ผู้เขียน หัวข้อ: นมผึ้งและคุณค่าที่น่ารู้และจำเป็นต้องลองหามาทานซักครั้ง  (อ่าน 253 ครั้ง)

suChompunuch

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2164
    • ดูรายละเอียด
นมผึ้ง ได้ผลผลิตที่หลั่งออกมาจากต่อมไฮโปฟาริงจ์ (Hypopharyngeal Gland) ของผึ้งงาน นมผึ้งมีลักษณะเป็นของเหลวสีขาวเหมือนน้ำนม รสหวาน มีกลิ่นเปรี้ยวน้อย เป็นอาหารหลักของผึ้งนางพญารวมทั้งตัวอ่อนผึ้งเพื่อช่วยกระตุ้นในการเติบโต หลายประเทศใช้นมผึ้งในฐานะยารักษาโรค อาหารเสริม และก็ยังรวมทั้งเป็นส่วนประกอบของครีมบำรุงและก็เครื่องสำอาง
นมผึ้ง
นมผึ้งมีน้ำเป็นองค์ประกอบหลักประมาณ 60-70% รวมทั้งอุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆอาทิเช่น โปรตีน น้ำตาล วิตามิน เกลือแร่ และกรดอะมิโน นอกนั้น ยังพบสารอื่นในนมผึ้ง ดังเช่นว่า กรดไขมันเอชดีเอ (10-Hydroxy-Trans-2-Decenoic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีบทบาทสำหรับการเจริญเติบโตของผึ้ง สารแอสิว่ากล่าวลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องกับความรู้ความเข้าใจสึกรวมทั้งกลไกลักษณะการทำงานของร่างกาย รวมถึงฮอร์โมนเพศ อย่างเช่น เทสโทสเตอโรน โปรเจสเตอโรน เป็นต้น ดังนี้สถานที่ ภูมิศาสตร์ และลักษณะอากาศเป็นตัวแปรที่ทำให้องค์ประกอบของนมผึ้งแตกต่างออกไป หลายท่านเชื่อว่าการรับประทานนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยบรรเทาอาการวัยทอง กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย รักษาโรคเบาหวาน รวมถึงแผลเบาหวาน ฯลฯ ทั้งยังเชื่อกันอีกว่าถ้าหากนำนมผึ้งทาที่หนังศีรษะอาจช่วยกระตุ้นการเจริญก้าวหน้าเติบของเส้นผมอีกด้วย ซึ่งคำกล่าวอ้างพวกนี้จะเป็นจริงหรือเปล่า และมีหลักฐานทางการแพทย์มาดน้อยแค่ไหนที่จะช่วยยืนยันคุณประโยชน์ ประโยชน์ และก็ความปลอดภัยของนมผึ้งที่มีหน้าที่หรือส่วนช่วยสำหรับในการรักษาโรคเหล่านี้
คุณประโยชน์ของนมผึ้งที่อาจมีต่อร่างกาย
ทุเลาอาการวัยทอง อาการวัยทองคือปัญหาทางสุขภาพที่เกิดขึ้นอยู่กับผู้หญิงกลางคน ก่อให้เกิดอาการหลายสิ่งหลายอย่าง ดังเช่นว่า ช่องคลอดแห้ง แสบร้อนหรือคันในช่องคลอด เจ็บขณะร่วมเพศ ฯลฯ อาการดังที่กล่าวมาแล้วสามารถบรรเทาลงได้ด้วยการใช้สารหล่อลื่น แต่สารหล่อลื่นโดยมากจะออกฤทธิ์ได้เพียงชั่วครั้งคราว ซึ่งนมผึ้งมีคุณลักษณะต้านจุลชีวัน (Antimicrobial Activity) แล้วก็มีคุณลักษณะเหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน จากการเรียนโดยให้สตรีวัยทองที่แต่งงานแล้วอายุ 