ผู้เขียน หัวข้อ: RENOVATE รับตกแต่งออกแบบคอนโด ร้านกาแฟ ภายใน ทำร้านร้านเล็บ มีภาพจำลอง3D ติดต่อ  (อ่าน 224 ครั้ง)

suChompunuch

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2164
    • ดูรายละเอียด
ให้บริการ - ค่าผลิต คิดตามจำนวนเฟอร์นิเจอร์ในแบบ ไม่มีขั้นต่ำ
Renovate, Innovate,  ออกแบบร้านกาแฟ RENOVATE รับตกแต่งออกแบบบ้าน ร้านกาแฟ ภายนอก ทำร้านร้านเล็บ มีภาพจำลอง3D ติดต่อ เรามีสำนักงาน 2 สาขาที่กรุงเทพ และหัวหิน
งานออกแบบปรับปรุงห้องชุดพักอาศัย
โครงการ : NOBLE ORA ซ.ทองหล่อ
style : MODERN CLASSIC

พื้นที่ใช้สอย : 70 ตร.ม.
ค่าออกแบบ : 390 บ./ตร.ม.
ขั้นตอนออกแบบเสร็จสิ้น กำลังดำเนินการผลิต


 
ชงกาแฟให้กลมกล่อม
กาแฟอาราบิก้า ชื่อวิทยาศาสตร์ Coffea arabica L. จัดอยู่ในสกุลเข็ม (RUBIACEAE)
ต้นกาแฟอาราบิก้า เป็นพืชพื้นเมืองของทวีปอัฟริกา บริเวณประเทศเอธิโอเปีย แม้กระนั้นชาวอาหรับเป็นชาติแรกที่นำกาแฟมาชงดื่ม จึงทำให้ชื่อภาษาละตินของกาแฟใช้คำว่า “อาราบิก้า” (arabica) จุดมุ่งหมายถึงชาวอาหรับ โดยต้นกาแฟจัดเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ที่มีความสูงของต้นราวๆ 2-4 เมตร ในขณะนี้เพาะปลูกกันมากในเขตร้อนชื้นแล้วก็ครึ่งหนึ่งเย็น
ใบกาแฟอาราบิก้า ใบเป็นใบคนเดียว ออกเรียงตรงกันข้าม รูปแบบของใบเป็นรูปขอบขนานหรือรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบแหลมนิดหน่อย ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างโดยประมาณ 8-12 เซนติเมตร และก็ยาวราว 15-20 ซม. แผ่นใบเรียบวาว บางโอกาสเป็นคลื่น มีหูใบอยู่ระหว่างก้านใบ
ดอกกาแฟอาราบิก้า ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ กลีบดอกเป็นสีขาว ติดกันเป็นหลอด ดอกมีกลิ่นหอมยวนใจ
ผลกาแฟอาราบิก้า ผลสำเร็จสด ลักษณะของผลเป็นรูปไข่แกมทรงกลม โดยผลอ่อนจะเป็นสีเขียว แต่ว่าเมื่อสุกแล้วจะกลายเป็นสีแดงคุณลักษณะเด่นของกาแฟอาราบิก้า คือ มีกลิ่นหอมแล้วก็สารกาแฟสูง ทำให้เมื่อดื่มแล้วรู้สึกได้ถึงความแคล่วคล่องว่องไว มีชีวิตชีวา โดยกาแฟชนิดนี้จะมีปริมาณของคาเฟอีนต่ำ เป็นกาแฟที่มีคุณภาพสูง มีความหอมไม่เป็นรองคนใด เพียงยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไรนัก เพราะว่าขาดการส่งเสริมแล้วก็การประชาสัมพันธ์ที่ดี ในประเทศไทยมีการปลูกกาแฟจำพวกนี้กันมากทางภาคเหนือบนดอยสูง
กาแฟโรบัสต้า ชื่อสามัญ Robusta coffee
ชื่อวิทยาศาสตร์ Coffea canephora Pierre ex A.Froehner (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Coffea robusta L.Linden)
