ผู้เขียน หัวข้อ: โรคหูน้ำหนวกอักเสบเรื้อรัง/หูน้ำหนวก.( Chronic Otitis media)- อาการ, สาเหตุ, การ  (อ่าน 228 ครั้ง)

ttads2522

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2255
    • ดูรายละเอียด

โรคหูน้ำหนวกอักเสบเรื้อรัง/หูน้ำหนวก.( Chronic Otitis media)
โรคหูชั้นกลางอักเสบเป็นยังไง ขั้นตอนแรกจำต้องทำความเข้าใจก่อนว่า โรคหูชั้นกลางอักเสบ (Otitis media) นั้น เรียกเป็นภาษาประชาชนว่า โรคหูน้ำหนวก มีเหตุมาจากการตำหนิดเชื้อในหูชั้นกึ่งกลาง
ซึ่งหูชั้นกึ่งกลาง (middle ear) เป็นส่วนของช่องหูที่อยู่ต่อจากเยื่อแก้วหูเข้าไป มีกระดูกค้อน กระดูกทั่ง และก็กระดูกโกลนใส่อยู่ ปฏิบัติหน้าที่รับคลื่นเสียงที่ผ่านมาทางหูชั้นนอก และก็ส่งต่อไปยังหูชั้นในซึ่งมีเส้นประสาทหูรับรู้เสียง (การได้ยิน)
            ส่วนล่างของหูชั้นกึ่งกลางมีท่อเล็กๆเชื่อมต่อกับคอหอย เรียกว่า ท่อยูสเตเชียน (Eustachian tube) เมื่อมีการติดเชื้อของคอหอย เชื้อโรคสามารถเดินทางผ่านท่อยูสเตเชียนเข้าไปในหูชั้นในได้ หากท่อยูสเตเชียนเกิดการอักเสบบวม ก็จะมีการอุดตัน ทำให้เชื้อโรคถูกกักไว้ในหูชั้นกึ่งกลางจนถึงเกิดการติดเชื้อของหูชั้นกึ่งกลาง และอาจอักเสบเป็นหนองขังอยู่ในหูชั้นกึ่งกลาง มีลักษณะไข้สูง ปวดหู หูอื้อได้ในระยะเริ่มต้น
โรคนี้จึงพบมากร่วมกับโรคติดเชื้อของทางเดินหายใจส่วนต้น อาทิเช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ ฝึกฝน คออักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ เป็นต้น โดยเชื้อก่อโรคบางทีอาจเป็นไวรัส หรือแบคทีเรียก็ได้
โดยโรคหูชั้นกึ่งกลางอักเสบ เป็นโรคที่มักพบโดยยิ่งไปกว่านั้นในเด็ก เพราะว่าในเด็กนั้น ท่อปรับความดันหูชั้นกึ่งกลางหรือท่อยูสเตเชียน (Eustachian tube) ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างหูชั้นกึ่งกลางแล้วก็ข้างหลังโพรงจมูก ยังไม่พัฒนาบริบูรณ์เต็มที่ ประกอบกับเด็กเกิดภาวะติดโรค ยกตัวอย่างเช่น โรคไข้หวัดได้บ่อยมาก ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดการอักเสบตลอดไปยังรูเปิดของท่อปรับความดันหูชั้นกลาง ซึ่งอยู่ข้างหลังโพรงจมูก ส่งผลนำมาซึ่งการก่อให้เกิดภาวการณ์หูชั้นกลางอักเสบฉับพลัน (Acute otitis media) ขึ้น ซึ่งหากมิได้รับการดูแลและรักษา จะมีอาการไข้ หูอื้อ และปวดหูมาก จนกระทั่งเมื่อแก้วหูทะลุ อาการปวดหูแล้วก็ไข้จะเริ่มทุเลาลง แม้กระนั้นจะมีน้ำหนอง ซึ่งมีกลิ่นเหม็นไหลออกมาจากหู และก็ถ้าหากยังมิได้รับการรักษาที่เหมาะสมอีก อาจแปลงเป็น “โรคหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง หรือหูน้ำหนวก (Chronic otitis media)” ต่อไป ซึ่งมีโอกาสเป็นผลข้างเคียง เข้าแทรกต่างๆตามมาได้ ดังเช่นว่า เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หูชั้นในอักเสบ ฝีในสมอง ฝีหลังหู ฝีที่คอ บริเวณใบหน้าเป็นอัมพาต อื่นๆอีกมากมาย
โรคหูชั้นกึ่งกลางอักเสบ ชอบกำเนิดอาการอักเสบด้านในของรอบๆหูชั้นกลาง จำนวนมากแล้วมักเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการติดเชื้อที่เยื่อหู จนทำให้เกิดอาการบวมแดง อักเสบ แล้วก็เกิดของเหลวที่รอบๆข้างหลังแก้วหู
โดยระดับของการอักเสบแบ่งออกเป็น 3 ระดับดังต่อไปนี้