50-65 ปี จำนวน 90 คน กรุ๊ปหนึ่งใช้ครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้ง 15% กลุ่มหนึ่งใช้ฮอร์โมนตอบแทนเอสโตรเจนจำพวกครีมแบรนด์หนึ่ง แล้วก็อีกกลุ่มใช้สารหล่อลื่นทาบริเวณช่องคลอดตรงเวลา 3 เดือน พบว่าครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้งมีประสิทธิภาพในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสตรีวัยทองได้มากกว่าอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับฮอร์โมนชดเชยเอสโตรเจนประเภทครีมและก็สารหล่อลื่น ซึ่งจากผลการทดสอบอาจพูดได้ว่าการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตรวมทั้งทุเลาอาการวัยทองที่เกี่ยวข้องกับช่องคลอดของเพศหญิงวัยทอง แล้วก็ทางผู้ศึกษาค้นคว้าและวิจัยยังได้เจาะจงอีกว่าถ้าเกิดเพิ่มความเข้มข้นของนมผึ้งก็บางทีก็อาจจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้เยอะขึ้นเรื่อยๆได้
ลดระดับไขมันในเลือด นมผึ้งมีส่วนประกอบของสารอาหารหลากหลายประเภท หนึ่งในนั้นคือกรดไขมันสายกลาง (Medium Chain Fatty Acid) และสารประกอบที่มีคุณสมบัติช่วยลดไขมันในเลือด ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาเรียนรู้ที่ให้เพศหญิงวัยทองสุขภาพดีปริมาณ 36 คนรับประทานนมผึ้งขนาด 150 มิลลิกรัม ตรงเวลา 3 เดือน โดยตรวจปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะเป็นผลให้กำเนิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ รวมทั้งระดับไขมันในเลือดทั้งก่อนแล้วก็ข้างหลังการทดลอง พบว่ามีการเปลี่ยนของระดับไขมันในเลือดอย่างมีนัยสำคัญ โดยที่ระดับคอเลสเตอรอลจำพวกที่ไม่ดี (LDL) ลดลง 4.1% ระดับคอเลสเตอรอลรวม (TC) ลดน้อยลง 3.09% และระดับคอเลสเตอรอลจำพวกที่ดี (HDL) มากขึ้น 7.7% จากผลการทดลองอาจกล่าวได้ว่าการกินนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยลดระดับไขมันในเลือดรวมทั้งบางทีอาจเป็นช่องทางหนึ่งสำหรับการควบคุมอาการวัยทองที่เกี่ยวกับภาวะไขมันในเลือดสูง
นอกนั้น ยังมีอีกการเรียนรู้หนึ่งที่ให้อาสาสมัครซึ่งมีภาวะไขมันในเลือดสูงประเภทไม่รุนแรงจำนวน 40 คน รับประทานนมผึ้งขนาด 350 มิลลิกรัมวันละ 9 แคปซูล ตรงเวลา 3 เดือนก็แสดงให้เห็นถึงระดับไขมันในเลือดที่ลดลงเช่นกัน ทั้งยังยังช่วยกระตุ้นฮอร์โมนเพศ (Dehydroepiandrosterone Sulphate: DHEA-S) รวมทั้งลดการเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดและก็หัวใจได้อีกด้วย