ต้นกาแฟโรบัสต้า ลำต้นเจริญวัยมาจากรากแก้ว มีลักษณะเป็นข้อแล้วก็ข้อ โคนใบจะอยู่ตามข้อของลำต้น เมื่อต้นโตขึ้นใบจะหล่นไป โคนใบมีตา 2 ประเภทหมายถึงตาบนและก็ตาล่าง ตาบนจะแตกกิ่งออกมาเป็นกิ่งแขนงที่ 1 ลักษณะเป็นกิ่งนอนขนานกับพื้นดินมีข้อแล้วก็บ้อง แต่ละข้อจะมีกลุ่มตาดอกที่จะติดเป็นผลกาแฟถัดไป ส่วนตาล่างจะแตกออกเป็นกิ่งตั้ง กิ่งจะตั้งชันขึ้นไปราวกับลำต้น และไม่ติดผล แม้กระนั้นสามารถสร้างกิ่งกิ่งก้านสาขาที่ให้ดอกผลได้ ซึ่งเรียกเป็นกิ่งกิ่งก้านสาขาที่ 1 เช่นกัน แล้วก็กิ่งกิ้งก้านที่ 1 ยังสามารถแตกกิ่งกิ่งก้านสาขาต่อไปได้อีกเป็นกิ่งกิ้งก้านที่ 2 และกิ่งแขนงที่ 2 ก็สามารถแตกเป็นกิ่งกิ้งก้านที่ 3 ได้อีก โดยกิ่งกิ่งก้านสาขากลุ่มนี้จะเกิดในลักษณะเป็นคู่สลับเยื้องกันบนลำต้นหรือกิ่งตั้ง เมื่อมีการตัดลำต้นกาแฟ ตาล่างบประมาณนลำต้นจะแตกกิ่งตั้งมา กิ่งก็จะแตกเป็นกิ่งกิ่งก้านสาขาที่ 1, 2 และ 3 แล้วก็จะมีการสร้างดอกแล้วก็ผลกาแฟต่อไป โดยต้นกาแฟนั้นจะสามารถขยายพันธุ์ด้วยแนวทางเพาะเมล็ด
ใบกาแฟ ใบเป็นใบเดี่ยว กำเนิดที่ข้อเป็นคู่ตรงข้ามกัน โคนใบและหลายใบเรียวแหลม ส่วนขอบของใบหยักเป็นคลื่น กึ่งกลางใบกว้าง ผิวใบเรียบนุ่มเป็นเงา มีปากใบอยู่ด้านท้องใบ แต่ละใบจะมีปากใบประมาณ 3 ล้านถึง 6 ล้านรู โดยปากใบโรบัสต้าจะมีขนาดเล็กกว่าปากใบของกาแฟอาราบิก้า แต่ว่าจะมีจำนวนหลายชิ้นกว่า อายุใบโดยประมาณ 250 วัน ส่วนก้านใบนั้นมีขนาดสั้น
ดอกกาแฟ ธรรมดาแล้วดอกกาแฟจะออกเป็นดอกเดี่ยวบริบูรณ์เพศ มีกลีบดอกราวๆ 4-9 กลีบ ส่วนกลีบเลี้ยงมี 4-5 ใบ มีเกสร 5 อัน แล้วก็มีรังไข่ 2 ห้อง ในแต่ละห้องของรังไข่จะมีไข่ 1 ใบ ผลกาแฟก็เลยมีเมล็ด 2 เมล็ด ดอกจะออกเป็นกลุ่มๆรอบๆโคนใบบนข้อของกิ่งกิ้งก้านที่1, 2 หรือ 3 กรุ๊ปดอกแต่ละข้อจะมีดอกราว 2-20 ดอก ดอกจะออกจากกิ่งกิ่งก้านสาขาจากข้อที่อยู่ใกล้กับลำต้นออกไปพบปลายกิ่งกิ้งก้าน โดยธรรมดาแล้วต้นกาแฟจะออกดอกตามข้อของกิ่ง ข้อที่ออกดอกออกผลแล้วในปีหน้าก็จะไม่มีดอกและก็ให้ผลอีก
ผลกาแฟ ผลมีลักษณะเป็นทรงรี ก้านผลสั้น ผลดิบเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีส้ม และสีแดง ผลกาแฟจะประกอบด้วยเปลือก เนื้อที่มีสีเหลือง (เมื่อสุกมีรสหวาน) รวมทั้งกะลาที่หุ้มห่อเมล็ด ตอนระหว่างกะลากับเมล็ดจะมีเยื่อบางๆที่ห่อหุ้มเมล็ดอยู่ ซึ่งพวกเราเรียกว่า “เยื่อหุ้มห่อเม็ด” ในแต่ละผลจะมี 2 เม็ดประกบกันอยู่ ก้านที่ตามติดกันจะอยู่ด้านในมีลักษณะแบน มีร่องกึ่งกลางเม็ด 1 ร่อง ส่วนข้างนอกโค้ง รูปแบบของเม็ดจะเป็นเม็ดลำพังหรือเม็ดโทน ในบางครั้งถ้าเกิดการผสมเกสรไม่สมบูรณ์ จะทำให้ผลติดเม็ดเพียงแค่เม็ดเดียว (คิดเป็นราวๆ 5-10%) ซึ่งจะมีลักษณะเป็นรูปกลมรีทั้งยังเมล็ด มีร่องตรงกลาง 1 ร่อง เม็ดจำพวกนี้จะเรียกว่า “พีเบอร์รี่“
