ผู้เขียน หัวข้อ: โรคหัวใจขาดเลือด - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 283 ครั้ง)

Saichonka

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2140
    • ดูรายละเอียด

โรคหัวใจขาดเลือด (Ischemic heart disease.IHD)

  • โรคหัวใจขาดเลือดคืออะไร
โรคหัวใจขาดเลือด ( Ischemic Heart Disease) เป็นโรคที่อาจพูดได้ว่าพบบ่อยในประเทศไทยและมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยรวมทั้งเป็นโรคที่เป็นสาเหตุของการถึงแก่กรรมชั้นต้นในประเทศที่ปรับปรุงแล้ว
หัวใจทำหน้าที่เหมือนเครื่องปั๊มน้ำ คอยสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะและก็ระบบต่างๆทั่วร่างกาย หัวใจประกอบด้วยกล้ามแล้วก็เนื้อเยื่อที่อยากได้เลือดไปเลี้ยงเช่นเดียวกับอวัยวะส่วนอื่นๆเส้นเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงหัวใจ ภาษาแพทย์เรียกว่า เส้นเลือดหัวใจ หรือ เส้นเลือดโคโรนารี (coronary artery) ซึ่งมีอยู่หลายกิ้งก้าน แต่ละแขนงจะแยกกันไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจส่วนต่างๆ
แต่ถ้าหากเส้นโลหิตหัวใจแขนงใดแขนงหนึ่งมีการลีบ ก็จะก็ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจเล็กน้อยขาดเลือดไปเลี้ยง เกิดลักษณะของการเจ็บจุกอกรวมทั้งเพลีย พวกเราเรียกว่า โรคหัวใจขาดเลือด (Ischemic heart disease เรียกชื่อย่อว่า IHD) บ้างก็เรียกว่า โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน หรืออุดกัน บ้างก็เรียกว่า โรคหัวใจโคโรสตรี (coronary heart disease เรียกชื่อย่อว่า CHD)
ด้วยเหตุนั้นโรคหัวใจขาดเลือด(Ischemicheart disease, IHD) หรือโรคเส้นเลือดแดงโคโรนารี(Coronary artery disease, CAD) จึงเป็น โรคจากเส้นเลือดแดงที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบหรือตัน ซึ่งโดยมากมีเหตุมาจากไขมันแล้วก็เนื้อเยื่อสะสมอยู่ในฝาผนังของเส้นเลือด มีผลให้เยื่อบุผนังเส้นเลือดชั้นในตำแหน่งนั้นดกตัวขึ้น คนป่วยจะมีอาการรวมทั้งอาการแสดงเมื่อเส้นโลหิตแดงนี้ตีบร้อยละ50 หรือมากกว่าอาการสำคัญที่พบได้มากเช่น อาการเจ็บเค้นอก ใจสั่น เหงื่อออก อ่อนล้าขณะออกแรง เป็นลมสลบหรือร้ายแรงถึงขึ้นเสียชีวิตเฉียบพลันได้
โรคหัวใจขาดเลือด เป็นโรคของผู้ใหญ่ตั้งแต่วัยเอ๊าะๆไปจนกระทั่งในคนสูงอายุ โดยพบได้สูงตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไปในช่วงวัยเจริญพันธุ์ พบโรคเส้นโลหิตหัวใจในเพศชายได้สูงขึ้นยิ่งกว่าในหญิง แม้กระนั้นภายหลังวัยหมดระดูถาวรแล้ว อีกทั้งสตรีรวมทั้งเพศชายมีโอกาสกำเนิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ใกล้เคียงกัน

  • สาเหตุของโรคหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจขาดเลือดเป็นโรคที่เกิดจากเส้นเลือดแดงที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบหรืออุดตันซึ่งเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากผนังเส้นเลือดแดงแข็ง ( Atherosclerosis ) และก็มีต้นเหตุที่เกิดจากการอักเสบ ( inflammation )  ของฝาผนังเส้นเลือดที่มีต้นเหตุมาจากครามพลาด (Plaque) ที่เกิดขึ้นจากไขมันตามที่กล่าวมาซึ่งข้อมูลในขณะนี้พบว่า เป็นขบวน การสำคัญที่ทำให้มีการเกิดเส้นโลหิตแดงแข็งตัว ต้นสายปลายเหตุพวกนี้จะมีผลกระตุ้นให้มีการสะสมของไขมัน ที่ผนังเส้นเลือดนำมาซึ่งการตีบของหลอดเลือดสุดท้าย แล้วก็เมื่อมีการตีบแคบตั้งแต่ปริมาณร้อยละ70 ของความกว้างของเส้นโลหิตขึ้นไปก็จะก่อให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอกำเนิดอาการแน่นหน้าอกขึ้นมาแล้วก็ซึ่งกำเนิดเพราะการมีไขมันไปเกาะอยู่ด้านในฝาผนังเส้นเลือด เรียกว่า “ขี้ตะกรันท่อเส้นเลือด” (Artherosclerotic plaque) ซึ่งจะเบาๆพอกหนาตัวขึ้นทีละน้อยจนถึงช่องทางเดินของเลือดตีบแคบลง เลือดจึงไปเลี้ยงหัวใจได้ลดน้อยลง


ถ้าเกิดปล่อยไว้นานๆตะกรนท่อเส้นเลือดที่เกาะอยู่ภายในฝาผนังเส้นโลหิตหัวใจจะมีการฉีกจนขาดหรือแตกออก เกล็ดเลือดก็จะจับกุมตัวกันจนกระทั่งกลายเป็นลิ่มเลือดรวมทั้งอุดกั้นช่องทางสำหรับเดินของเลือด ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดอยู่เป็นระยะเวลานานจนเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจตาย ผู้เจ็บป่วยจึงกำเนิดอาการเจ็บแน่นหน้าอกอย่างหนัก ซึ่งเป็นคราวฉุกเฉินแล้วก็เป็นโทษถึงชีวิตอย่างเฉียบพลันได้ เรียกว่า “ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน” (Acute myocardial information)

  • อาการโรคหัวใจขาดเลือด ในช่วงแรกเมื่อเริ่มเป็นหรืหลอดเลือดยังตีบไม่มากมายผู้เจ็บป่วยจะยังไม่แสดงอาการแม้กระนั้นถ้าเกิดหลอดเลือดมีการตีบมากขึ้น


คนเจ็บมักจะมีลักษณะเจ็บแน่นหน้าอกเป็นอาการนำซึ่งเป็นผลจากการที่เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอซึ่งอาการนี้เรียกว่า angina pectoris รูปแบบของ angina pectoris อาจจัดหมวดหมู่องค์ประกอบได้เป็น 4 ลักษณะอันประกอบไปด้วย

  • ตำแหน่ง บริเวณที่เจ็บแน่นชอบอยู่ตรงกลางๆหรืออกทางซ้าย มักบอกตำแหน่งที่แจ่มชัดไม่ได้ บางรายอาจมีความรู้สึกปวดร้าวไปที่บริเวณลิ้นปี่ ใต้คาง ฟัน ไหล่ หรือแขนได้โดยเฉพาะภายในของแขน
  • ลักษณะของการเจ็บ ลักษณะชอบรู้สึกหนักๆแน่นๆบีบๆหรืออาจเหมือนมีอะไรมากมายดทับอก โดยธรรมดาจะเบาๆเพิ่มความร้ายแรงขึ้นแล้วหลังจากนั้นจะค่อยๆลดน้อยลงในบางครั้งอาจมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เป็นต้นว่า รู้สึกอ่อนเพลีย เหงื่อออก คลื่นไส้ มือเท้าเย็นคล้ายจะเป็น ลม
  • ช่วงเวลาที่เจ็บ อาการมักเป็นตอนสั้นๆมักไม่เกิน 10 นาที โดยมากจะเป็นนานโดยประมาณ 2 – 5 นาที
  • เหตุกระตุ้นรวมถึงปัจจัยที่ทำให้อาการดียิ่งขึ้น อาการชอบกระตุ้นด้วยการออกแรง อารมณ์เครียด โกรธ อากาศเย็น หลังรับประทานอาหารมื้อหนัก รวมทั้ง อาการมักทุเลาลงเมื่อได้พัก หรือ ได้ยาขยายเส้นโลหิตหัวใจ ( nitrates )


