ผู้เขียน หัวข้อ: โรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 274 ครั้ง)

pramotepra222

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2596
    • ดูรายละเอียด

โรคไวรัสตับอักเสบ (Viral hepatitis)

  • โรคไวรัสตับอักเสบคืออะไร ตับนับเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย ซึ่งโดยธรรมดาแล้วจะมีน้ำหนักโดยประมาณ 1.5 โล อยู่ข้างหลังเครื่องบังลมและก็มีหน้าที่ที่สำคัญต่างๆดังนี้ เป็นคลังเก็บของสะสมอาหาร ดังเช่น แป้ง ไขมัน โปรตีน เอาไว้ใช้ แล้วก็ปล่อยเมื่อร่างกายอยาก สังเคราะห์สารต่างๆอย่างเช่น น้ำดี สารควบคุมการแข็งตัวของเลือด ฮอร์โมน กำจัดสารพิษ และก็สิ่งแปลกปลอม เช่นเชื้อโรค หรือยา แม้กระนั้นในขณะนี้ชาวไทยมีอัตราการตายด้วยโรคที่เกี่ยวกับตับสูงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคตับแข็ง โรคมะเร็งตับ ภาวการณ์ไขมันสะสมในตับ และโรคตับอักเสบ ผู้ที่เจ็บป่วยที่มีสาเหตุมาจากโรคตับอักเสบพบได้ทุกวัย ทั้งยังชายและก็หญิง ส่วนใหญ่เป็นโรคตับอักเสบทันควัน ส่วนน้อยเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรังรวมทั้งอาจมีภาวะแทรกซ้อนของโรคตับแข็ง ตับวาย มะเร็งตับ

    ตับอักเสบ เป็นสภาวะทางการแพทย์ที่มีการอักเสบของตับและมีการทำลายของเซลล์ตับ ทำให้การทำหน้าที่ต่างๆของตับไม่ดีเหมือนปกติ ร่างกายบางทีอาจออกอาการเจ็บป่วยน้อยหรือไม่ออกอาการเลยแต่ว่ามักจะนำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการดีซ่าน อาการเบื่อข้าว แล้วก็ลักษณะของการมีไข้ 
    สาเหตุของโรคตับอักเสบ ที่พบได้บ่อยที่สุดเป็น การต่อว่าซุกซนไวรัส รองลงมามีเหตุที่เกิดจาก พิษเหล้า เชื้อแบคทีเรีย เชื้อโปรโตซัวเลปโตสไปโสสิส พยาธิ ยาบางประเภท สารเคมี โดยส่วนมากจะมีเหตุมาจากการตำหนิดเชื้อไวรัสจำพวกต่างๆซึ่งมีอยู่หลายชนิดร่วมกันหมายถึงไวรัสตับอักเสบประเภท อี ซึ่งแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันในเนื้อหาโดยธรรมดาเมื่อร่างกายได้รับเชื้อไวรัสตับอับเสบ ระบบภูมิต้านทานจะสามารถกำจัดเชื้อรวมทั้งจะหายเองได้ แต่ว่ามีบางรายร่างกายไม่สามารถที่จะกำจัดเชื้อได้หมด แปลงเป็นตับอักเสบเรื้อรัง แล้วก็ส่งผลให้เกิดสภาวะโรคตับแข็งรวมทั้งมะเร็งตับต่อไป
    นอกจากนี้โรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัส (Viral Hepatitis) เป็นโรคติดเชื้อที่มีความรุ่นแรงสูงและก็เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญปัญหาหนึ่ง องค์การอนามันโลก หรือ WHO จัดว่าโรคนี้เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของโลกทีเดียว เพื่อให้ราษฎรโลกตระหนักถึงภัยจากโรคตับอักเสบ องค์การอนามัยโลกจึงประกาศให้วัน ที่ 28 เดือนกรกฎาคมของทุกปีเป็น “วันโรคตับอักเสบโลก (World hepatitis day)”