  • หูชั้นกึ่งกลางอักเสบรุนแรง (Acute otitis media – AOM) โดยปกติแล้วถ้าคนป่วยไม่มีอาการหูชั้นกึ่งกลางอักเสบมาก่อน จะถือว่าเป็นหูชั้นกลางอักเสบกระทันหัน เหตุเพราะอาการดังที่กล่าวมาข้างต้นจะเกิดขึ้นอย่างเร็ว โดยมีภาวะ ดังนี้ ส่วนใหญ่มักเกิดร่วมกับการต่อว่าดเชื้อในรอบๆทางเท้าหายใจส่วนต้น (คอรวมทั้งจมูก) อย่างเช่น ไข้หวัด ต่อมทอนซิลอักเสบ และก็บางรายหูชั้นกลางอักเสบทันควันอาจเป็นภาวะแทรกซ้อนของไข้หวัดใหญ่ โรคไอกรน หัด ทำให้เชื้อโรครอบๆคอผ่านท่อยูสเตเชียน หรือท่อปรับความดันหูชั้นกึ่งกลาง (Eustachain tube) เข้าไปในหูชั้นกลางได้ และมีการอักเสบขึ้นมา ทำให้เยื่อบุผิวข้างในหูชั้นกึ่งกลางและก็ท่อยูสเตเชียนบวม และก็มีหนองขังอยู่ในหูชั้นกึ่งกลาง เนื่องจากไม่สามารถระบายผ่านท่อยูสเตเชียนที่บวมรวมทั้งอุดตันได้ สุดท้ายเยื่อแก้วหูซึ่งเป็นเยื่อบางๆที่กั้นอยู่ระหว่างหูชั้นกลางอักเสบกับหูชั้นนอกก็จะมีการทะลุเป็นรู หนองที่ขังอยู่ด้านในก็จะไหลออกมากลายเป็นหูน้ำหนวกในเวลาถัดมา
  • สภาวะน้ำคั่งในหูชั้นกึ่งกลาง (Otitis media with effusion-OME) เมื่อมีการอักเสบที่หูชั้นกึ่งกลางจะทำให้กำเนิดของเหลวข้างในหู ซึ่งอาจส่งผลต่อการได้ยินในระยะสั้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง เป็นสภาวะที่มีนํ้าขังอยู่ในหูชั้นกึ่งกลางโดยที่ไม่มีอาการแสดงของการอักเสบหรือติดเชื้อโรค คนเจ็บชอบมีอาการหูอื้อ การได้ยินลดลง แต่ไม่มีลักษณะของการปวดหูและไม่จับไข้ เมื่อตรวจดูในหูจะไม่พบการบวมแดงของแก้วหู แม้กระนั้นจะมีการขยับของเยื่อแก้วหูต่ำลง (เพราะมีน้ำขังอยู่ข้างหลัง) ภาวการณ์นี้มักพบในผู้ที่มีโครงสร้างบริเวณใบหน้าที่ไม่ปกติ
  • หูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง หากแพทย์พบว่ามีการฉีกขาดของแก้วหูบ่อยๆและก็มีร่องรอยของการอักเสบ ก็อาจส่งผลให้แพทย์วิเคราะห์ได้ว่ามีการอักเสบอย่างเรื้อรังที่หูชั้นกลางได้โดยมีสภาวะดังนี้ เป็นภาวการณ์ที่มีการทะลุของเยื่อแก้วหูและก็มีหูน้ำหนวกไหลแบบเรื้อรัง (โดยมากจะเริ่มเป็นมาตั้งแต่เด็ก) โดยอาจเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากหูชั้นกึ่งกลางอักเสบทันควันหรือมาจากการได้รับบาดเจ็บจนแก้วหูทะลุก็ได้ และบางเวลาบางทีอาจพบร่วมกับผู้ที่เป็นภูมิแพ้เรื้อรัง ต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรัง ผนังกั้นช่องจมูกคด และริดสีดวงจมูก