แม้กระนั้นคนเจ็บบางรายบางทีอาจไม่ได้มีลักษณะของ angina pectoris ได้แต่ว่าก็ยังถือได้ว่าอาการที่เกิดจากการขาดเลือด ( ischemic equivalents ) ได้แก่ เหนื่อยหรือปวดแขนเวลาออกแรง
นอกเหนือจากนี้ยังมีลักษณะอื่นๆอีกอย่างเช่นลักษณะของโรคหัวใจล้มเหลว (หัวใจวาย) อย่างเช่น อ่อนแรงง่าย หัวใจเต้นเร็ว บวมตามหน้าแขน/ขา  ความดันโลหิตสูง  ไขมันในเลือดสูง  บางรายอาจมีอาการใจหวิว ใจสั่น ชีพจรเต้นเร็วหรือช้ากว่าธรรมดา บางรายมีลักษณะเหงื่อซึม เป็นลมเป็นแล้ง ตัวเย็น คลื่นไส้ อ้วก ในผู้สูงวัยนั้น บางครั้งอาจจะไม่เอ่ยถึงลักษณะการเจ็บอกเลย แต่ว่ามีลักษณะอ่อนเพลีย เมื่อยล้าง่าย หอบ แล้วก็หายใจไม่สะดวกร่วมกับอาการแน่นๆในหน้าอกแค่นั้น หรือรู้สึกอ่อนล้าเหนื่อย จนถึงหมดสติ อาการอีกอย่างหนึ่งคือ การตายอย่างปัจจุบันทันด่วน ซึ่งชอบเกิดใน 2-3 ชั่วโมง ภายหลังจากเริ่มมีลักษณะอาการ

  • สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่กระตุ้นให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด


เพศ เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่าเพศชายมีโอกาสเป็นโรคนี้มากยิ่งกว่าผู้หญิงซึ่งอยู่ในระยะยังไม่หมดระดู แม้กระนั้นหลังจากที่หมดระดูแล้ว โอกาสเป็นจะเสมอกันในทั้งคู่เพศ
อายุุ แผ่นไขมันจะเกิดมากขี้นตามอายุ ด้วยเหตุนี้อุบัติการของการเกิดโรคนี้จึงเยอะขึ้นเรื่อยๆตามอายุ การพบโรคนี้ในคนที่อายุน้อยกว่า 35 ปีมีได้บ้างแม้กระนั้นใม่บ่อยครั้ง
ไขมันในเลือดสูง พบว่าผลบวกของวัวเลสเตอรอคอยลทั้งหมดทั้งปวง มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับโรคหัวใจขาดเลือดทั้งยังในผู้ชายรวมทั้งผู้หญิง โดยศึกษาเล่าเรียนประชากรอเมริกัน ตรงเวลา 24 ปี และพบว่าพวกที่มีโคเลสเตอรอล ในเลือดสูงจะได้โอกาสเป็นโรคนี้มากยิ่งกว่าพวกที่มีไขมันต่ำถึง 5 เท่า โดยปัจจัยเสี่ยงดังที่ได้กล่าวมาแล้วพบได้มากในคนที่มีระดับ วัวเลสเตอรอคอยล l ในเลือดสูงขึ้นยิ่งกว่า 200 มิลลิกรัม/ดล. หรือผู้ที่มี ระดับไตรกลีเซอไรด์สูงยิ่งกว่า 150 มก./ดล
ความดันเลือดสูง อีกทั้งความดันสิสโตลิครวมทั้งไดแอสโตลิคมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดในคราวหลังทั้งสิ้น รวมทั้งยิ่งความดันสูงมาก จังหวะที่จะเกิดโรคนี้ยิ่งมีมาก โดยยิ่งไปกว่านั้นคนที่มีความดันเลือดสูงกว่า 160/95 มม.ปรอท
การสูบบุหรี่ สาเหตุนี้มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดมากรวมทั้งยังขึ้นอยู่กับช่วงเวลาทีสูบและก็ จำนวนยาสูบที่ดูดด้วย โดยพบว่าคนที่สูบบุหรี่จัดจะมีโอกาส เป็นโรคหัวใจขาดเลือด ได้มากกว่า คนที่ไม่ดูดถึง 3 เท่า แล้วก็ถ้ามีสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงอื่นๆร่วมด้วยอีก โอกาสเป็นโรคหัวใจขาดเลือดยิ่งเยอะขึ้น
บุคคลสถานที่สำหรับทำงานมีความตึงเครียดสูง ผู้มีประวัติโรคหัวใจในครอบครัว คนชรา (เพศชายมากกว่า 55 ปี หญิงมากยิ่งกว่า 65 ปี) โรคอ้วน (Body mass index หรือ BMI/ดัชนีมวลกายมากยิ่งกว่า30) โรคไตเรื้อรัง บุคคลที่ขาดการบริหารร่างกาย มีโรคเครียด