  • สิ่งที่ทำให้เกิดโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ โรคเชื้อไวรัสตับอักเสบนั้นนับเป็นเยี่ยมในกรุ๊ปโรคตับอักเสบ ที่มีปัจจัยมมาจากการตำหนิดเชื้อไวรัส ซึ่งเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากเชื้อไวรัส 5 ประเภท คือ Hepatitis A virus (HAV), Hepatitis B virus (HBV), Hepatitis C virus (HCV), Hepatitis D virus (HDV) Hepatitis E virus (HEV) ยิ่งกว่านั้นอาจเกิดจากต้นสายปลายเหตุอื่นหรือเชื้อไวรัสตัวอื่นอีก ซึ่งยังไม่สามารถที่จะตรวจพบได้ เชื้อไวรัสตับอักเสบ ดังที่กล่าวถึงมาแล้วสามารถแบ่งได้ 2 กรุ๊ป คือ
  • กรุ๊ปที่ติดต่อทางการกิน ยกตัวอย่างเช่น HAV และก็ HEV โดยปกติอาการไม่รุนแรงมากเท่าไรนัก และไม่ส่งผลใกล้กันตามมา ผู้เจ็บป่วยที่หายจากการตำหนิดเชื้อกลุ่มนี้ในระยะเฉียบพลันแล้วจะไม่มีอาการตับอักเสบเรื้อรัง โรคตับแข็ง รวมทั้งโรคมะเร็ง
  • กลุ่มที่ติดต่อทางเลือด และเซ็กซ์ เป็นต้นว่า HBV แล้วก็ HCV เชื้อไวรัสกลุ่มนี้มีอาการแทรกตามมาได้สูง เนื่องจากว่าคนป่วยจำนวนไม่ใช่น้อยมีอาการติดโรคเรื้อรัง และก็อาจกลายเป็นโรคตับแข็ง หรือ โรคมะเร็งตับได้
  • ลักษณะของโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ อาการ ที่แจ่มแจ้ง คือ อ่อนเพลีย ดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง เยี่ยวเหลืองเหมือนขมิ้น) โดยมักไม่มีอาการไข้ (ตัวร้อน) ร่วมด้วย บางบุคคลอาจมีอาการปวดเสียด หรือจุกแน่น แถวลิ้นปี่ หรือชายโครงขวา (ซึ่งเป็นตำแหน่งของตับ) ในบางคนอาจสังเกตได้ว่า ก่อนมีลักษณะอาการโรคตับเหลือง จะมีลักษณะโรคดีซ่าน จะมีอาการเจ็บป่วย หมดแรง เบื่ออาหาร เหมือนไข้หวัดใหญ่ อาจมีอาการอาเจียน คลื่นไส้ ถ่าย เหลว หรือท้องเสียร่วมด้วย เมื่อไข้ลด (อาจมีไข้อยู่ 4-5วัน) ก็สังเกตเห็นฉี่เป็นสีเหลืองเข้ม แล้วเห็นอาการตาเหลือง ตัวเหลืองตามมา