ซึ่งโรคหูชั้นกึ่งกลางอักเสบนี้พบบ่อยในเด็กมากยิ่งกว่าในผู้ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี เนื่องจากว่าท่อยูสเตเชียนของเด็กสั้นกว่าและก็อยู่ในแนวระนาบมากกว่าในคนแก่ โดยในโรคหูชั้นกึ่งกลางอักเสบนี้ ระยะของการอักเสบที่ทำให้มีน้ำหนองไหลออกมาจากรูหู (ภาษาชาวบ้านเรียกน้ำหนวก) นี้ ชอบเจอในระยะหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรั้ง เป็นส่วนมาก ส่วนระยะอื่นพบได้มากได้นานๆครั้งมาก รวมทั้งความรุนแรงของโรคก็ไม่มากเท่าระยะเรื้อรัง ด้วยเหตุนี้ในหัวข้อถัดไปนักเขียนจึงจะขอชี้แจงเฉพาะในระยะหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรังหรือโรคหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรังเพียงเท่านั้น เพื่อไม่ให้กำเนิดความสับสนของคนอ่าน
สิ่งที่ทำให้เกิดโรคหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง สิ่งที่ทำให้เกิดโรคหูชั้นกลางอักเสบเรื้องรังของ (COM) มักมีสาเหตุจาก

  • หูชั้นกึ่งกลางอักเสบกะทันหัน (acute otitis media) ที่ไม่ได้รับการดูแลและรักษาทันทีทันควัน ทำให้หนองในหูชั้นกึ่งกลางดันเยื่อแก้วหูทะลุออกมาก รวมทั้งหลังจากนั้นไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกทางทำให้เยื่อแก้วหูที่ทะลุนั้นไม่อาจจะปิดได้เอง
  • เยื่อแก้วหูทะลุจากการบาดเจ็บ (traumatic tympanic membrane perforation) เช่น ใช้ไม่พันสำลีปั่นช่องหู แล้วมีอุบัติเหตุกระแทกทำให้ไม้พันสำลีนั้น กระแทกเยื่อแก้หูจนทะลุเป็นรูรวมทั้งรูนั้นไม่อาจจะปิดได้เอง หรือเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการผ่าตัดกรีดเยื่อแก้วหู (myringotomy) เพื่อระบายหนองออกจากหูชั้นกึ่งกลาง ในผู้ป่วยที่มีหูชั้นกึ่งกลางอักเสบกระทันหันที่มีภาวะแทรกซ้อน หรือผ่าตัดเพื่อใส่ท่อระบายของเหลวหรือโรคหนองในหูชั้นกลาง (ventilation tubes) และค้างไว้ที่เยื่อแก้วหู แล้วหลุดออกไป แต่รูที่เกิดขึ้นจากการผ่าตัดนั้นไม่อาจจะปิดได้เอง ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เยื่อแก้วหูที่ทะลุนั้นไม่อาจจะปิดได้เองอาทิเช่น
  • มีการไหลของของเหลว ยกตัวอย่างเช่น มูกหรือหนองผ่านรูทะลุตลอดระยะเวลา เนื่องจากว่ายังมีการติดโรคในหูชั้นกลางอยู่
  • เยื่อบุผิวหนังของหูชั้นนอก (squamous epithelium) เข้ามาปกคลุมที่ขอบของรูทะลุ เมื่อเยื่อแก้วหูทะลุ ทำให้กลไกสำหรับเพื่อการ

Proteus species
ที่มา : Google
ป้องกันการต่อว่าดเชื้อของหูชั้น
กลางเสียไป เมื่อเยื่อแก้วหูทะลุ ทำให้กลไกในการปกป้องการตำหนิดเชื้อของหูชั้นกลางเสียไปเชื้อโรงที่เป็นสาเหตุของการตำหนิดเชื้อรวมทั้งทำให้หูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง เช่น เชื้อแบคทีเรียแล้วก็     
        พบมาก เป็นเชื้อชนิดมึงรมลบ
 
