเป็นช่อสั้นๆดอกแยกเพศ.
สมุนไพร ดอกเพศผู้ มีกลีบรองกลีบ 4-6 กลีบ; ไม่มีกลีบ; เกสรผู้ 3-6 อัน ก้านเกสรแยกกัน หรือ ชิดกันก็ได้. ดอกเพศเมีย กลีบรองกลีบดอกไม้ดังของดอกเพศผู้ รังไข่มี 3-4 ช่อง แต่ละช่องมีไข่อ่อน 2 หน่วย ท่อรังไข่แยกกัน หรือ ชิดกันก็ได้ แม้กระนั้นจำนวนมากจะแยกเป็น 2 แฉก. ผล นุ่ม ด้านในมี 8-16 เมล็ด. เมล็ด มีหน้าตัดเป็น 3 เหลี่ยมด้านแตกต่างกัน
นิเวศน์วิทยา: ขึ้นทั่วไปในป่าดงดิบ ป่าผลัดใบ แล้วก็ที่รกร้างว่างเปล่าทั่วไป.
สรรพคุณ : ราก น้ำสุกรากรับประทานเป็นยาแก้โรคหืดหอบ ต้น น้ำต้ม หรือ ยาชงเปลือก กินแก้น้ำเหลืองเสีย ขับปัสสาวะ ฟอกโลหิต แก้บิด และท้องร่วง ใบ น้ำสุกใบ รับประทานเป็นยาขับเยี่ยว; บดเป็นผุยผงใช้ใส่แผล ปั้นเป็นลูกกลอนผสมกับ การบูร (camphor) และก็ cubeb สารที่สกัดได้จากตะไคร้ต้น (Litsea cubeba Pers.) ใช้อมให้ละลายช้าๆแก้เลือดออกตามไรฟัน ผล รับประทานเป็นยาฝาดสมานในระบบทางเดินอาหาร และแก้อาการอักเสบต่างๆ