นอกเหนือจากนั้น ถ้าเกิดผู้ป่วยได้รับการเจาะเลือดตรวจจะพบว่า ระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีทรานซาไม่เนส ยกตัวอย่างเช่น เอสจีโอที (SGOT) และก็เอสจีพีที (SGPT) ขึ้นสูงกว่าคนปกติ ทำให้วินิจฉัยได้แน่ๆว่า อาการดีซ่านที่เกิดจากโรคตับนั้น เป็นโรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัส คนเจ็บจะรู้สึกสบายขึ้น หายอ่อนล้า หายไม่อยากอาหาร ผู้ที่เป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง จะมีอาการอ่อนเพลีย อ่อนแรงง่าย บางครั้งบางคราวมีลักษณะอาการตาเหลืองเล็กน้อย นานเป็นปีฯ ถึงสิบๆปี ก่อนจะเกิดภาวะแทรกอื่นๆตามมา ส่วนคนที่เป็นพาหะของไวรัสตับอับเสบบีหรือซี จะไม่มีอาการไม่ปกติอะไรก็ตามให้เห็นจะทราบต่อเมื่อตรวจเลือดเจอเชื้อเท่านั้น ซึ่งถ้าหากจะแยกอาการตามชนิดของไวรัสที่นำมาซึ่งโรคตับอักเสบนั้นสามารถแยกได้ดังต่อไปนี้
ไวรัสตับอักเสบเอ จะเกิดอาการตับอักเสบเฉียบพลันเป็น หมดแรง ไม่อยากอาหาร โรคดีซ่าน โดยในผู้ใหญ่จะมีลักษณะอาการมากกว่าในเด็ก ไวรัสตับอักเสบเอเป็นไวรัสที่เป็นเฉียบพลัน หายแล้วหายสนิทในคนที่มีภูมิต้านทานแล้วจะไม่เป็นซ้ำอีก
เชื้อไวรัสตับอักเสบบี การต่อว่าดเชื้อจากเชื้อไวรัสจำพวกนี้มักจะทำให้เกิดการแอบเป็นเชื้อไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง โดยผลที่เกิดในระยะยาวของการติดเชื้อไวรัสบีนั้นคือ ผู้เจ็บป่วยมีการเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะตับแข็ง และก็มะเร็งตับได้ในระยะยาว แม้มิได้รับการตำหนิดตามรักษาที่สมควร
เชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี ไวรัสประเภทนี้มักไม่ทำให้มีการเกิดอาการแตกต่างจากปกติอะไรก็แล้วแต่จากสภาวะตับอักเสบฉับพลัน แต่จะก่อให้มีการอักเสบเรื้อรังของตับ เมื่อมีการอักเสบไปนานๆก็จะเกิดพังผืดสะสมในตับจนถึงกลายเป็นตับแข็งท้ายที่สุด
ไวรัสตับอักเสบ ดี อาการของไวรัสประเภทนี้จะทำให้เกิดตับอักเสบซ้ำซ้อนขึ้นมา เหมือนกันกับผู้เจ็บป่วยไวรัสตับอักเสบบี
เชื้อไวรัสตับอักเสบ อี การเกิดโรคของไวรัสจำพวกนี้จะมีผลให้กำเนิดตับอักเสบฉับพลัน ตัวเหลืองตาเหลือง คนไข้หลายๆรายอาจมีอาการเหลืองนานเป็นอาทิตย์ หรือ สองสามเดือนได้

  • กรุ๊ปบุคคลที่เสี่ยงจะเป็นโรคไวรัสตับอักเสบ


เชื้อไวรัสตับอักเสบจำพวกเอ กลุ่มชนที่เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบประเภทเอสูงคือ กลุ่มที่มีสุขอนามัยหรือการสุขาภิบาลไม่ดี เช่น รับประทานอาหารครึ่งดิบครึ่งสุกรับประทานอาการหรือน้ำที่ไม่สะอาดแล้วก็คนที่อยู่ในสถานที่ยัดเยียด
เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี เหตุเพราะ ไวรัสประเภทนี้พบได้ทั่วไปในสารคัดเลือกหลั่งของผู้คน อาทิเช่น เลือด น้ำนม อสุจิ น้ำลาย เพราะฉะนั้นกลุ่มเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ จึงได้แก้คนที่จำเป็นต้องสัมผัสกับสารคัดเลือกหลั่งกลุ่มนี้ ยิ่งกว่านั้นยังสามารถติดเชื้อจากแม่สู่ลูกได้อีกด้วย
เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดซี กรุ๊ปบุคคลที่มีความเสี่ยงสำหรับการติดโรค ดังเช่นว่า บุคคลที่ใช้เข็มหรือของมีคมร่วมกัน เป็นต้นว่า ผู้ติดเฮโรอีน กลุ่มผู้ที่ถูกใจสักตามร่างกาย ฯลฯ
ไวรัสตับอักเสบประเภทดี เชื้อไวรัสชนิดนี้เป็นไวรัสที่ชอบพบว่าเกิดขึ้นพร้อมด้วยไวรัสตับอักเสบบี ดังนั้นกลุ่มเสี่ยงที่จะติดโรคไวรัสตับอักเสบดีก็เลยเป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เหมือนกับผู้ที่เสี่ยงจะติดเชื้อโรคไวรัสตับอักเสบบี
เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดอี ไวรัสประเภทนี้สามารถเจอได้ในคนและสัตว์ ดังเช่น หมูแล้วก็สัตว์อื่นๆและกรุ๊ปบุคคลที่เสี่ยงตายดเชื้อไวรัสชนิดนี้อย่างเช่นบุคคลที่ทานอาหารสุบๆดิบๆหรือคนที่สีสุขภาวะไม่สะอาดฯลฯ