Pseudomonas aeruginosa
        ที่มา : Googie                                                                                                                
 

Staphylococcus aureus
ที่มา Wikipedia
 และก็Pseudomonas aeruginosa, Proteus species, Klebsiella pneumoniae และเชื้อประเภทเอ็งรมบวก ดังเช่นว่า Staphylococcus aureus และอาจเจอเชื้อ anaerobes ยกตัวอย่างเช่น Bacteroides, Peptostrep-tococcus, Peptococcus ได้ ที่สามารถเข้าสู่ร่างกายได้โดย

  • เกิดขึ้นจากการที่เชื้อโรคจากคอ หรือ จมูก ผ่านเข้าทาง Eustachian tube ไปสู่หูชั้นกึ่งกลาง
  • มีเหตุที่เกิดจากเชื้อโรคเข้าทางรูหู ผ่านแก้วหูที่ทะลุอยู่ก่อนแล้ว เข้าไปสู่หูชั้นกลาง แล้วก็ mastoid air cell
  • ผ่านทางกระแสโลหิต


ยิ่งกว่านั้นยังอาจมีปัจจัยมาจาก  มีการตันของรูเปิดของท่อยุสเตเชียนจากพยาธิสภาพในโพรงหลังจมูก เช่น โรคมะเร็งโพรงข้างหลังจมูก ต่อมอดีนอยด์โต, การอักเสบของโพรงจมูก ไม่ว่าจากการตำหนิดเชื้อ ไหมใช่การติดเชื้อการอักเสบของโพรงหลังจมูก ซึ่งเกิดจากกรดไหลย้อนที่ขึ้นมาที่โพรงหลังจมูก หรือเกิดขึ้นจากกรดไหลย้อนที่ขึ้นมาที่โพรงข้างหลังจมูก หรือมีสาเหตุจากความไม่ดีเหมือนปกติแต่กำเนิดของท่อยูสเตเชียนทางกายวิภาครวมทั้งสรีรวิทยา อาทิเช่น เพดานโหว่ (cleft palate) Down syndrome พยาธิภาวะดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว ทำให้มีการคั่งของของเหลวที่ผลิตจากหูชั้นกลาง แล้วก็เกิดการอักเสบของเยื่อบุหูชั้นกลาง และทำให้ของเหลวดังที่กล่าวมาแล้วไหลออกจากหูชั้นกึ่งกลางได้
อาการโรคหูชั้นกึ่งกลางอักเสบเรื้อรัง หูชั้นกึ่งกลางอักเสบจำพวกเรื้อรัง  แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

  • ชนิดไม่อันตราย (safe or uncomplicated ear) รูทะลุของเยื่อแก้วหู ชอบอยู่ตรงกลาง (central perforation) โอกาสที่เยื่อบุหูชั้นนอก (stratified squamous epithelium) หรือคราบไคล (cholesteatoma) จะเข้าไปในหูชั้นกึ่งกลางและก็โพรงอากาศมาสตอยด์ ทำให้มีการเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อย หูน้ำหนวกชนิดนี้เป็นประเภทที่ไม่มีไคลนั่นเอง ประเภทนี้คนป่วยจะมีหนอง (mucopurulent discharge) ไหลจากหูเป็นๆหายๆอาจตรวจพบ granulation หรือ polyp ได้ มักไม่พบว่ามีอาการปวดหูร่วมด้วย ถ้าเกิดมีลักษณะอาการปวดหูหมายความว่าอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น นอกเหนือจากนั้นคนไข้มักเสียการได้ยินแบบการนำเสียงเสีย บางรายอาจมีเส้นประสาทหูเสื่อมร่วมด้วยจาก Bacterial Toxin
  • ชนิดอันตราย (unsafe or complicated ear) มักจะมีรูทะลุของเยื่อแก้วหู อยู่ที่ขอบแก้วหู (marginal perforation) ทำให้จังหวะที่เยื่อบุหูชั้นนอก หรือคราบไคลจะเข้าไปในหูชั้นกึ่งกลางและโพรงกระดูกมาสตอยด์ นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนสูง หูน้ำหนวกจำพวกนี้ คือ ประเภทที่มีขี้ไคลนั่นเอง ชนิดนี้คนเจ็บจะมีลักษณะอาการเป็น ผู้เจ็บป่วยจะมีลักษณะอาการหนองไหลออกจากหูเป็นๆหายๆถึงแม้รักษาโดยใช้ยาเต็มที่แล้วอาการแย่ลง  รวมทั้งมีลักษณะหูตึงจากการนำเสียงผิดปกติ (conductive hearing loss) หรือทำลายอวัยวะที่เกี่ยวกับการได้ยินในหูชั้นใน ทำให้หูตึงจากเส้นประสาทหูดำเนินการเปลี่ยนไปจากปกติ (sensorineural hearing loss) มีอาการเวียนศีรษะ อ้วก อาเจียน  ทำให้เกิดอัมพาตของเส้นประสาทคู่ที่ 7  เกิดภาวะเข้าแทรกทางสมอง ได้แก่ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (meningitis), ฝีในสมอง (brain abscess),