ลักษณะเด่นของกาแฟโรบัสต้า โดยส่วนใหญ่แล้วพวกเราจะนำกาแฟโรบัสต้ามาผลิตเป็นกาแฟสำเร็จรูป หรือเอามาผสมกับกาแฟอาราบิก้านิดหน่อย เพื่อผลิตเป็นกาแฟคั่วบดให้มีรสชาติที่แตกต่างออกไป สำหรับกาแฟโรบัสต้านั้นมีลักษณะเด่นในเรื่องของบอดี้ เมื่อดื่มแล้วจะรู้สึกได้ถึงความนิ่ม ชุ่มคอ กาแฟประเภทนี้จะมีจำนวนของคาเฟอีนสูงขึ้นยิ่งกว่ากาแฟอาราบิก้าเป็น 2 เท่า กาแฟโรบัสต้าในประเทศไทยจะมีการเพาะกันมากทางภาคใต้บนพื้นที่ราบ ตัวอย่างเช่นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชแล้วก็จังหวัดชุมพร
Drip : วิธีการนี้เกิดขึ้นมาราวปี ค.ศ. 1905 ในเยอรมันนีซึ่งต่อมาในปี ค.ศ. 1908 ก็ได้มีชื่อเสียงอย่างแพร่หลายของคนซื้อ โดยเฉพาะคนที่ถูกใจชงกาแฟดื่มเองที่บ้าน
วิธีการชงกาแฟแบบ Drip : จะทำโดยการใช้น้ำร้อนหรือหยดน้ำร้อนผ่านกาแฟบด แล้วต่อจากนั้นให้ของเหลวผ่านกระดาษกรอกหรือ filter สำหรับที่ใช้ชงกาแฟแบบ drip ลงไปยังภาชนะรองรับ ซึ่งเมื่อผ่าน filter อาจจะมีการเสียรสชาติไปบ้างแม้กระนั้นไม่มาก ซึ่งนับได้ว่าเป็นแนวทางที่ง่ายเหมาะกับทำที่บ้านได้ด้วยตัวเอง สามารถใช้ได้กับการชงกาแฟในจำนวนมากกว่า 1 แก้วได้อย่างสบาย โดยจะมีเครื่องต้มกาแฟ ชื่อ drip maker หรือ coffee machine ที่หาซื้อได้อย่างง่ายๆ
French Press : แนวทางการนี้เกิดขึ้นประมาณปี 1850 โดยนักออกแบบชาวอิตาเลียน การชงกาแฟโดยวิธีการแบบนี้นั้น ควรมีเครื่องชงกาแฟแบบ French press ซึ่งหาซื้อได้อย่างไม่ยากเย็นตามตลาด ทำให้ได้รสชาติของกาแฟที่จริงจริงแต่ยังไงก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาวิตกกังวลกับเศษหรือกากกาแฟที่หลุดลอดออกมานะเนื่องจากโน่น เป็นเสน่ืห์ของแนวทางลักษณะนี้ ซึ่งกาแฟที่ได้จะไม่ clean เท่าแบบ Drip ก็ไม่ต้องตกใจ
กรรมวิธีการชงกาแฟแบบ French Press : ก็ไม่ยุ่งยาก
ขั้นที่ 1 : เราควรจะมีกาแฟบดก่อนซึ่งต้องใช้กาแฟบดที่หยาบคายหน่อยนะเพราะเหตุว่าถ้าหากพวกเราบดละเอียดมากเลย ผงกาแฟจะหลุดลอดตะแกรงของเครื่องชงได้
ขั้นที่ 2 : เพิ่มผงกาแฟบดลงไปในเครื่องชง ใช้กาแฟราว 7 กรัม
ขั้นที่ 3 : เพิ่มน้ำร้อนลงไปประมาณ 1/3 ของแก้วรอคอยให้กาแฟซึมน้ำซัก 30-40 วินาที หลังจากนั้นเพิ่มน้ำร้อนเข้าไปจนถึงเต็ม
ขั้นที่ 4 : เอาฝามาปิด อย่าลืมนะก่อนปิดฝาให้ดึงตะแกรงขึ้นจนกระทั่งสุดก่อน ปิดฝาทิ้งเอาไว้โดยประมาณ 4 นาที
ขั้นที่ 5 : กดตะแกรงลงมาเพื่อดันเศษกาแฟลงไปด้านล่างแล้วก็รินใส่ถ้วยกินได้โดยทันทีเลย
Espresso : แนวทางการนี้เกิดขึ้นราวปี คริสต์ศักราช 1901 ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี หลายๆท่านบางทีก็อาจจะรู้จักกับชื่อนี้มากมายก่ายกอง และอาจจะเกิดความสับสนราวกับผมในคราวก่อนว่า มันคือ ชื่อชนิดกาแฟ หรือไม่ก็สูตรกาแฟดำที่ชื่อ เอสเปรสโซ่ ในความเป็นจริงแล้ว Espresso ชื่อนี้เป็นกรรมวิธีการชงกาแฟ มาจากภาษาละตินที่หมายความว่า ดัน หรือ กด แล้วก็กาแฟที่ได้จากเครื่องนี้ก็จะเรียกว่า “กาแฟเอสเปรสโซ่” ซึ่งก็จะเป็นต้นทางของแนวทางการทำกาแฟสูตรต่างๆอาทิเช่น Latte, Mocha, Cappuccino, Macchiato หรือ Espresso con Panna ฯลฯ