  • กระบวนการรักษาโรคไวรัสตับอักเสบ แพทย์วินิจฉัยโรคไวรัสตับอักเสบได้จาก ประวัติความเป็นมาอาการของผู้เจ็บป่วย ประวัติการสัมผัสโรค (อาทิเช่น การกินอาหาร การได้รับเลือด การระบาดของโรคในสถานที่ทำงาน การมีเพศสัมพันธ์สำส่อน หรือการใช้ยาเสพติด) การตรวจร่างกาย หากมีลักษณะแจ่มแจ้ง คือ มีอาการอ่อนแรง โรคดีซ่าน โดยมีลักษณะคล้ายไข้หวัดใหญ่นำมาก่อน ไม่มีเรื่องราวดื่มสุราจัด น้ำหนักลดเล็กน้อย (เพียงแค่ 1-2 กก.) ยังรับประทานอาหารได้ กินน้ำได้ ไม่อ้วก หมอจะวิเคราะห์โดยการตรวจร่างกายเพิ่มอีก ตัวอย่างเช่น ตรวจพบตับโตนิดหน่อย ลักษณะนุ่ม ไม่เจ็บมาก โดยไม่พบสิ่งผิดปกติอื่นๆรวมถึงไม่เจออาการไข้ (ตัวร้อน) ก็บางทีอาจวินิจฉัยว่าเป็นโรคตับอักเสบจากไวรัส รวมทั้งให้การดูแลรักษาช่วงต้นได้ แม้กระนั้นหากมีลักษณะไม่ชัดเจน หรือเป็นเรื้อรัง หรือสงสัยมีต้นเหตุจากมูลเหตุอื่น แพทย์จะกระทำตรวจการดำเนินงานของตับ โดยการหาระดับ SGOTAST,SGPT ALTค่าธรรมดาน้อยกว่า 40 IU/L ถ้าค่ามากยิ่งกว่า 1.5-2 เท่าให้สงสัยว่าตับอักเสบ หากพบว่าผิดปกติแพทย์จะขอตรวจเดือนละครั้งต่อเนื่องกันอย่างน้อย 3 เดือน การตรวจค้นตัวเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ ตรวจหา Ig M Anti HAV ไวรัสตับอักเสบ บี ตรวจค้น HBsAg หากบวกแสดงว่ามีเชื้ออยู่   Anti HBs ถ้าหากบวกมีความหมายว่ามีภูไม่ต่อเชื้อ  HBeAg หากบวกแปลว่าเชื้อมีการแบ่งตัว HBV-DNA เป็นการตรวจเพื่อหาปริมาณเชื้อ เชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี Anti-HCV เป็นการพูดว่ามีภูเขาไม่ต่อเชื้อ  HCV-RNA มองจำนวนของเชื้อ การตรวจตราส่วนประกอบของตับ อย่างเช่นการตรวจคลื่นเสียงเพื่อมองว่ามีตับแข็งหรือโรคมะเร็งตับหรือไม่ การตรวจชิ้นเนื้อตับ แพทย์ผู้ชำนาญจะนำชิ้นเนื้อตับเพื่อวินิจฉัยความรุนแรงของโรค    เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัส แพทย์จะเสนอแนะการกระทำตัวต่างๆถ้าหากว่าไม่มีอาการอะไรจำนวนมากก็จะไม่ให้ยา เนื่องเพราะโรคนี้ไม่มียารักษาเจาะจง รวมทั้งนัดคนป่วยมาตรวจทานอาการทุก 1-2สัปดาห์ จนกระทั่งจะแน่ใจว่าหายดี  คนป่วยโรคตับอักเสบไวรัสโดยมากมักมีลักษณะอาการไม่รุนแรง หากแม้ไม่ได้รับการดูแลรักษาเป็นพิเศษก็หายได้เอง คนไข้ที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ คือ ผู้ที่มีลักษณะอาการอ่อนเพลียมากมาย รับประทานอาหารมิได้ อ้วกอาเจียนมากมาย เจ็บท้องมาก ตัวเหลืองจัด ปวดมึนศีรษะรุนแรง พูดไม่เข้าใจ หรือไม่รู้ตัว และหญิงมีท้องแล้วก็ผู้เจ็บป่วยที่เป็นโรคอื่นอยู่เดิม  บางทีบางทีอาจให้ยาทุเลาตามอาการ ดังเช่นว่า ยาแก้อาเจียน วิตามินบำรุง (ถ้าไม่อยากอาหารมากมาย) ฉีดเดกซ์โทรสหรือให้น้ำเกลือ (ถ้าเกิดกินได้น้อย หรืออาเจียนมาก) เป็นต้น ถ้าตรวจพบว่าเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง (ซึ่ง มักเป็นผลมาจากเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี) ซึ่งจะมีลักษณะอักเสบนานเกิน 6 เดือน แพทย์อาจจำต้องทำการตรวจพิเศษ อาทิเช่น เจาะเนื้อตับออกมาพิสูจน์ ตรวจเลือดเพื่อดูสาเหตุความรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนเป็นระยะการดูแลรักษาบางทีอาจฉีดยาอินเตอร์เฟียรอน (interferon) สัปดาห์ละ 3 ครั้ง นาน 4-6 เดือน ยานี้จะช่วยลดปริมาณเชื้อไวรัส และก็ลดการอักเสบของตับ ส่วนคนที่ตรวจพบว่าเป็นพาหะ ของไวรัสตับอักเสบบีหรือซี หมอจะชี้แนะการปฏิบัติตัว รวมทั้งนัดตรวจทุก 3-6 เดือน ไปเรื่อยๆเพื่อเฝ้าดูอาการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด
  • การติดต่อของโรคไวรัสตับอักเสบ
  • เชื้อไวรัสตับอักเสบเอ (hepatitis A virus ย่อว่า HAV) สามารถติดต่อทางระบบทางเดินอาหาร โดยการกินอาหาร ดื่มนมหรือน้ำที่แปดเปื้อนอุจจาระของผู้ที่มีเชื้อโรคนี้ (เหมือนกับโรคบิด อหิวาต์ ไทฟอยด์) ด้วยเหตุนั้นก็เลยสามารถแพร่ไปได้ง่าย บางเวลาบางทีอาจพบการระบาดในค่ายทหาร โรงเรียน หรือ หมู่บ้าน