การตำหนิดเชื้อของเส้นโลหิตในกะโหลกศีรษะ (sigmoid sinus thrombophlebitis) มีการอักเสบของกระดูกมาสตอยด์ (mastoiditis) เพราะมีหนองขังอยู่ในส่วนของกระดูก มาสตอยด์ แล้วไม่สามารถระบายออกไปได้ ทำให้มีการทำลายของกระดูกส่วนที่เป็นโพรงอากาศมาสตอยด์ผู้ป่วยมีลักษณะอาการปวดหูมากเพิ่มขึ้น มีหนองไหลออกจากหูมากเพิ่มขึ้น
และก็มีกลิ่นเหม็น  กำเนิดฝีหนองข้างหลังหู (subperiosteal abscess)
ขั้นตอนการรักษาโรคหูชั้นกึ่งกลางอักเสบเรื้อรัง หมอสามารถวินิจฉัยโรคนี้ได้จากแนวทางในการซักประวัติลักษณะของคนเจ็บ การตรวจร่างกาย แล้วก็การใช้เครื่องส่องหู (Otoscope) ส่องดู ซึ่งจะเจอเยื่อแก้วหูมีลักษณะเปลี่ยนไปจากปกติ ถ้าหากแก้วหูยังไม่ทะลุสามารถยืนยันการมีน้ำในหูชั้นกลางได้ด้วยการตรวจ pneumatic otoscope และการวัด tympanometry ถ้าทะลุแล้วจะเห็นรูทะลุและมีน้ำอยู่ในรูหูชั้นนอก สามารถนำน้ำในหูไปย้อมและเพาะหาจำพวกของเชื้อได้แล้วก็การตรวจนับเม็ดเลือดจะช่วยรับรองภาวะติดเชื้อถ้ายังไม่มีหนองไหล ยิ่งกว่านั้นยังมีการตรวจพิเศษอื่นๆเพิ่มเติมอีกดังเช่นว่า

  • การถ่ายรังสีกระดูกมาสตอยด์ (plan film of mastoid) มักพบว่าโพรงกระดูกมาสตอยด์ทึบ และบางส่วนของกระดูกมาสตอยด์บางทีอาจถูกทำลายไป
  • การตรวจการได้ยิน เพื่อตรวจระดับของการได้ยินครั้งเสียไป ถ้าการอักเสบของหูชั้นกึ่งกลางหรือ cholesteatoma ทำลายกระดูกหู (ossicular destruction) จะมีผลให้มีการสูญเสียการได้ยินมากมาย (conductive hearing loss) หรืออาจมีการสูญเสียของประสาทหู (sensorineural hearing loss) ได้ถ้ามี inner ear involvement
  • การเป่าลมเข้าไปในช่องหู เพื่อมองว่าผู้ป่วยมีอาการเวียนหัวเยอะขึ้นเรื่อยๆ หรือมีลูกตากระเหม็นตุก (nystagmus) หรือ (fistula test) ถ้าเกิด cholesteatoma ได้ทำลายกระดูกที่หุ้มอวัยวะควบคุมการทรงตัว จนเกิดทางเชื่อมต่อระหว่างหูชั้นกึ่งกลาง และอวัยวะควบคุมการเลี้ยงตัว การเป่าลมดังกล่าวจะกระตุ้นอวัยวะควบคุมการทรงตัว ทำให้คนไข้มีลักษณะเวียนหัวหรือดวงตากระตุกได้ ควรทำทดสอบดังที่ได้กล่าวมาแล้วในคนเจ็บทุกรายที่มี cholesteatoma โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีลักษณะเวียนศีรษะ
  • เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) ของกระดูกเทมโพรอล (temporal bone) ตรึกตรองทำในรายที่ใช้ยารักษาเต็มกำลังแล้วไม่ดีขึ้น (สงสัย cholesteatoma เนื้องอก,สิ่งเจือปน) หรือสงสัยว่าจะมีภาวะแทรกซ้อน (ossicular or fallopian canal erosion จาก cholesteoma, subperiostea abscess)
  • การตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ของกระดูกเทมโพคอยล พิจารรณาทำในรายที่สงสัยว่าจะมีภาวะแทรกซ้อน (dural inflammation, sigmoid sinus thrombosis, labyrinthitis, extra-craniai and intracranial abscess)


สำหรับวิธีการรักษาโรคหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรังประเภทไม่อันตรายคือ ทำความสะอาด ดูดโรคหนองในรูหู  ให้ยาหนอดหู fluoroquinolone ear drop 14-28 วัน
ถ้าเกิดอาการยังไม่ดีขึ้นให้ กินยาปฏิชีวนะ ร่วมด้วย หลังจากให้การรักษาด้วย ยาปฏิชีวนะอย่างเต็มที่แล้วยังไม่ดีขึ้นจะต้องประเมินหา cholesteatoma แล้วก็ mastoiditis
ในผู้ป่วยบางรายข้างหลังการรักษาด้วย ยาปฏิชีวนะไปแล้ว ยังพบว่าแก้วหูทะลุอยู่ไม่สามารถปิดเองได้ซึ่งอาจพินิจรับการผ่าตัดแก้วหู (tympanoplasty) จุดประสงค์หลักในการปะเยื่อแก้วหูเป็น

  • เพื่อกำจัดการตำหนิดเชื้อในหูชั้นกึ่งกลาง
  • เพื่อปกป้องการต่อว่าดเชื้อผ่านเยื่อแก้วหูที่ทะลุเข้าสู่หูชั้นกึ่งกลาง
  • เพื่อช่วยให้การได้ยินดีขึ้น


และขั้นตอนการรักษาโรคหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรังประเภทอันตรายคือ กำจัดการติดเชื้อภายในหูชั้นกลางปกป้องไม่ให้มีการติดเชื้อโรคภายในหูชั้นกลางอีก รักษาการได้ยินให้อยู่ในสภาพดี
เว้นเสียแต่เป้าหมายในการรักษาดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น 3 ข้อแล้ว ควรจะทำให้ cholesteatoma มีทางออก เพื่อเป็นการป้องกันและยังเป็นการไม่ให้ cholesteatoma มีการขยายขนาดใหญ่ขึ้นจนไปทำลายอวัยวะที่สำคัญต่างๆ

  • การรักษาทางยา โดยอาจให้ยาต้านทานจุลชีพประเภทรับประทานและก็จำพวกหยอดหู และให้ยาต่อต้านจุลินทรีย์ประเภทฉีดเข้าหลอดเลือด ในผู้ป่วย ที่มีภาวะแทรกซ้อน รวมทั้งทำความสะอาดหู โดยนำหนองของเหลว รวมทั้งเนื้อตายในหูชั้นกลางออกให้หมด
  • กระทำผ่าตัด mastoidectomy สำหรับผู้เจ็บป่วยที่มี cholesteatoma เก็กกักเอาไว้ในส่วนของแก้วหูที่เป็นแอ่ง และแพทย์ไม่อาจจะเห็นและก็ทำความสะอาดเอา cholesteatoma โดยยิ่งไปกว่านั้นส่วนในสุดของแอ่งได้ ควรกระทำผ่าตัด หลักการคือเอา cholesteatoma ออกมาให้หมด โดยการทำ tympanomastoid surgery รวมทั้งเปิดช่องให้ choleseatoma ที่อยู่ด้านใน มีทางออกสู่ด้านนอก เพื่อเป็นการป้องกันและไม่ให้ cholesteatoma มีการขยายขนาดกระทั่งไปทำลายอวัยวะที่สำคัญต่างๆรวมทั้งเกิดภาวะสอดแทรกได้

ปัจจัยเสี่ยงที่จะนำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคหูชั้นกึ่งกลางอักเสบเรื้อรัง ปัจจัยต่างๆที่ทำให้ผู้เจ็บป่วยมีโอกาสเสี่ยงต่อการตำหนิดเชื้อข้างในหูชั้นกลางจนกลายเป็นการอักเสบเรื้อรังได้ ซึ่งเช่น