  • กรรมวิธีรักษาโรคหัวใจขาดเลือด แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคเส้นโลหิตหัวใจในเบื้องต้นได้จากการซักประวัติ (ตัวอย่างเช่น เรื่องราวสูบบุหรี่ การออกกำลังกาย โรคประจำตัว เรื่องราวเจ็บป่วยในครอบครัว) รวมทั้งอาการที่แสดง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลักษณะของการปวดเค้นหรือจุกแน่นรอบๆลิ้นปี่แล้วปวดร้าวไปที่คอ ไหล่ ขากรรไกร โดยมีปัจจัยเสี่ยงร่วมด้วย (ได้แก่ มีอายุมากมาย สูบบุหรี่ เครียด อ้วน มีประวัติเป็นโรคโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง) รวมทั้งเมื่อสงสัยว่าเป็นโรคเส้นโลหิตหัวใจ แพทย์จะทำการตรวจพิเศษอื่นๆเสริมเติมดังนี้
  • คลื่นไฟฟ้าหัวใจ ( Electrocardiogram: ECG ) เว้นแต่ช่วยวินิจฉัยแล้วบางเวลาบางทีอาจพบความผิดปกติอื่นๆดังเช่นว่า ฝาผนังหัวใจดกหรือหัวใจ เต้นผิดจังหวะ ซึ่งลักษณะต่างๆนี้บางครั้งบางคราวจะบ่งชี้ถึงกลไกของการแน่นหน้าอกแล้วก็ช่วยสำหรับการเลือกแนวทางการตรวจอื่นๆรวมทั้งบางคราวยังช่วยประเมินความเสี่ยงด้วย
  • การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง ( echocardiography )คลื่นเสียงความถี่สูงจะให้ข้อมูลในด้านต่างๆของหัวใจ ดังเช่น การบีบตัวของหัวใจห้องซ้ายความแปลกสำหรับการบีบตัวของหัวใจบางส่วน ( regional wall motion abnormalities: RWMA )ซึ่งพบได้มากในคนเจ็บโรคหัวใจขาดเลือด นอกเหนือจากนั้นการพบความผิดปกติบางอย่าง อาจเป็นต้นเหตุของอาการแน่นหน้าอกที่ไม่ใช่จากโรคหัวใจขาดเลือดได้ ค่าการบีบตัวของหัวใจห้องข้างล่างซ้ายยังเป็นข้อสำคัญที่ใช้ช่วยบ่งบอกถึงการเสี่ยงรวมทั้งการทำนายโรคได้อีกด้วย และสามารถใช้ประเมินความกว้างของรอบๆที่ขาดเลือดได้
  • Coronary computed tomography angiography (CTA) และก็ coronary calcium CTA และ coronary calcium เป็นการตรวจที่ผลของการตรวจทั้งคู่มีค่า negative predictive value สูงมากมายโดยเฉพาะในผู้เจ็บป่วยที่ได้โอกาสจะเป็นโรคหัวใจขาดเลือดในระดับที่ถือว่าต่ำถึงปานกลาง จึงมีคุณประโยชน์สำหรับการตัดปัจจัยการแน่นหน้าอกจากหลอดเลือดหัวใจตีบได้ถ้าหากผลอ่านไม่เจอมีการตีบของ หลอดเลือด เส้นเลือดที่มีการแข็งตัวบางทีก็อาจจะเจอมีการเกาะของแคลเซียมที่เส้นเลือดได้ ดังนั้น ถ้าเกิดผลของ coronary calcium ต่ำจังหวะที่อาการแน่นหน้าอกจากหลอดเลือดหัวใจตีบก็จะน้อย ในทางกลับกัน ถ้าเกิดค่าของ coronary calcium สูง โดยเฉพาะมากยิ่งกว่า 400 ( Agatston score> 400 ) จะได้โอกาสกำเนิด อุบัติการณ์ต่างๆทางหัวหัวใจและหลอดเลือดมากยิ่งขึ้น
  • Cardiac magnetic resonance ( CMR )CMR บางทีอาจช่วยประเมินความผิดปกติขององค์ประกอบหัวใจในด้านต่างๆยกตัวอย่างเช่น ลิ้นหัวใจ ผนังกันห้องหัวใจ และกล้ามเนื้อหัวใจห้องต่างๆฯลฯ และ ยังช่วยบอกการท างานของห้องหัวใจ ล่างซ้าย ( LVEF ) ได้สิ่งเดียวกัน
  • Electrocardiogram exercise testing หรือ exercise stress test ( EST )เป็นการกระตุ้นด้วยการออกก าลังกายรวมทั้งใช้ ECG ประเมินลักษณะขาดเลือด ซึ่งเป็น การตรวจที่สะดวกมีใช้กันโดยปกติ การออกกำลังบางทีอาจใช้วิธีวิ่งบนสายพาน (treadmill) หรือ ปั่นรถจักรยานกระแสไฟฟ้า ( Electrically braked cycles ) แล้วดูความเคลื่อนไหวของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ความไม่ปกติที่แสดงว่าน่าจะมีเส้นโลหิตหัวใจตีบ ดังเช่น มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หน้าซีด ตัวเย็น ความดันโลหิตต่ำขณะที่กำลังทำการทดสอบ กลุ่มนี้ฯลฯ