ระยะฟักตัวของโรคตับอักเสบจากไวรัสเอ 15-45 วัน (เฉลี่ย 30 วัน)

  • เชื้อไวรัสตับอักเสบบี (hepatitis B virus ย่อว่า HBV) เชื้อนี้จะมีอยู่ในเลือด แล้วก็ยังอาจพบมีอยู่ในน้ำลาย น้ำตา นม ฉี่ น้ำกาม น้ำมูกในช่องคลอด เชื้อสามารถไปสู่ร่างกายโดยทางเพศสัมพันธ์ หรือถ่ายทอดจากแม่ที่มีเชื้อนี้ไปยังเด็กอ่อนขณะคลอด นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อโดยทางเลือด ดังเช่น การให้เลือด การฉีดยา การฝังเข็ม การสักตามร่างกาย การทำฟัน การใช้งานเครื่องมือหมอที่ด่างพร้อยเลือดของคนที่มีเชื้อโรคชนิดนี้ เป็นต้น
ระยะฟักตัวของโรคตับอักเสบจำพวกบี 30-180 วัน (เฉลี่ย 60-90 วัน)

  • เชื้อไวรัสตับอักเสบซี (hepatitis C virus ย่อว่า HCV) เชื้อนี้สามารถติดต่อชนิดเดียวกันกับไวรัสตับอักเสบบีทุกอย่าง และก็มีการดำเนินของโรคลักษณะเดียวกันกับเชื้อไวรัสตับอักเสบบี กล่าวอีกนัยหนึ่ง อาจจะก่อให้เป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง หรือผู้ที่ติดโรคบางทีอาจไม่มีอาการผิดปกติ แต่มีเชื้ออยู่ภายในร่างกายสามารถแพร่โรคให้ผู้อื่นได้ เรียกว่าเป็นพาหะของโรค (carrier) ในที่สุดอาจกำเนิดโรคแทรกรุนแรง คือ โรคตับแข็งกับโรคมะเร็งตับ ลักษณะของอาการเหล่านี้ชอบไม่เจอในคนที่ติดเชื้อเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ
  • ไวรัสตับอักเสบ ดี เป็นไวรัสที่ซ่อนเร้นมากับไวรัสตับอักเสบ บี พบได้ทั่วไปในกลุ่มประเทศยุโรป โดยเชื้อไวรัสตัวนี้ จะต้องอาศัยองค์ประกอบของเชื้อไวรัสตับอักเสบบี สำหรับเพื่อการแบ่งตัว ด้วยเหตุผลดังกล่าวการต่อว่าดเชื้อจะเกิดขึ้นกับไวรัสตับอักเสบบีหรือกำเนิดในคนป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีซ่อนเร้นอยู่ ในร่างกาย ด้วยเหตุผลดังกล่าวการติดต่อจึงมีลักษณะอย่างกับไวรัสตับอักเสบจำพวกบี
  • เชื้อไวรัสตับอักเสบอี การเกิดโรคในคนนั้นผู้ป่วยหลายๆรายมีประวัติสัมผัสหรือทานอาหารสุกๆดิบๆซึ่งเป็นเหตุของการตำหนิดเชื้อได้ โดยเหตุนั้นการติดต่อของไวรัสจำพวกนี้ก็เลยมีลักษณะเหมือนกับเชื้อไวรัสตับอักเสบจำพวกเอ
  • การกระทำตนเมื่อป่วยเป็นโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ
  • ทำตามหมอและพยาบาลที่รักษาเสนอแนะ
