ผู้เขียน หัวข้อ: โรคเเผลในกระเพาะอาหาร- อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 249 ครั้ง)

Boyzite1011

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2149
    • ดูรายละเอียด

โรคแผลในกระเพาะอาหาร (โรคกระเพาะ)

  • โรคแผลในกระเพาะอาหารเป็นยังไง โรคแผลในกระเพาะอาหาร (Gastric ulcer) คือ โรคที่มีแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้น หรือมีการอักเสบของเยื่อกระเพาะอาหาร ผู้ที่เป็นโรคนี้แล้วสามารถรักษาให้หายสนิทได้ ส่วนมากมักจะเป็นเรื้อรัง หรือเป็นนานๆถ้าเกิดไม่รักษาหรือกระทำตนให้ถูกจะมีลักษณะเป็นๆหายๆรวมทั้งหากปล่อยให้เป็นมาก จะมีผลให้เกิดโรคแทรก ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้  หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โรคแผลเพ็ปติก (peptic ulcer) ซึ่งอาจเป็นแผลตรงส่วนกระเพาะ เรียกว่า แผลกระเพาะ ของกิน (gastric ulcer, ย่อว่า GU) หรือแผลตรงส่วนลำไส้เล็กส่วนต้น เรียกว่า แผลลำไส้เล็กส่วนต้น (duodenal ulcer, ย่อว่า DU) ก็ได้
  • ต้นเหตุของโรคแผลในกระเพาะ โรคแผลในกระเพาะ เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากเยื่อเมือกบุข้างในทางเดินอาหาร ถูกทำลายโดยน้ำย่อยจากกระเพาะ ชื่อ เปบซิน (Pepsin) ซึ่งเป็นสาเหตุของชื่อโรคว่า แผลเปบติเตียนค ซึ่งเปบสินเป็นน้ำย่อยโปรตีนที่ทำงานร่วมกับกรดในกระเพาะอาหาร โดยมีกรดเป็นตัวปลุกฤทธิ์ (Activate)ให้น้ำย่อยนี้มีประสิทธิภาพสำหรับการย่อยเพิ่มขึ้น รวมทั้งเดี๋ยวนี้พบว่ายังมีต้นเหตุเสริมอื่นๆที่นำมาซึ่งโรคได้อีก อาทิเช่น การต่อว่าดเชื้อเฮลิโคกางคเตอร์ ไพโลไร (Helicobactor Pylori) ซึ่งเป็นแบคทีเรียประเภทหนึ่งที่ติดต่อโดยการทานอาหารหรือดื่มน้ำที่แปดเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของผู้ติดเชื้อโรค โดยแบคทีเรียจำพวกนี้ มีรูปร่างเป็นเกลียวและก็มีหาง มีความทนกรดสูงเพราะว่าสามารถสร้างสารที่เป็นด่างออกมาเจือจางกรดที่อยู่ บริเวณตัวมัน  ทำให้สามารถอาศัยอยู่ในชั้นผิวฉาบด้านในกระเพาะอาหารได้ เชื้อนี้เมื่อไปสู่ร่างกายจะเข้าไปฝังตัวอยู่ใต้เยื่อบุกระเพาะ ฝาผนังกระเพาะจึงอ่อนแอลงแล้วก็มีความทนทานประมือดลดลง ทำให้กระเพาะรวมทั้งลำไส้ส่วนต้นเกิดแผลได้ง่าย