Chemex : วิธีการแบบนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1931 ซึ่ง ไม่ค่อยแพร่หลายเท่าไหร่ โดย Chemexเป็นกรวยชงกาแฟชนิดหนึ่ง โดยลักษณะคล้ายๆกับการ Drip ที่ใช้น้ำร้อนเทใส่ผงกาแฟรวมทั้งผ่านกระดาษกรองลงไป แม้กระนั้นวิธีการนี้เป็นศิลป์อย่างหนึ่งที่ทุกขั้นตอนจะทำด้วยมือตั้งแต่การบดจะไปถึงการเทน้ำร้อนใส่ผงกาแฟ
Cupping : กรรมวิธีการนี้ใช้สำหรับนักชิมกาแฟ หรือ Master Taster โดยก่อนที่ผู้สร้างกาแฟจะส่งขายไปยังลูกค้าควรมีการลองกาแฟก่อน ซึ่งผู้ลองกาแฟก็จะชงกาแฟด้วยแนวทาง Cupping คือ บดกาแฟที่อยากได้ชิมรสชาติ ดังเช่น กาแฟ 1 ประเภทก็จะคั่ว 3 ระดับเป็น อ่อน กึ่งกลาง และก็ เข้ม แล้วก็เอามาบดแล้วใส่ผงกาแฟลงในถ้วยแก้ว 3 ถ้วยแล้วต่อจากนั้นก็เติมน้ำร้อนลงไป เพียงพอถึงขนาดตอนการชิม เค้าก็จะเอาช้อนเฉือนหรือตักผงกาแฟที่ลอยอยู่ออกแล้วหลังจากนั้นก็เริ่มกระทำการลองกาแฟได้เลย
สรรพคุณของกาแฟ

  • คาเฟอีนสามารถช่วยขยายหลอดเลือดแดงที่หล่อเลี้ยงหัวใจได้ จึงทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจได้มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็มีฤทธิ์ทำให้เส้นเลือดแดงบริเวณศีรษะหดตัว ซึ่งก็เป็นการช่วยลดอาการปวดศีรษะจากไมเกรนได้อีกด้วย
  • กาแฟมีนิโคติน แต่ไม่ใช่ชนิดเดียวกันกับที่พบได้ในบุหรี่ แต่เป็นวิตามินบีรวมชนิดหนึ่งที่ร่างกายต้องการ ซึ่งสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้ การดื่มกาแฟจึงช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดแข็งตัว
  • ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เผยว่า ผู้หญิงที่ดื่มกาแฟวันละ 4 แก้ว จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีลดลงประมาณ 25% เช่นเดียวกับงานวิจัยก่อนหน้านี้ที่ได้ระบุว่าผู้ชายที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้ โดยมีข้อมูลที่ได้ระบุว่าผู้ชายที่ดื่มกาแฟอย่างน้อยวันละ 2 แก้ว จะช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเป็นนิ่วในถุงน้ำดีได้ 40% และลดได้ 25% สำหรับผู้หญิงที่ดื่มกาแฟในปริมาณเท่ากัน ส่วนผู้ที่ดื่มกาแฟมากกว่าวันละ 4 แก้ว จะช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้ถึง 45%
ขั้นตอนกล้วยๆที่จะเป็นแถวทางสู่บ้านในฝัน
การออกแบบด้วยคนเขียนแบบนั้นนับเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากในการสร้างบ้าน นักออกแบบที่เก่ง จะช่วยขจัดปัญหาการจัดสรรพื้นที่ ช่วยให้บ้านของเราสวย มีสไตล์ แถมยังอยู่สบายสอดคล้องกับการใช้ชีวิตของผู้อาศัยในบ้าน แต่ว่าถ้าต้องการสร้างบ้านหลังเล็ก ย้ำการอาศัยอย่างง่าย การออกแบบบ้านด้วยตัวเองเป็นอีกหนึ่งแนวทางซึ่งสามารถทำเป็น สาระสำคัญเป็นการสื่อสารกับช่างก่อสร้างให้ได้ทราบถึงความอยากของพวกเราเอง