  • พักเต็มกำลัง ควรหยุดงาน หยุดสถานศึกษาตามแพทย์ชี้แนะ
  • กินน้ำสะอาดให้มากๆอย่างต่ำวันละ 8 - 10 แก้วเมื่อไม่มีโรคจำต้องจำกัดน้ำกิน
  • ทานอาหารเป็นประโยชน์ 5 หมู่ แม้กระนั้นควรจะเป็นของกินอ่อนย่อยง่าย เพิ่มผัก ผลไม้ให้มากๆ
  • รับประทานยาที่ช่วยบรรเทาอาการต่างๆตามหมอชี้แนะ
  • ไม่ซื้อยากินเองเนื่องจากว่าอาจก่อให้ตับอักเสบมากขึ้น หรืออาจมีผลกระทบจากยามากขึ้น เพราะว่าตับไม่สามารถกำจัดยาส่วนเกินออกมาจากร่างกายได้ตามธรรมดา
  • งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกประเภทเนื่องจากจะเพิ่มการทำลายเซลล์ตับ
  • รักษาสุขลักษณะรากฐาน (สุขข้อบังคับแห่งชาติ) เพื่อให้มีสุขภาพดี ลดความร้ายแรงของโรค รวมทั้งลดการแพร่ระบาดสู่ผู้อื่น
  • ล้างมือให้สะอาดเสมอๆโดยเฉพาะก่อนกินอาหารและก็หลังการขับถ่าย
  • แยกเครื่องใช้ ของใช้ส่วนตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก้วน้ำและก็ช้อน
  • พบหมอตามนัดหมายเสมอ และรีบเจอแพทย์ก่อนนัดเมื่อมีอาการแตกต่างจากปกติไปจากเดิม และ/หรือ เมื่ออาการต่างๆชั่วโคตรลง รวมทั้ง/หรือเมื่อกังวลในอาการ
  • ควรรีบพบหมอก่อนนัดหรือเป็นการฉุกเฉินเมื่อกิน/ดื่มมิได้ หรือกำเนิดอาการงงงัน และก็/หรือซึมลง เพราะว่าบางทีอาจเป็นลักษณะของตับวาย
  • การปกป้องตนเองจากโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ
  • รักษาสุขลักษณะเบื้องต้น (สุขข้อบังคับแห่งชาติ) เพื่อลดจังหวะติดเชื้อต่างๆ
  • ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่เสมอโดยยิ่งไปกว่านั้นก่อนอาหารรวมทั้งข้างหลังการขับถ่าย
  • กินแต่ของกินที่ปรุงสุกอย่างทั่วถึง สะอาด ดื่มแม้กระนั้นน้ำสะอาด ระวังการกินน้ำแข็ง รวมทั้งของกินครึ่งดิบครึ่งสุก
  • รักษาความสะอาดถ้วยน้ำและก็ช้อนเสมอ
  • ระแวดระวังการสัมผัสเลือดรวมทั้งสารคัดหลั่งของบุคคลอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานเครื่องมือบาง อย่างร่วมกันอาทิเช่น เข็มฉีดยา วัสดุสักตามร่างกาย และก็กรรไกรตัดเล็บ
  • ใช้ถุงยางชายเสมอเมื่อมีเพศสัมพันธ์
  • ฉีดยาคุ้มครองโรคไวรัสตับอักเสบจำพวกมีวัคซีน
  • การฉีดยาคุ้มครองปกป้อง เชื้อไวรัสตับอักเสบบเอ


o          ทารกแรกคลอดทุกราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากคุณแม่เป็นพาหะของเชื้อ
o          เด็กทั่วไป เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน
o          เด็กโต วัยรุ่น ผู้ใหญ่ บางทีอาจเคยติดเชื้อโรคไวรัสตับอักเสบ เอ แล้ว
o         จะเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรค

  • การฉีดยาคุ้มครองป้องกัน ไวรัสตับอักเสบบี


o       ทารกแรกคลอดทุกราย โดยเฉพาะหากมารดาเป็นพาหะของเชื้อ
o         เด็กทั่วไป เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทาน
o         เด็กโต วัยรุ่น ผู้ใหญ่ บางทีอาจเคยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี แล้ว ให้ตรวจเลือดก่อนพินิจฉีด วัคซีน

  • สมุนไพรที่ช่วยป้องกัน/รักษาโรคไวรัสตับอักเสบ

    ลูกใต้ใบ หรือ จูเกี๋ยเช่า เป็นหนึ่งสมุนไพรบำบัดตับ ต้นของลูกใต้ใบสามารถแก้ตับอักเสบ ต้นลูกใต้ใบประกอบด้วย สารไกลโคไซด์( Glycosides) ซาโพนิน (Saponin) แทนนิน (tannins) สารฟลาโวนอยด์ (flavonoid) ซึ่งเป็นกลุ่มสารพฤกษเคมี เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพืชนั้น ลูกใต้ใบช่วยบำรุงตับ ลดอาการตับอักเสบ มีผลการวิจัยในสัตว์พบว่า สามารถป้องกันความเป็นพิษของยาพาราเซตตามอลต่อตับได้ และยังมีผลการวิจัยพบสารสกัดจากลูกใต้ใบสามารถป้องกันไม่ให้ตับถูกทำลายจากสารพิษ อย่าง เหล้า ช่วยรักษาการอักเสบของตับทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง เช่น โรคไวรัสตับอักเสบบี และยังพบว่าทำให้การตับฟื้นตัวและยับยั้งเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ( HBV) ได้อีกด้วย
    โดยมีการทดลองและศึกษาวิจัยระหว่างคณะแพทย์จากสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา และคณะแพทย์อินเดียแห่งเมืองมีคราสได้ศึกษาวิจัยพืชสมุนไพรชนิดต่างๆ ที่มีการใช้รักษาอาการดีซ่านมาตั้งแต่โบราณ โดยได้นำพืชสมุนไพรกว่า 1,000 ชนิดที่ใช้กันทั่วโลกมาทดสอบ
    จากการทดลองพบว่า พืชสมุนไพรหลายชนิดมีฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์ดีเอ็นเอของไวรัสชนิดนี้ และสารสกัดของ ลูกใต้ใบ มีฤทธิ์สูงสุด การทดลองทางคลินิกในเมืองมีคราสทำโดยให้แคปซูลยาสมุนไพร 200 มิลลิกรัมน้ำหนักแห้งแก่ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ บี 37 คน วันละครั้ง 30 วันติดต่อกันพร้อมกับให้ยาหลอกซึ่งภายในแคปซูลบรรจุน้ำตาลแล็กโทสแทน 23 คน หลังจากนั้นเจาะเลือดผู้ป่วยมาตรวจหาเชื้อไวรัส พบว่าผู้ป่วย 22 คน (ร้อยละ 59) ไม่มีเชื้อไวรัสในกระแสเลือด ในขณะที่ผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกเพียง 1 คนที่ไม่พบเชื้อไวรัสในกระแสเลือด และภายหลังการติดตามผลการรักษาต่อไปอีก 9 เดือน พบว่า ผู้ป่วยทั้ง 22 คน ยังคงตรวจไม่พบเชื้อไวรัสในกระแสเลือดต่อไป
    เห็ดหลินจือ มีสารโพลีแซกคาไรด์ (polysaccharides) ออกฤทธิ์ยับยั้งสารพิษต่อตับ ไม่ให้ทำลายเซลล์ตับ เช่นสาร คาร์บอนเตตราคลอไรด์ ปรับปรุงการทำงานของตับ และยังช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีสารกลุ่มไตรเทอร์ปินนอยด์ (triterpenoids) ซึ่งมีสรรพคุณยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งตับ และสารเยอร์มาเนียม(germanium )ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายและยังมีกรดกาโนเดอลิก (ganoderic acid) กรดลูซิเดนิก (luci denic acid) เป็นสารต่อต้านสารพิษที่มีต่อตับ ยังช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติในตับ
    เอกสารอ้างอิง