ทุเลาอาการก่อนมีระดู อาการก่อนมีประจำเดือนมักส่งผลในทางลบกับสุขภาพของผู้หญิง บางครั้งการดูแลและรักษาโดยไม่ใช้ยาก็อาจช่วยบรรเทาให้อาการต่างๆดียิ่งขึ้นได้ ซึ่งสอดคล้องกับการเรียนรู้ชิ้นหนึ่งที่ให้นักศึกษาแพทย์จำนวน 110 คน กินนมผึ้งขนาด 1,000 มิลลิกรัมวันละ 1 ครั้ง โดยเริ่มในวันแรกที่มีระดู แล้วก็รับประทานสม่ำเสมอจนหมดรอบเดือนในรอบต่อไป พบว่าอาการก่อนมีเมนส์ลดลง จากผลการทดลองอาจพูดได้ว่าการกินนมผึ้งติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือน บางทีอาจช่วยทุเลาอาการก่อนมีเมนส์ได้
รักษาแผลโรคเบาหวาน แผลโรคเบาหวานเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้มากในผู้เจ็บป่วยเบาหวานที่ควบคุมอาการได้ไม่ดี จำนวนมากจะพบแผลโรคเบาหวานที่รอบๆเท้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิ้วโป้งเท้ารวมทั้งปลายฝ่าตีน ซึ่งนมผึ้งประกอบไปด้วยสารประกอบฟีนอลิคปฏิบัติภารกิจต่อต้านอนุมูลอิสระ โปรตีนที่มีคุณลักษณะต้านทานเชื้อแบคทีเรีย และก็กรดไขมันเอชดีเอ ที่ช่วยต้านเชื้อจุลินทรีย์ ก็เลยคาดว่าบางทีก็อาจจะช่วยรักษาแผลโรคเบาหวานได้ จากการศึกษาชิ้นหนึ่งให้คนไข้ที่มีแผลเบาหวานที่ได้รับการดูแลและรักษาหลักตามเดิม ทายาที่มีความเข้มข้นของนมผึ้ง 5% ในบริเวณที่เป็นแผลรวมทั้งปิดแผลด้วยแผ่นปิดแผลจำพวกไม่มีเชื้อตรงเวลา 3 เดือนหรือจนกว่าแผลจะหาย และมีการวัดผลอาทิตย์ละ 3 ครั้ง พบว่าใช้เวลาเฉลี่ย 41 วันจึงทำให้แผลหายดี และก็ค่าเฉลี่ยของความยาว ความกว้าง รวมทั้งความลึกของแผลต่ำลงวันละ 0.35 มิลลิเมตร 0.28 มิลลิเมตร รวมทั้ง 0.11 มม.เป็นลำดับ จากผลการศึกษาเรียนรู้อาจจะกล่าวว่านมผึ้งอาจมีคุณภาพเป็นโอกาสหนึ่งในการรักษาแผลเบาหวานควบคุ่ไปกับการรักษาหลัก อย่างไรก็ตามผลการศึกษาข้างต้นมีผู้เข้าร่วมการทดสอบเพียง 8 คนซึ่งบางทีก็อาจจะเล็กเหลือเกินที่จะสรุปสมรรถนะของนมผึ้งในการรักษาแผลเบาหวาน
แม้กระนั้นการศึกษาเล่าเรียนชิ้นหนึ่งได้บ่งบอกถึงผลลัพธ์ของนมผึ้งที่แตกต่างออกไป โดยให้คนที่มีแผลเบาหวานทายาซึ่งมีความเข้มข้นของนมผึ้ง 5% ในบริเวณที่เป็นแผลตรงเวลา 3 เดือนหรือจะกว่าแผลจะหายเช่นกัน แต่ว่ายังไม่สามารถสรุปได้ว่านมผึ้งมีประสิทธิภาพในการรักษาแผลโรคเบาหวานได้มากกว่าเมื่อเทียบกับกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก
เนื่องด้วยการเล่าเรียนทั้งยัง 2 ชิ้นข้างต้นชี้ให้เห็นคำตอบของนมผึ้งที่ตรงกันข้ามกัน ก็เลยอาจยังไม่สามารถที่จะสรุปคุณภาพของนมผึ้งสำหรับการรักษาแผลโรคเบาหวานได้อย่างเห็นได้ชัด ก็เลยต้องศึกษาเล่าเรียนเพิ่มเติม
ทุเลาอาการอ่อนล้าจากโรคมะเร็ง