และวิธีการสื่อสารที่ง่ายที่สุดสำหรับในการก่อสร้างบ้าน โน่นเป็นการวาดแปลนบ้านนั่นเองขอรับ สำหรับวันนี้ “บ้านไอเดีย” ขอนำแนวทางออกแบบบ้านด้วยตนเองอย่างง่าย โดยจะเน้นย้ำไปถึงการจัดสรรพื้นที่ พร้อมทั้งวาดแผนผังแบบแปลนข้างในบ้านด้วยตนเอง เพื่อนำแบบแปลนดังที่กล่าวถึงมาแล้วไปให้ผู้รับเหมา หรือบางทีอาจส่งต่อให้คนเขียนแบบเขียนแบบแปลนมาตรฐาน เพื่อจะได้นำไปต่อยอดเป็นแปลนบ้านใช้งานจริงกันขอรับ
1. ตรวจที่ดิน : ก่อนจะถึงขั้นตอนการออกแบบบ้าน อย่างแรกที่สำคัญมากมายก่ายกองเป็นการเล่าเรียนแปลงที่ดินของเราเองอย่างระมัดระวัง ที่ดินมีหน้ากว้างกี่เมตร ลึกกี่เมตร ด้านไหนอยู่ด้านไหนบ้าง การสำรวจทิศทางนี้เพื่อที่จะให้เราได้วางผังบ้านได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพอากาศ ลมรวมทั้งแสงแดด ขนาดของที่ดินยังบอกถึงขนาดรวมทั้งรูปทรงของบ้าน ได้แก่ มีที่ดิน 40 ตำรวจม. แต่ว่าต้องการพื้นที่ใช้สอย 200 ตำรวจม แน่นอนว่าจะต้องดีไซน์เป็นบ้าน 2 ชั้นเพียงแค่นั้น แล้วก็การออกแบบจะต้องเผื่อขอบเขตระยะร่นตามกฎหมายกำหนดไว้ (อ่านกฎหมายระยะร่น)
2. ระบุสไตล์ : การเลือกสไตล์ของบ้าน เป็นการระบุขอบเขต เป้าหมาย เพื่อให้จินตนาการของความปรารถนามีความแจ่มชัดเพิ่มมากขึ้น ผู้อ่านอาจขับขี่รถท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆพักรีสอร์ท ยอดเยี่ยมบ้านสหาย หรือถ้าหากให้สะดวกหน่อยก็เพียงคลิกเข้าชมเว็บบ้านไอเดีย ตัวอย่างบ้านเหล่านี้เราสามารถนำมาประยุกต์ ระบุกรรมวิธีออกแบบบ้านในฝันของพวกเราได้ แต่ต้องขอย้ำให้ทราบกันก่อนว่า พวกเราสามารถนำวางแบบมาประยุกต์ใช้ได้ แต่ไม่สามารถไปลอกแบบได้ครับผม เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้านหรือผู้ครอบครองแบบโดยตรง โดยธรรมดาแล้วสไตล์ของบ้านมีค่อนข้างจะหลากหลาย อีกทั้งไทยปรับใช้ , Vintage , Loft , Minimal , Tropical , หรืออาจเลือกเอกลักษณ์ของบ้านจากต่างประเทศ ดังเช่นว่า บ้านสไตล์ทัสคานี เป็นต้น ทั้งผองนี้ไม่จำเป็นที่ต้องมีส่วนประกอบที่แบบเดียวกัน ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเป๊ะ เราบางทีอาจผสมรวมแต่ละสไตล์ เลือกจุดที่ชอบเอามาปรับใช้เพื่อให้เปลี่ยนเป็นสไตล์ของพวกเราเองได้เหมือนกันครับผม เผชิญที่แหน่งใด ถ่ายรูปเก็บไว้ หรือถ้าหากถูกใจตัวอย่างแบบบ้านในเว็บบ้านไอเดีย ก็บางครั้งก็อาจจะเซฟลิงค์เก็บไว้ เผื่อตอนใช้งานจริงจะได้ค้นหาข้อมูลพบ การเลือกสไตล์บ้านที่ดี เว้นแต่ความนิยมส่วนตัวแล้ว สถานที่ก่อสร้างเป็นสิ่งที่จำเป็น ควรออกแบบบ้านให้เหมาะสม ใกล้เคียงหรือมองเข้ากับสถานที่ ชุมชนที่อยู่ที่อาศัยด้วยครับ