การใช้ยาต้านทานอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์ (non steroidal anti inflammatory drugs, ย่อว่า NSAIDs) ตัวอย่างเช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน อินโดเมทาสิน นาโพรเซน ไพร็อกสิแคม ไดวัวลฟีแนก เป็นต้น ซึ่งนิยมใช้เป็นยาพาราข้อ ปวด เอ็นหรือกล้ามเนื้อ ปวดประจำเดือน รวมทั้ง ใช้แก้ปวดแก้ไข้ทั่วไป ถ้าหากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานๆชอบทำให้กำเนิดแผลเพ็ปติก อาจร้ายแรงถึงขั้นเลือดออก (อาเจียนเป็นเลือด ขี้ดำ) หรือกระเพาะไส้เป็นแผลทะลุได้ กระเพาะอาหารถูกกระตุ้นให้มีกรดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากว่ากระตุ้นของปลายประสาท มีสาเหตุมาจากความเครียด ไม่สบายใจและอารมณ์ การดื่มแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ ยาดอง การดื่มกาแฟ การสูบบุหรี่  การกินอาหารไม่ตรงเวลา  มีอุปนิสัยการทานอาหารที่ไม่ถูกจำต้อง ยกตัวอย่างเช่น การกินอาหารอย่างรีบเร่ง กินไม่ตรงเวลาหรือไม่กินอาหารบางมื้อ ฯลฯ

  • อาการโรคแผลในกระเพาะอาหาร ปวดท้อง ลักษณะของการมีอาการปวดท้องที่สำคัญหมายถึงปวดเรื้อรังมานาน เป็นๆหายๆเป็นเดือนหรือเป็นปี  ปวดหรือจุกแน่นท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่ หรือ ท้องตอนบน เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด มักเป็นเวลาท้องว่า หรือเวลาหิว อาการก็เลยเป็นเฉพาะบางช่วงเวลาของวัน  ลักษณะของการปวดแน่นท้อง มักจะบรรเทาได้ด้วยของกินหรือยาลดกรด  อาการปวด ชอบเป็นๆหายๆโดยมีตอนเว้นที่ปราศจากอาการออกจะนาน อาทิเช่น ปวดอยู่ 1-2 สัปดาห์ แล้วหายไปหลายเดือนจึงกลับมาปวดอีก  ปวดแน่นท้องตอนกลางดึกภายหลังที่หลับไปแล้ว  แม้ว่าจะมีอาการเรื้อรังเป็นปี สุขภาพโดยธรรมดาจะไม่ทรุดโทรม โรคแผลกระเพาะจะไม่กลายเป็นมะเร็ง แม้ว่าจะเป็นๆหายๆอยู่นานกี่ปีก็ตาม นอกจากจะเป็นแผลชนิดที่เกิดขึ้นจากโรคมะเร็งของกระเพาะอาหารตั้งแต่แรกเริ่มโดยตรง  จุดเสียด แน่นท้อง ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ ท้องอืดท้องเฟ้อ เรอลม มีลมในท้อง ร้อนในท้อง อาเจียนอ้วก  อื่นๆที่เจอได้เป็นเบื่อข้าว


ผอมบางลง ภาวการณ์ลำไส้ตัน จากแผลนำมาซึ่งพังผืด จึงนำมาซึ่งการทำให้ฟุตบาทในกระเพาะอาหารแล้วก็/หรือลำไส้เล็กตีบแคบลง ซึ่งอาการคือ เจ็บท้องร้ายแรง ร่วมกับอ้วก โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้างหลังกินอาหาร รวมทั้งดื่มน้ำ และไม่สามารถผายลมได้
                ภาวะแทรกซ้อน  เลือดออกจากแผลในกระเพาะอาหาร พบได้ทั่วไปที่สุด คนเจ็บจะมีคลื่นไส้เป็นเลือด ถ่ายดำเหลว หรือหน้ามืด วิงเวียน เป็นลม  กระเพาะทะลุ คนไข้จะมีลักษณะปวดท้องตอนบนทันควันรุนแรง หน้าท้องแข็งตึง กดเจ็บมากมาย  กระเพาะตัน คนไข้จะกินได้น้อย อิ่มเร็ว มีคลื่นไส้หลังรับประทานอาหารแทบทุกมื้อ เบื่ออาหาร น้ำหนักลดน้อยลง

  • สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่นำมาซึ่งโรคแผลในกระเพาะ ปัจจัยเสี่ยงของโรคกระเพาะของกิน คือ 1. การกินอาหารต่างๆได้แก่ การกินอาหารไม่ตรงเวลา การกินอาหารรสจัด อาทิเช่น เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด 2.การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลผสมหรือน้ำอัดลม รวมทั้ง ชา กาแฟ 3.การสูบบุหรี่ 4.การรับประทานยาต้านการอักเสบ ในกรุ๊ป NSAIDs ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาที่นานๆ 5.การตำหนิดเชื้อแบคทีเรียเฮลิโด กางคเตอร์ ไพโลไร (Helicobactor Pylori) ที่ปนเปื้อนมากับอาหารหรือน้ำกิน
  • แนวทางการรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร แพทย์วินิจฉัยโรคแผลเปบติคได้จาก ประวัติความเป็นมาอาการ การตรวจร่างกาย หรือการตรวจภาพกระเพาะอาหารแล้วก็ท้องด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ แต่การตรวจที่ให้ผลแน่ นอนหมายถึงการส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร และก็ไส้ ร่วมกับการตัดชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา และอาจมีการตรวจอื่นๆเพิ่มอีก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการผู้เจ็บป่วยและดุลยพินิจของแพทย์ อย่างเช่น การตรวจค้นสารบางประเภทในอุจจาระซึ่งสร้างโดยเชื้อ เอชไพโลไร หรือการตรวจสารบางประเภทที่เชื้อนี้สร้างและร่างกายกำจัดออกทางการหายใจ การให้ยารักษา (ในกรณีไม่ติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobactor Pylori) โดยรับประทานยาอย่างถูกต้อง คือจำเป็นต้องกินยาให้สม่ำเสมอ รับประทานยาให้ครบตามปริมาณ และก็ช่วงเวลา ที่แพทย์สั่งยารักษาโรคกระเพาะ จำนวนมากจะต้องใช้เวลาราวๆขั้นต่ำ 4-6 อาทิตย์ แผลก็เลยจะหาย โดยเหตุนั้นตอนหลังกินยา ถ้าอาการดีขึ้นห้ามหยุดยา ต้องกินยาต่อกระทั่งครบ รวมทั้งหมอมั่นใจว่าแผลหายแล้ว จึงจะ ลดยาหรือหยุดยาวได้

การให้ยารักษาในกรณีตรวจพบเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จะให้การรักษาโดยมีสูตรยา 3-4 ประเภทร่วมกัน กินนาน 1-2 อาทิตย์ สูตรยาส่วนมากเป็นยาปฏิชีวนะร่วมกับยาลดกรด เพื่อรักษาแผลและก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยาปฏิชีวนะ ผู้ป่วยควรได้รับการตรวจหาเชื้อซ้ำภายหลังจากได้รับประทานยาปฏิชีวนะครบแล้ว โดยบางทีอาจเป็นการตรวจโดยการส่องกล้องกระเพาะอาหารอีกครั้งเพื่อกระทำพิสูจน์ ชิ้นเนื้อซ้ำ หรือทดสอบโดยการรับประทานยาสำหรับทดสอบเชื้อแบคทีเรียโดยตรง แล้วก็วัดสารที่ถูกปล่อยออกมาทางลมหายใจ
การผ่าตัด ซึ่งในตอนนี้ มียาสุดที่รักษาโรคกระเพาะอาหารอย่างยอดเยี่ยมมากมายหากให้การรักษาที่ถูกต้อง ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องผ่าตัดสำหรับการผ่าตัดอาจจะก่อให้เป็นในกรณีที่กำเนิดโรคแทรก ตัวอย่างเช่น เลือดออกในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก โดยไม่สามารถที่จะทำให้หยุด                เลือดออกได้          แผลกระเพาะรวมทั้งลำไส้เล็กเกิดการทะลุ        กระเพาะมีการอุดตัน