สำหรับในการเริ่มรักษานั้นนอกเหนือจากการที่จะรักษาอาการแล้วคนไข้ทุกรายควรได้รับการเสนอแนะให้ปรับลดปัจจัยเสี่ยงรวมทั้งควบคุมโรคที่จะทำให้โรคหัวใจขาดเลือดเป็นมากขึ้น ได้แก่ การสูบบุหรี่เบาหวาน โรคความดันเลือดสูง ทานอาหารที่ไม่เหมาะสม โรคอ้วน ขาดการออก พลังกาย แล้วก็ไขมันในเลือดสูงแล้วก็สำหรับวิธีการดูแลรักษาโรคหัวใจขาดเลือดนั้นมี 2 วิธีเป็นการดูแลและรักษาด้วยยา เช่น ยาขยายเส้นเลือดหัวใจ ยาลดหลักการทำงานของหัวใจ เพื่อหัวใจใช้ออกสิเจนน้อยลง ยายับยั้งเกร็ดเลือดเกาะตัว กรณีเป็นความดันโลหิตสูงผิดปกติ หรือโรคเบาหวานจำเป็นต้องรักษาร่วมไปด้วย คนที่ระดับไขมันในเลือดสูงไม่ปกติก็จะได้รับยาเพื่อลดไขมัน ยาขยายเส้นโลหิต อาจทำในรูปยาอมใต้ลิ้น ยาพ่นเข้าในปาก แล้วก็ยาปิดหน้าอก ยาอมใต้ลิ้น แล้วก็ยาพ่นในช่องปาก สามารถออกฤทธิ์ได้ภายใน 2-3 นาที จึงเหมาะที่จะพกเอาไว้ภายในช่องทางรีบด่วน ยาเป็นแผ่นปิดหน้าอก ใช้ปิดหน้าอกและก็ที่อื่นๆตามร่างกาย จะออกฤทธิ์โดยประมาณ 30-45 นาที หลังปิดบนผิวหนัง จะไม่ออกฤทธิ์ทันทีอาทิเช่นยาอมใต้ลิ้น การรักษาด้วยการผ่าตัด เช่น การผ่าตัดทำทางเบี่ยงของเส้นเลือด ( Coronary Artery Bypass Graft, CABG) ชอบใช้แนวทางการผ่าตัดนำเส้นเลือดดำที่ขามาตัดต่อกับเส้นโลหิตที่ตัน ทำฟุตบาทของเลือดใหม่ การรักษาด้วยการถ่างขยายเส้นโลหิตด้วยแนวทางต่างๆยกตัวอย่างเช่น ถ่างขยายด้วยบอลลูน หัวกรอ และบางครั้งอาจจะจำต้องใส่ขดลวดค้ำไว้ เพื่อมิให้เส้นเลือดตีบซ้ำ