3. เขียนสิ่งที่จำเป็นลงไป : ก่อนการดีไซน์ของจำเป็นเป็นอย่างมาก คือการวิเคราะห์ความปรารถนา ขั้นตอนนี้จึงควรคุยกันอีกทั้งครอบครัว มีสมาชิกกี่คน อยากได้อะไรบ้าง อยากได้แบบไหน มีเฉลียง ชานระเบียง มีกี่ห้องนอน กี่ห้องน้ำ เป็นคนมักจะทำห้องครัวหรือเปล่า ห้องรับแขก ห้องดูทีวี ห้องทำงาน โจทย์กลุ่มนี้แต่ละบ้านย่อมมีความไม่เหมือนกัน โดยยิ่งไปกว่านั้นความอยากหลักรากฐาน เช่น จำนวนห้องนอน สุขา เป็นต้น
4. กำหนดขนาด : เมื่อรู้ความอยากได้แล้ว กำหนดขนาดพื้นที่ใช้สอยของแต่ละห้องลงไป ต้องการให้กว้าง ยาว กี่เมตร การกำหนดขนาดแต่ละห้องจะช่วยทำให้สามารถพินิจพิจารณาหาพื้นที่ใช้สอยรวมเบ็ดเสร็จได้ ผลพินิจพิจารณานี้จะมีผลให้การออกแบบบ้านชัดแจ้งยิ่งขึ้น และยังช่วยให้เราทราบอีกว่า พวกเราควรสร้างบ้านกี่ชั้นถึงจะเหมาะสม ถ้ามีที่ดินอยู่แล้วจะต้องวางแบบให้สอดคล้องกับที่ดิน แม้กระนั้นถ้าหากยังไม่มีที่ดิน การกำหนดขนาดพื้นที่ใช้สอย จะก่อให้พวกเราหาซื้อที่ดินได้ตามขนาดที่อยาก การกำหนดขนาดนี้ยังสามารถนำไปอิงกับการประเมินราคาก่อสร้างได้อีกด้วยครับ
5. ระบุตำแหน่ง ทิศทาง : การออกแบบแผนผังบ้านที่ดีควรออกแบบให้สอดคล้องกับธรรมชาติ เพื่อการอาศัยข้างในบ้านเป็นไปอย่างเหมาะควรที่สุด โดยรวมแล้วจะคำนึงถึงแนวทางของแดด และก็แนวทางลม โดยแสงแดดจะส่องมากมายในทิศตะวันตก ทิศใต้ ห้องที่อยากแสงสว่างมาก เป็นห้องที่อยากกำจัดความชุ่มชื้น ยกตัวอย่างเช่น ห้องสุขา ห้องครัว ห้องชะล้าง ส่วนห้องที่อยากแสงพอเพียงเหมาะ อย่างเช่น ห้องนอน , ห้องนั่งเล่น , ห้องทำงาน , ห้องดูหนัง เพราะเหตุว่าถ้าหากแสงสว่างมากเกินความจำเป็นอาจซึ่งก็คือความร้อนที่มากขึ้นเช่นกันขอรับ
6. สำหรับทิศทางลม ลมมีสองทิศทางหลัก ทิศเหนือรวมทั้งทิศใต้ขึ้นอยู่กับฤดู (ทิศใต้มีลมเข้า 8-9 เดือน ทิศเหนือ 2-3 เดือน) ซึ่งหากอ้างอิงร่วมกับทิศทางแดด แดดด้านทิศใต้จะออกจะแรงแทบตลอดทั้งวัน ส่วนทิศเหนือแดดจะร่มเกือบจะทั้งวัน ชาวไทยจึงนิยมสร้างบ้านให้เบือนหน้าไปทางทิศเหนือ แม้กระนั้นก็มีหลายชิ้นเหมือนกันที่เลือกหันหน้าไปด้านทิศใต้ เพื่ออยากรับกระแสลมแทบตลอดทั้งปี ดังนี้ก็มิได้เป็นความจำกัดแต่อย่างใด เนื่องจากว่าการใช้แรงงานของแต่ละบ้านนั้นไม่เหมือนกัน บางท่านอาจดีไซน์เพื่อเน้นย้ำการใช้ข้างบ้าน , หลังบ้าน ก็ขึ้นกับการใช้แรงงานจริงด้วยครับผม
7. ทดลองวาด : อุปกรณ์ฐานรากที่สุดที่ใช้ในการวาดแปลนเป็นดินสอ + กระดาษ A4 หรือนักอ่านถนัดใช้วัสดุใดก็สามารถเลือกได้ตามอยากได้ ทั้งยังวาดด้วยมือหรือใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์มาช่วยก็สามารถทำเป็นเช่นกันครับผม แนวทางวาดแบบแปลน วาดเป็นมุมภาพ 2D โดยให้ระลึกถึงการมองภาพที่นำมาจากบนหลังคาบ้าน ซึ่งอาจจะต้องทำความเข้าใจกับสัญลักษณ์รากฐานกันสักนิด เช่น ประตู หน้าต่าง ส่วนห้องอื่นๆสามารถวาดเป็นสี่เหลี่ยมในแบบห้องทั่วๆไป ทั้งนี้ถ้าเกิดคนอ่านไม่เข้าใจสัญลักษณ์ ก็ไม่เป็นปัญหาใด เพียงแต่วาดรวมทั้งเขียนคำชี้แจงประกอบร่วมด้วย ให้พอสื่อสารได้ตรงกัน เพียงเท่านี้ก็สามารถนำไปคุยกับช่างรับเหมาได้แล้วนะครับ
 