  • การติดต่อของโรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคแผลในกระเพาะ ไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน หรือจากสัตว์สู่คน
  • การกระทำตนเมื่อเป็นโรคแผลในกระเพาะ พึงรำลึกไว้เสมอว่า โรคแผลกระเพาะเป็นโรคเรื้อรัง เป็นๆหายๆมักไม่หายสนิททั้งชีวิต คนป่วยควรต้องได้รับยารักษาติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ ข้างหลังได้รับยา อาการปวดจะหายไปก่อน ใน 3-7 วัน แต่แผลจะยังไม่หาย ส่วนมากใช้เวลาถึง 4-8 สัปดาห์ แผลจึงหาย เมื่อหายแล้ว จะกลับมาเป็นใหม่ได้อีกถ้าเกิดไม่ระวังประพฤติตัวให้ถูกต้อง อาทิเช่น  กินอาหารอ่อน ย่อยง่าย รวมทั้งทานอาหารที่สะอาดปรุงสุกใหม่ๆ กินอาหารตรงตามเวลาทุกมื้อ  ทานอาหารปริมาณน้อยๆแต่รับประทานให้บ่อยมากมื้อ ไม่ควรกินจนกระทั่งอิ่มมากมายในแต่ละมื้อ  หลีกเลี่ยงอาหารเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด เครื่องดื่มแอลกฮอลล์ งดเว้นดูดบุหรี่  งดเว้นการใช้ยาแก้ปวด แอสไพริน และก็ยาแก้โรคกระดูกรวมทั้งข้ออักเสบทุกชนิด รวมทั้งยาชุดต่างๆผ่อนคลายความเครียด ตื่นตระหนก พักผ่อนให้พอเพียง กินยาลดกรด หรือยารักษาแผลกระเพาะอาหารติดต่อกันอย่างต่ำ 4-8 สัปดาห์ หรือดังที่หมอสั่งอย่างเคร่งครัด หากมีลักษณะของภาวะแทรกซ้อน จะต้องรีบไปพบแพทย์ ควรจะออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง
  • การปกป้องคุ้มครองตัวเองจากโรคแผลในกระเพาะ รักษาสุขอนามัย เพื่อลดช่องทางติดเชื้อต่างๆโดย เฉพาะการใช้ช้อนกลาง รวมทั้งการล้างมือบ่อยๆโดยยิ่งไปกว่านั้นหลังเข้าห้องอาบน้ำ แล้วก็ก่อนอาหาร เมื่อมีลักษณะปวดท้องบริเวณลิ้นปี่บ่อยๆเป็นๆหายๆหรือเรื้อรัง อาการไม่ดีขึ้นหลังดูแลตัวเองในเบื้องต้น ควรจะเจอแพทย์เสมอ เพื่อการวินิจฉัยหาต้นเหตุรวมทั้งให้การรักษาแต่ว่าเนิ่นๆก่อนโรคขยายเป็นแผลเปบติเตียนค หรือบางทีอาจเป็นลักษณะโรคโรคมะเร็งกระเพาะได้ หลีกเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่ จำเป็นจะต้อง โดยยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มยาต้านอักเสบ ที่ไม่ใช่สตีรอยด์ที่ใช้แก้ปวดข้อปวดเส้นเอ็นรวมทั้งกล้ามเนื้อ และยาอื่นๆที่เป็นเหตุกระตุ้นให้โรคกำเริบ รับประทานอาหารสุก อย่ากินอาหารดิบๆสุกๆหรือมีแมลงวันตอม เพื่อหลบหลีกการตำหนิดเชื้อเอชไพโรไล หลบหลีกการกินเหล้า เบียร์ กาแฟ ยาดอง และงดเว้นสูบบุหรี่ พักให้มากเพียงพอ ทำจิตใจให้เบิกบานผ่อนคลายเครียดวิตกกังวล และไม่อารมณ์เสียขี้โมโห
  • สมุนไพรที่สามารถช่วยบรรเทา/รักษาโรคแผลในกระเพาะได้ ขมิ้นชัน ในขมิ้นชันจะมีสารชนิดหนึ่งชื่อ เคอคิวไม่นอยด์ เป็นตัวคุ้มครองปกป้องการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ลดการอักเสบ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการขับน้ำดี ทำให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้น ก็เลยช่วยคลายความจุกเสียด และก็สารเคอคิวไม่นอยด์ ยังไปกระตุ้นร่างกายให้หลั่งสารเคลือบกระเพาะจึงช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารให้ดีขึ้น วิธีการใช้ เพียงนำเหง้าของขมิ้นชันมาล้างให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นบางๆตากแดดประมาณ 1 – 2 วันแล้วบดอย่างระมัดระวัง ผสมกับน้ำผึ้งกินเป็นลูกกลอน กินทีละ 500 มก. หลังรับประทานอาหารและก่อนนอน 4 เวลา ว่านหางจระเข้  ว่านหางจระเข้เป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติสำหรับการรักษาโรคกระเพาะ ช่วยสำหรับการรักษาบาดแผลในกระเพาะอาหารและก็ล้างพิษ  โดยให้ใช้ใบสดที่พึ่งจะเอาทิ้งมาจากต้น ล้างน้ำให้สะอาดแล้วปอกเปลือกให้เหลือแต่วุ้นใสๆแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆกินแต่ละวัน ก่อนกินอาหาร กระเจี๊ยบเขียว เป็นผักสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์สำหรับการรักษาโรคกระเพาะรวมทั้งลำไส้ เนื่องมาจากในฝักกระเจี๊ยบนั้นจะมีสารชื่อว่า แพ็คติน แล้วก็คัม ที่จะช่วยฉาบแผลในกระเพาะอาหารและไส้ วิธีการใช้ เพียงแค่นำมาลวกแล้วรับประทานทุกวี่วันตรงเวลาตลอดอย่างน้อย 2 อาทิตย์ แผลในกระเพาะก็จะเพราะเหตุว่าเมือกลื่นๆในผลของกระเจี๊ยบเขียวช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหารได้
เอกสารอ้างอิง