  • การติดต่อของโรคหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจขาดเลือดเป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบของหลอดเลือดและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของมนุษย์ ซึ่งไม่ถือเป็นโรคติดต่อจากคนสู่คนหรือจากสัตว์สู่คนแต่อย่างใด
  • การปฏิบัติตนเมื่อป่วยเป็นโรคหัวใจขาดเลือด


  • โรคหัวใจขาดเลือดนี้เมื่อเป็นแล้วมักจะเป็นเรื้อรัง ต้องคอยติดต่อรักษากับแพทย์อย่าได้ขาด และที่สำคัญต้องดูแลตัวเองอย่างจริงจัง ในรายที่เป็นไม่มากถ้ารู้จักดูแลตัวเองได้ถูกต้อง ก็อาจจะหายหรือทุเลาได้
  • ลดอาหารที่มีไขมันสัตว์ กะทิ น้ำมันมะพร้าว น้ำตาล ของหวาน กินผักผลไม้ให้มากๆ
  • ควรออกกำลังกายที่ไม่ใช้แรงหักโหม เช่น การเดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน โดยควรเพิ่มทีละน้อย และอย่าให้เหนื่อยเกินไป
  • หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะกระตุ้นให้เกิดอาการกำเริบ เช่น อย่าทำงานหักโหมเกินไป อย่ากินข้าวอิ่มเกินไป ระวังอย่าให้ท้องผูก งดดื่มชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่ใส่กาเฟอีน ระวังอย่าให้ตื่นเต้นตกใจหรือกระทบกระเทือนจิตใจ อย่าอาบน้ำเย็นหรือถูกอากาศเย็นจัดและควรงดสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาด
  • พบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเป็นการฉุกเฉินเมื่อมีอาการต่อไปนี้ เจ็บแน่นหน้าอกมาก อาจเจ็บร้าวขึ้นขากรรไกรไปยังหัวไหล่หรือแขน เหนื่อย หายใจขัด ชีพจรเต้นอ่อน เต้นเร็ว เหงื่อออกมาก วิงเวียนจะเป็นลม หยุดหายใจและ/หรือโคม่า
  • หากมีโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน ควรรักษาโรคเหล่านี้ควบคู่ไปด้วยอย่างจริงจัง
  • การป้องกันตนเองจากโรคหัวใจขาดเลือด


  • งดการสูบบุหรี่ เพราะสารพิษในบุหรี่จะไปขัดขวางการไหลเวียนของเลือด กระตุ้นให้หัวใจทำงานหนักขึ้น ทำให้ปริมาณของออกซิเจนในเลือดลดลง และทำลายผนังหลอดเลือดอีกด้วย ซึ่งจะก่อให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือดได้
  • งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือคุมปริมาณในการดื่มให้เหมาะสม (ไม่เกินสัปดาห์ละ 14 แก้ว) และไม่ควรดื่มอย่างต่อเนื่อง เพราะจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด
  • กำจัดความเครียด เช่น การเจริญสมาธิ การออกกำลังกาย การฝึกโยคะ การรำมวยจีน
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โดยเน้นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างหลากหลายและครบ 5 หมู่ เพื่อช่วยควบคุมน้ำหนัก ความดันโลหิต และคอเลสเตอรอล
  • ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ (BMI -5-23 กิโลกรัม/ตารางเมตร)
  • ควบคุมโรค โรคเบาหวาน ความดันโลหิต ไขมันในเลือดสูง และโรคอ้วนที่เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจขาดเลือด ให้ได้อย่างจริงจัง
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำ ในคนทั่วไปที่ยังไม่มีอาการผิดปกติควรไปพบแพทย์ทั่วไปเพื่อตรวจสุขภาพประจำปีอย่างต่อเนื่อง
  • สมุนไพรที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด[/url] [/i]