  • อายุ หูชั้นกึ่งกลางอักเสบมักเกิดขึ้นในเด็กอายุ 6 เดือน-2 ปี เป็นส่วนมาก เพราะเหตุว่าท่อยูสเตเชียนของเด็กอยู่ในลักษณะแนวยาวกระตุ้นให้เกิดการระบายของเหลวไม่ดีเพียงพอราวกับคนแก่
  • ปัญหาสุขภาพ เด็กที่มีภาวการณ์ปากแหว่งเพดานโหว่มีความเสี่ยงที่จะกำเนิดติดเชื้อในหูชั้นกลาง เนื่องจากความแตกต่างจากปกติดังกล่าวมาแล้วข้างต้นจะนำมาซึ่งการทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ท่อยูสเตเชียนรวมทั้งไปสู่หูชั้นกึ่งกลางได้ง่ายดายกว่าคนธรรมดาทั่วๆไป ยิ่งไปกว่านี้ คนป่วยกลุ่มดาวน์ซินโดรม (Down's Syndrome) ที่มีลักษณะทางด้านกายภาพที่แตกต่างจากเด็กคนทั่วๆไปจะมีโอกาสในการเสี่ยงสำหรับเพื่อการเกิดหูชั้นกึ่งกลางอักเสบได้มากขึ้น
  • การดื่มนมแม่ เด็กที่ไม่ได้ดื่มนมแม่ตั้งแต่กำเนิดจะก่อให้มีภูมิคุ้มกันในตอนแรกกำเนิดน้อยกว่าเด็กที่ดื่มนมแม่ เนื่องมาจากในนมแม่มีภูมิคุ้มกันที่ดีและช่วยคุ้มครองป้องกันการต่อว่าดเชื้อต่างๆได้
  • การเปลี่ยนแปลงของฤดู หวัดมักเป็นกันมากในฤดูฝน รวมทั้งหน้าหนาว ซึ่งอาจก่อให้ผู้เจ็บป่วยติดเชื้อที่หูได้ง่ายมากยิ่งขึ้นเมื่อป่วยหวัด นอกจากนั้น คนไข้โรคภูมิแพ้อากาศก็ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อโรคได้อีกด้วย
  • การดูแลเด็ก เด็กที่จะต้องได้รับการดูแลในสถานรับเลี้ยงมีความเสี่ยงที่จะไม่สบายหวัดแล้วก็มีการติดเชื้อที่หูได้ง่าย เพราะภูมิต้านทานของเด็กยังไม่พัฒนา และสถานที่รับเลี้ยงเด็กมักเป็นแหล่งแพร่ระบาดโรคที่ทำให้เด็กเจ็บป่วยได้มากที่สุด
  • มลภาวะที่เกิดขึ้นทางอากาศ ฝุ่นละอองควันกลางอากาศรวมทั้งควันของบุหรี่ บางทีอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ และหูได้ง่ายขึ้น
  • การสั่งน้ำมูกแรงๆการดำน้ำ การว่ายน้ำ ในระหว่างที่มีการอักเสบในโพรงข้างหลังจมูกจะมีผลให้มีการอักเสบติดเชื้อโรคในหูชั้นกลางได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น


การติดต่อของโรงหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง โรคหูชั้นกลางอักเสบเรื้องรังหรือหูน้ำหนวกนี้ เป็นโรคที่เกิดจากาการตำหนิดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส ในบริเวณหูชั้นกลางซึ่งไม่ได้เป็นโรคติดต่อและไม่ได้มีการติดต่อจากคนสู่คนหรือจากสัตว์สู่คนอะไร
การกระทำตนเมื่อป่วยด้วยโรคหูชั้นกึ่งกลางอักเสบเรื้อรัง (หูน้ำหนวก)