  • โรคกระเพาะอาหาร.หน่วยโรคทางเดินอาหารฯ.สาขาวิชาอายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.โรคกระเพาะ.นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 288 .คอลัมน์สารานุกรมทันโรค.เมษายน.2546
  • ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร.โรคกระเพาะอาหาร.ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล
  • สุรเกียรต์ อาชานานุภาพ,(2543).ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป.(พิมพ์ครั้งที่ 2).กรุงเทพฯ:อุษาการพิมพ์.
  • แผลเปปติค(Pept:c ulcer)/แผลในกระเพาะอาหาร(Gastric ulcer)http://www.disthai.com/
  • วันทนีย์ เกรียงสินยศ,(2548).กินอย่างไรเมื่อเป็นโรคกระเพาะ.หมอชาวบ้าน.(ปีที่ 26 ฉบับที่ 311หน้า52-54).
  • El-Omer E, Penman I, Ardill JE, McColl KE. A substantial proportion of non-ulcer dyspepsia patients have the same abnormality of acid secretion as duodenal ulcer patients. Gut 1995;36:534-8.
  • พิศาล ไม้เรียง.(2536).โรคทางเดินอาหาร การวินิจฉัยและการรักษา.(พิมพ์ครั้งที่ 2).ขอนแก่น:โรงพิมพืคลังนานาวิทยา.
  • กลุ่มวิจัยโรคกระเพาะอาหาร.สมาคมแพทย์ระบบทางเดินแห่งประเทศไทย.แนวทางเวชปฏิบัติในการวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยดิสเปปเซียและผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพลอไร ในประเทศไทย พ.ศ.2553.สำนักพิมพ์กรุงเทพเวชสาร,2010.
  • เฟื่องเพชร เกียรติเสรี.(2541).โรคระบบทางเดินอาหาร.(พิมพ์ครั้งที่1).กรุงเทพฯ:เรือนแก้ว การพิมพ์.


คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : โรคหัวใจขาดเลือด

 

Sitemap 1 2 3