  • พริก จะมีสารแคปไซซินที่ให้ความเผ็ด ช่วยทำให้หลอดเลือดขยาย ละลายลิ่มเลือด ลดการหดตัวของเส้นเลือด ลดการจับกลุ่มของเกล็ดเลือด ยับยั้งการดูดซึมไขมันในเส้นเลือด ส่งผลให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปใช้ได้สะดวก
  • ดอกคำฝอย น้ำมันจากดอกคำฝอยมีฤทธิ์ลดการจับตัวของเกล็ดเลือด ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดความดันเลือดสูง บำรุงเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจได้มากขึ้น ช่วยป้องกันเส้นเลือดหัวใจตีบได้
  • กระเทียม ในกระเทียมนั้นมีสารอัลลิซินที่ช่วยลดไขมันเลวในเลือดและลดระดับไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นสาเหตุตัวร้ายของโรคหัวใจ กระเทียมจึงช่วยลดโอกาสการอุดตันไขมันในหลอดเลือด อันทำให้เกิดโรคหัวใจได้ นอกจากนี้กระเทียมมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการแข็งตัวของเลือด ช่วยลดความดันเลือด รวมทั้งเป็นสารต้านการจับตัวเป็นก้อนของเลือดด้วยการทำให้เกล็ดเลือดบางลง จึงป้องกันภาวะหัวใจขาดเลือด
  • ชาเขียว มีสารที่สามารถป้องกันการจับตัวของเกล็ดเลือด แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดไขมันชนิด LDL และเพิ่มไขมัน HDL ซึ่งช่วยป้องกันหลอดเลือดตีบและช่วยให้เลือดแข็งตัวยากขึ้น
  • หอม ในหอมจะมีสารฟลาโวนอยด์ที่ช่วยยังยั้งไม่ให้เกล็ดเลือดไปรวมตัวกันจนแข็งตัวแล้วไปอุดตันตามเส้นเลือด ทำให้ลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจลงไปได้ และยังมีสารเคอร์ซีทินที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระจึงปกป้องเราจากโรคมะเร็งอีกด้วย

    เอกสารอ้างอิง

  • โรคหัวใจขาดเลือดที่มีอาการคงที่. นพ.พงษ์พันธ์ จิตต์ธรรม.ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร.
  • Coronary heart disease risk factors.http://www.disthai.com/
  • รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.โรคหัวใจขาดเลือด.นิยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่159.คอลัมน์แนวยา-แจงโรค.กรกฎาคม2535
  • เจ็บหน้าอกจากหัวใจขาดเลือดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อาการปวดเค้นหัวใจ Angina Dectoris.หาหมอดอทคอม.
  • แนวทางเวชปฏิบัติในการดูแลผุ้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดในประเทศไทย ฉบับปรังปรุงปี 2557สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
  • อยากหัวใจแข็งแรงต้องดู!!!9 พืชสมุนไพรพื้นบ้านช่วยบำรุงหัวใจของดีๆที่อยู่ใกล้ตัวคุณรู้แล้วรีบแฃร์ด่วน.LINE TODAY.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก หัวใจแข็งแรงต้องดู+9+พืชสมุนไพรพื้นบ้านช่วยบำรุงหัวใจ+ของดีๆที่อยู่ใกล้ตัวคุณ+รู้แล้วรีบแชร์ด่วน
  • โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ.นิตยสารหมอชาวบ้าน.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่373.คอลัมน์สารานุกรมทันโรค.พฤษภาคม.2553


 

Sitemap 1 2 3