อาการอ่อนเพลียที่มีเหตุที่เกิดจากโรคมะเร็งมีสาเหตุมาจากการดูแลรักษาการฉายรังสีหรือการทำเคมีบำบัดรักษา มักมีผลต่ออารมณ์ จิตใจ ร่างกาย รวมทั้งคุณภาพชีวิตของคนป่วย ซึ่งการกินยา การบำบัด หรือการบริหารร่างกายบางทีอาจช่วยบรรเทาอาการลงได้ รวมทั้งการกินอาหารเสริม ตัวอย่างเช่น นมผึ้งก็อาจมีส่วนช่วยบรรเทาอาการเช่นเดียวกัน จึงสอดคล้องกับการเล่าเรียนหนึ่งที่ให้คนเจ็บโรคมะเร็งอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 52 คน พบว่ากลุ่มที่กินน้ำผึ้งดัดแปลงรวมทั้งนมผึ้งขนาด 5 มก. วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ มีลักษณะอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจากโรคมะเร็งดีขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติเมื่อเทียบกับอีกกลุ่มที่ักินน้ำผึ้งบริสุทธิ์ อย่างไรก็ดียังควรต้องศึกษาเพิ่มอีกถึงหน้าที่ที่จริงจริงของนมผึ้งสำหรับการทุเลาอาการอ่อนแรงจากโรคมะเร็ง
รักษาไข้ละอองฟาง
โรคภูมิแพ้ที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองอย่างหนักกับละอองเกสรดอกไม้หรือสารอื่นๆทำให้ผู้ป่วยมีลักษณะคัดจมูก น้ำมูกไหล คันตา หูอื้อ เป็นต้น ซึ่งจากการเรียนทดสอบโดยให้เด็กอายุ 5-16 ปี ที่เจ็บป่วยละอองฟาง ปริมาณ 80 คน กรุ๊ปหนึ่งรักษาด้วยการใช้การรับประทานสินค้าที่มีส่วนผสมของนมผึ้งและอีกกรุ๊ปรับประทานยาหลอกเป็นเวลา 3-6 เดือน และกระทั่งจะสิ้นสุดฤดูของเกสรดอกไม้ พบว่าทั้งยัง 2 กลุ่มยังคงพบลักษณะของไข้ละอองฟาง แล้วก็มีระดับความร้ายแรงของอาการที่ไม่มีความแตกต่างกันมากสักเท่าไรนัก จากผลการศึกษาวิจัยอาจจะบอกได้ว่านมผึ้งบางทีอาจไม่มีสมรรถนะต่อการดูแลและรักษาไข้ละอองฟางและไม่สามารถบรรเทาอาการต่างๆให้ได้ ก็เลยยังจำเป็นที่จะต้องศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสามารถของนมผึ้งสำหรับในการรักษาไข้ละอองฟางที่แจ้งชัดยิ่งขึ้น
ความปลอดภัยสำหรับในการกินนมผึ้ง
การกินนมผึ้งออกจะไม่มีอันตรายแม้กินในปริมาณที่เหมาะสม แม้กระนั้นก็ได้โอกาสที่จะเป็นผลข้างเคียงได้ อย่างเช่น เลือดออกในลำไส้ เจ็บท้อง หรือถ่ายเป็นเลือด ฯลฯ บางรายถ้าเกิดมีอาการแพ้อย่างหนักอาจจะก่อให้มีอาการโรคหอบหืด คอบวม หรือถึงขั้นเสียชีวิต อีกทั้งการใช้นมผึ้งทาที่รอบๆผิวหนังค่อนข้างปลอดภัย แต่ว่าไม่ควรทาบริเวณหนังหัวเพราะเหตุว่าอาจจะส่งผลให้เกิดอาการแพ้ ผื่นคัน หรือมีอาการอักเสบ
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : นมผึ้งสรรพคุณ

Tags : นมผึ้ง,royal jelly,นมผึ้งสรรพคุณ

 

Sitemap 1 2 3