ข้อควรจะทราบก่อนจะมีการก่อสร้างบ้าน
สถานที่ตั้งบ้าน ความสำคัญของสถานที่ตั้งบ้านนั้นเป็นความสำคัญขั้นตอนแรกที่พวกเราจำเป็นต้องคิดก่อนจะก่อสร้างบ้าน เหตุเพราะพวกเราจำเป็นที่จะต้องคิดถึงการเดินทางระหว่าง บ้านไปยัง ที่ทำงาน,สถานศึกษา ,ตลาด,ศุนย์การค้า,สถานีรถไฟฟ้า,ราคาที่ดิน เป็นต้น ในอดีตทำเลที่ดีคือทำเลที่ตั้งที่จำเป็นต้องอยู่กลางเมืองเนื่องมาจากระบบรถสาธารณะยังไม่ครอบคลุมราวกับอย่างปัจจุบัน ทำให้ผู้คนต่างก็ไปกระจุกกันอยู่ในเมืองเพียงอย่างเดียว ไม่ถูกกับปัจจุบันที่ทำเลที่ตั้งที่ดีคือทำเลที่อยู่ไกล้รถไฟฟ้า, ก่อนที่เราจะนึกถึงการผลิตบ้านพวกเราจะต้องมองหารอบๆที่พวกเราสามาถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะพวกนี้ได้อย่างสะดวกที่สุด รวมทั้งความปลอดภัยของบริเวณที่อยู่ที่จำเป็นต้องไม่ดูเปลี่ยวจนเกินไป ในช่วงเวลากลางคืนอีกด้วย อย่างเช่นการซื้อบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านอาจจะรู้สึกอุ่นใจกว่าการสร้างบ้านเดียวที่แต่ละหลังตั้งอยู่ห่างกันเยอะมากๆเป็นต้น แล้วก็อย่าคาดหมายกับโครงการต่างๆที่ยังไม่เคยทราบว่าจะเกิดเมื่อใดหรือกำเนิดจริงๆหรือเปล่าก็ไม่รู้เป็นต้นว่า รอบๆนั้นจะมีรถไฟฟ้าสายใหม่ๆผ่าน ทางด่วน หรือ ถนนหนทางผ่าน เพราะเราไม่อาจรับประกันได้ว่ามันจะกำเนิดเมื่อใด(นอกเหนือจากการซื้อเพื่อเก็งกำไร) ควรที่จะทำการเลือกจากสภาพปัจจุบันที่ดีที่สุด จะดีมากกว่านะครับ
จะถมดินสูงแค่ไหนดีนะ อันนี้เป็นปริศนายอดฮิตก่อนที่จะมีการก่อสร้างบ้านอย่างยิ่งจริงๆ บางบุคคลบอก 50 ซม บ้างก็ว่า 30 ซึม ก็พอแล้วบางบุคคลบอก 1 เมตรไปเลย แล้วจริงๆมันควรจะถมเยอะแค่ไหนหละ คำตอบของประเด็นนี้เป็น สุดแต่ความพอใจนะครับไม่มีการกำหนดที่แน่นอนเพียงมันจะต้องสูงกว่าระดับถนนหนทางคอนกรีตหรือถนนลาดยางหน้าบ้านพวกเรา โดยประมาณ 50 ซึม ก็เพียงพอ แต่ว่าถ้าเกิดถนนหนทางหน้าบ้านเป็นถนนดินแดงก็ให้เพิ่มความสูงของระดับดินถมเป็น 1 ม.เพื่อเป็นการรองรับความสูงของถนนที่จะเพิ่มสูงมากขึ้นจากการลาดยางหรือตัดถนนคอนกรีตในอนาคตนั้นเอง อีกปัจจัยนึงเป็นระดับน้ำท่วมสูงสุดในบริเวณนั้น หากสามารถหาข้อมูลได้เราก็ควรจะถมที่ดินให้สูงขึ้นมากยิ่งกว่าระดับดังที่กล่าวผ่านมาแล้วโดยประมาณ 50 ซม.ขึ้นไป
การกลบดินเพื่อก่อสร้างบ้านเจ้าของบ้านจะต้องเผื่อการยุบตัวของดินด้วยครับ คือเพื่มจำนวนดินกลบสูงมากขึ้นไปอีก 30 % เพื่อเผื่อให้ดินได้เซ็ตตัวหรือยุบ นั้นเอง อาทิเช่น จะถมดินสูง 50 ซม แต่ให้กลบดินไว้ที่ระดับ65 ซึมนั้นเอง แล้วก็ควรจะถมดินไว้ก่อนการสร้างบ้านขั้นต่ำ 4-6 เดือนยิ่งทิ้งไว้ผ่านหน้าฝนซักครั้งจะยิ่งทำให้ดินแน่นเยอะขึ้นเรื่อยๆทำให้ลดปัญหาดินทรุดข้างหลังก่อสร้างบ้านได้เป็นอย่างดี