  • โรคตับอักเสบ สรุปรายงานการเฝ้าระวังโรคประจำปี 2555.สำนักระบาดวิทยา.กรมควบคุมโรค.กระทรวงสาธารณสุข.
  • ศ.เกียรติคุณ พญ.พวงทอง ไกรพิบูลย์.ไวรัสตับอักเสบ(Viral hepatitis) .หาหมอดอทคอม.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก
  • รศ.พญ.จันทพงษ์ วะสี. โรคตับอักเสบ จากเชื้อไวรัส.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่81.คอลัมน์โรคน่ารู้.มกราคม.2529
  • มารู้จักไวรัสตับอักเสบกันเถอะ.โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน.คณะเวชศาสตร์เขตร้อน.มหาวิทยาลัยมหิดล.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก
  • รศ.นพ.สุรเกียรต์ อาชานานุภาพ.ตับอักเสบจากไวรัส.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่291.คอลัมน์สารานุกรมทันโรค.กรกฏาคม.2546
  • รศ.จันทร์เพ็ญ วิวัฒน์.การทดลองใช้ยาสมุนไพรรักษาไวรัสตับอักเสบ.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่121.คอลัมน์โลกกว้างและการแพทย์.พฤษภาคม.2541 http://www.disthai.com/
  • ศูนย์ข้อมูลโรคติดเชื้อและพาหนะนำโรค กรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
  • Dienstag,J., and Isselbacher, K. (2001). Acute viral hepatitis. In Braunwald, E., Fauci, A., Kasper, D., Hausen, S., Longo, D., and Jamesson, J. Harrrison’s: Principles of internal medicine. (p1721-1737). New York. McGraw-Hill.
  • สมพนธ์ บุณยคุปต์.(2538).ตับอักเสบ. งานการพยาบาลป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ ภาควิชาพยาบาลศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี.แผ่นพับ.
  • ทวีศักดิ์ แทนวันดี.(ม.ป.ป.).โรคตับอักเสบจากไวรัสซี. เชอริง-พราว จำกัด.
  • ชมรมตับอักเสบแห่งประเทศไทย (ม.ป.ป.).ไวรัสตับอักเสบมฤตยูเงียบ.เชอริง-พราว จำกัด.
  • ยง ภู่วรรณ.(2539).ไวรัสตับอักเสบและการป้องกัน. กรุงเทพฯ : ชัยเจริญ.


 

Sitemap 1 2 3