  • ไม่แคะ ปั่น เขี่ย หรือถูขี้หูออก หรือชำระล้างหูโดยใช้ไม้พันสำลี นิ้วมือ หรือวัตถุใดๆใส่เข้าไปในรูหู โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากหมอแล้วก็พยาบาล
  • ปกป้องไม่ให้น้ำไพเราะ โดยใช้สำลีหรือวัสดุอุดรูหู (Ear plug) ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านกีฬา (เป็นที่อุดหูในการว่ายหรือมุดน้ำ) และก็ทุกหนขณะอาบน้ำ เพื่อเป็นการป้องกันและไม่ให้น้ำเข้าหู
  • เวลาที่มีหูน้ำหนวกไหลหรือเป็นโรคหูน้ำหนวกเรื้อรัง ควรไปพบหมอเพื่อรับการตรวจรักษาที่ถูกและก็สม่ำเสมอ เลี่ยงการมุดน้ำหรือเล่นน้ำในสระหรือแม่น้ำลำคลอง
  • ไม่ควรล้างหูด้วยสบู่ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อเสมอๆหรือซื้อยาหยอดหูมาใช้เอง
  • ไม่ไอแบบปิดปากแน่น หรือสั่งน้ำมูก จามรุนแรงแบบปิดจมูกแน่น
  • ป้องกันตนเองไม่ให้เป็นหวัด หรือโรคทางเดินหายใจอักเสบ
  • ประพฤติตามคำแนะนำของแพทย์ กินยาตามที่หมอสั่งให้ถูก ครบถ้วน ไม่หยุดยาเอง ถึงแม้ว่าอาการจะดีขึ้นกว่าเดิมและก็ตาม เพราะว่าอาจจะส่งผลให้การดูแลและรักษาเห็นผลไม่สุดกำลัง หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
  • เมื่อมีอาการน่าสงสัย หรือเป็นหวัดช้านาน หรือ เป็นหูชั้นกลางอักเสบกระทันหัน (มีลักษณะไข้ หูอื้อ ปวดหู มีน้ำหนองซึ่งมีกลิ่นเหม็นไหลออกมาจากหู) ควรรีบไปพบหมอ/หมอหู คอ จมูก
การคุ้มครองตนเองจากโรคหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง (หูน้ำหนวก)

  • การคุ้มครองในเด็กบางทีอาจทำเป็นโดยการลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยง เช่น ส่งเสริมให้เด็กอ่อนกินนมมารดา หลบหลีกการส่งเด็กไปเลี้ยงที่ศูนย์เลี้ยงเด็กที่มีการสุขาภิบาลไม่ดี
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยหวัด และโรคติดเชื้อทางเท้าหายใจอื่นๆ
  • ฉีดวัคซีนคุ้มครองปกป้องเชื้อนิวโมค็อกคัส (pneumococcal vaccine) ซึ่งเป็นเชื้อก่อโรคหูชั้นกึ่งกลางอักเสบและปอดอักเสบ
  • หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ๆมีควันของบุหรี่
  • ระแวดระวังอย่าให้ได้รับอันตรายหรืออุบัติเหตุกับหู เลี่ยงการกระทบสะเทือนบริเวณหูและรอบๆใกล้เคียง เพราะอาจจะก่อให้แก้วหูทะลุรวมทั้งฉีกให้ขาดได้
  • ถ้าเกิดป่วยด้วยโรคหูชั้นกึ่งกลางอักเสบเฉียบพลันควรรีบกระทำการรักษาก่อนจะเปลี่ยนเป็น ระยะหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง
  • ทำให้ร่างกายมีความสมบูรณ์แข็งแรงเพื่อลดการเสี่ยงต่อการตำหนิดเชื้อต่างๆด้วยการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ให้ครบสมบูรณ์ 5 กลุ่ม รวมทั้งหมั่นบริหารร่างกาย
  • เมื่อมีอาการน่าสงสัย หรือเป็นหวัดนาน หรือ เป็นหูชั้นกึ่งกลางอักเสบฉับพลัน ควรรีบไปพบหมอ
สมุนไพรที่ใช้คุ้มครองปกป้อง / รักษาโรคหูชั้นกึ่งกลางอักเสบเรื้อรัง (หูน้ำหนวก)

  • หูเสือหรือเนียมหูเสือ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Plectranthus amboinicus คุณประโยชน์ทางยาไทยพบว่า น้ำคั้นจากใบสามารถแก้ปวดหู พิษฝีในหู หูน้ำหนวก ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาพบว่าสามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ยับยั้งยีสต์ ยับยั้งเชื้อรา ฆ่าแมลง ยับยั้งการงอกของพืชอื่น ยั้งเอนไซม์ protease จากเชื้อ HIV แล้วก็มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ    สารสำคัญที่พบในใบ เป็นต้นว่า น้ำมันหอมระเหย thymol, carvacrol, γ-terpinene, cyperene ฯลฯ
  • [url=http://www.disthai.com/16484907/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B

 

Sitemap 1 2 3