แนวทางแดดลม กับ การกำหนดตำแหน่งบ้าน คนไม่ใช่น้อยบางครั้งอาจจะคิดว่าไอ้เรื่องพวกนี้ มันจะสำคัญอะไรเยอะแยะนักจะปลูกบ้านตรงไหนมันก็มีลมทั้งนั้นแหละ และก็ที่สำคัญพวกเราก็เปิดเครื่องปรับอากาศตลอดทั้งวันอยู่แล้วไม่เห็นมีอะไรน่าวิตก ใครเริ่มจะมีความคิดอย่างนี้มั้งขอรับ ถ้าเกิดมีชี้แนะว่าให้อ่านเรื่องนี้ก่อนแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยมาคิดอีกครั้งครับ
เพราะเหตุใดต้องมองแนวทางแดด-ลม ก่อนจะมีการวางตำแหน่งบ้าน เพราะว่าพวกเราคงจะไม่ได้อยากนอนในห้องนอนที่แสนจะร้อนในช่วงเวลากลางคืนหรือต้องอับอึดอัดอยู่ในบ้านที่ไม่มีลมระบายเลย เรื่องเหล่านี้ออกจะประณีตบรรจงและละเอียดลออ มีข้อสังเกตุหลายแบบสำหรับเพื่อการวางตำแหน่งบ้านเพื่อให้บ้านทั้งหลังเป็นบ้านที่อยู่อย่างสบาย เป็นสุข รวมทั้งใชัพลังงานน้อยลง
ธรรมดาแดดของบ้านเราจะวิ่งเป็นแถวตะวันออกแล้วอ้อมโค้งไปทางใต้ก่อนจะตกในทิศตะวันตก จะมีผลให้ทิศใต้ไปจนถึงทิศตะวันตกได้รับแสงสว่างเยอะที่สุดของวันคือตั้งแต่หลังเที่ยงตรงไปจนถึงห้าโมงเย็น ด้านนี้จำเป็นต้องเป็นส่วนหลังบ้านรวมทั้งส่วนชะล้างหรือกิจกรรมอื่นที่อยากได้แสงเป็นจำนวนมากๆส่วนทางทิศตะวันออกจะได้รับแสงอ่อนๆในรุ่งอรุณรวมทั้งแสงสว่างจะแรงมากเพียงช่วง 10 นาฬิกาเช้าจนถึงเที่ยงตรงซึ่งก็แค่เพียง 3 ชม ยิ่งทิศเหนือแล้วยิ่งได้รับแดดต่ำที่สุด 2 ด้านนี้จึงเหมาจะวางตำแหน่งของห้องพักผ่อนที่อยากได้แสงสว่างก่อกวนน้อย อย่างเช่น ห้องนอนรวมทั้งห้องนั่งเล่น
เรานิยมวางแนวด้านแคบของตัวบ้านหันไปทางทิศทางรับแดด เพื่อให้ผนังที่รับแดดมีน้อยที่สุด ทำให้ผนังสามาถดูดกลืนความร้อนในจำนวนน้อยและก็ทำให้ในบ้านไม่ร้อนจนถึงเหลือเกินในกลางคืน ด้วยเหตุว่าธรรมชาติของผนังปูนนั้นจะดูดความร้อนเมื่อแดดส่องและจะระบายความร้อนออกมาในค่ำคืน ฉะนั้นหากผนังบ้านถูกแดดตะวันตกน้อยก็จะก่อให้ความร้อนที่จะถ่ายออกมาเวลากลางคืนมีน้อยเช่นกัน
ส่วนลมนั้นลมประจำฤดูของบ้านพวกเราจะพัดจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งจะพัดพาลมเย็นจากจีนมาในตอนหน้าหนาว แล้วก็ จากทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่จะพัดพาความชุ่มชื้นจากสมุทรมาในฤดูร้อนและฤดูฝน บ้านที่ดีด้านยาวของบ้านจึงควรหันเข้าหาทิศทางลมเพื่อลมธรรมชาติพัดเข้าตัวบ้านเพื่อระบายความร้อนออกไปให้ได้มากที่สุดและนำมาซึ่งการทำให้อดออมค่าไฟฟ้าสำหรับเครื่องปรับอากาศด้านในภายฯลฯ
 
 
ออกแบบ เพื่อนำเสนอห้าง
โครงการ : ร้านอาหาร / เครื่องดื่ม
style : cottage style

พื้นที่ใช้สอย : 40 ตร.ม.
ค่าออกแบบ : 220 บ./ตร.ม.


รับทำออกแบบ Design & RE-NOVATE BUILD มีจำลอง3D ติดต่อ
สาขากทม. 098 292 4496 หัวหิน 094 982 2636

เครดิต : http://www.alldecorate.com/

Tags : ออกแบบเคาน์เตอร์,รับออกแบบเคาน์เตอร์,รับออกแบบร้านอาหาร

 

Sitemap 1 2 3