ผู้เขียน หัวข้อ: โรคริดสีดวงทวาร - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 252 ครั้ง)

xcepter2016

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2276
    • ดูรายละเอียด

โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids/Piles)
โรคริดสีดวงทวาร เป็นยังไง โรคริดสีดวงทวาร มาจากคำสองคำประสมกัน คือคำว่า "ริดสีดวง" + "ทวาร"   คำว่า "ริดสีดวง" จะหมายถึง สิ่งผิดปกติที่เป็นติ่ง หรือเนื้อยื่นออกมาจากร่างกาย ซึ่งนิยมใช้เรียกโรคริดสีดวง ที่เกิดขึ้นที่ทวารหนักเสียเป็นส่วนใหญ่ กระทั่งครั้งคราวจะเรียกสั้นๆว่า  ริดสีดวงž ก็เป็นที่เข้าใจว่าเป็นโรคริดสีดวงของทวารหนัก
                ในอดีตกาลมีอีกโรคหนึ่งที่ใช้คำว่าริดสีดวงเช่นกัน คือโรคริดสีดวงของจมูก ซึ่งหมายถึง เนื้องอกผิดปกติในโพรงจมูก พบได้ทั่วไปในผู้เจ็บป่วย โรคภูมิแพ้ชนิดเรื้อรัง ซึ่งปัจจุบันไม่นิยมเรียกว่าริดสีดวงจมูกแล้ว แต่จะเรียกเนื้อแตกหน่อในโพรงจมูกแทน
โรคริดสีดวงทวาร ก็คือ โรคที่เกิดขึ้นจากการอักเสบ รวมทั้งการบวมของกรุ๊ปเนื้อเยื่อเส้นโลหิต ที่อยู่ข้างในทวารหนักและก็รอบๆปากทวารหนัก โดยเยื่อกลุ่มนี้มีหน้าที่ช่วยคุ้มครองเนื้อเยื่อทวารหนักในตอนมีการถ่ายอุจจาระ แล้วก็ช่วยให้ปากทวารหนักปิดสนิทตอนไม่ปวดอุจจาระ
โดยริดสีดวงทวารจะกำเนิดความแตกต่างจากปกติขึ้นในส่วนของรูทวารหนัก ที่เรียก ว่า หมอนรอง หรือ เบาะรอง (Cushion) หมอนรองจะอยู่ลึกเข้าไป ราวๆ 3-4 เซลเซียสม. ลักษณะเป็นก้อนนูนออกมา ภายในประกอบด้วย เส้นเลือดและก็กล้าม ซึ่งจะต่อกับกล้ามหูรูดทวารหนักแล้วก็อยู่ใต้ ต่อจากเยื่อบุทวารหนัก ริดสีดวงทวารหนักกำเนิด จากการเขยื้อนลงมาของหมอนรองมีการยืดตัวของกล้ามแล้วก็การ โป่งพองของกลุ่มเส้นโลหิตและก็เนื้อเยื่อรอบๆส่วนปลายของไส้ตรง ในคนธรรมดาจะมีริดสีดวง (hemorrhoid tissue) ทุกคน โดยจะอยู่รอบๆ ส่วนล่างของทวารหนัก เนื้อเยื่อริดสีดวงจะมีอยู่ 3 กรุ๊ปใหญ่ๆเมื่อบวมหรืออักเสบจะมีพยาธิภาวะเป็น หัวริดสีดวง แล้วบางทีอาจเกิดการปริแตกของผนังหลอดเลือดในขณะเบ่งขี้ จึงทำให้มีเลือดออกเป็นบางครั้งบางคราว โดยมักจะมีลักษณะของโรคเกิดขึ้นในเวลาท้องผูกหรือกำเนิดท้องเดินบ่อยครั้ง ธรรมดาแล้วจะไม่ค่อยมีลักษณะรุนแรงหรืออันตราย โดยบางทีก็อาจจะเป็นๆหายๆเรื้อรัง ทำให้น่ารำคาญ หรือทำให้กังวลได้
โรคริดสีดวงทวาร แบ่งได้เป็น 2 จำพวกเป็น

  • ริดสีดวงภายใน (Internal Hemorrhoids) คือ ริดสีดวงที่อยู่เหนือเส้นสมมุติที่เรียกว่า dentate line (บริเวณ แถบรอยที่หยักๆ) เป็นกรุ๊ปเส้นเลือดดำที่อยู่ใต้ชั้นเยื่อบุลำไส้ภายในรูทวารหนักปูดพอง (ขอด) ซึ่งจะตรวจพบได้เมื่อใช้กล้องถ่ายภาพส่องตรวจ
  • ริดสีดวงทวารนอก (External Hemorrhoids)เป็นริดสีดวงที่อยู่ใต้เส้น Dentate line เป็นกลุ่มเส้นเลือดดำที่ อยู่ใต้ไม่ถูกหนังบริเวณปากทวารหนักปูดพอง (ขอด) ซึ่งสามารถแลเห็นและคลำได้ไพเราะผิวหนังรอบๆทวารจะถูกดันจนถึงโป่งออกมาผู้เจ็บป่วยก็เลยรู้สึกปวด


โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคพบได้มาก ในสหรัฐฯเจอผู้ป่วยมีลักษณะอาการจากโรคนี้ได้ราวๆ 5% ของราษฎรผู้ใหญ่ทั้งสิ้น โดยพบได้สูงในช่วงอายุ 45-65 ปี โดยผู้หญิงและก็เพศชายมีโอกาสกำเนิดโรคได้ใกล้เคียงกันสิ่งที่ทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวาร  เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากกรุ๊ปเนื้อเยื่อเส้นเลือดดังที่กล่าวมาข้างต้นได้รับบาดเจ็บ หรือมีการเวียนโลหิต ไม่ดีจากปัจจัยต่างๆจนถึงนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการโป่งพอง บวม อักเสบ หรือกำเนิดมีลิ่มเลือดในกลุ่มเยื่อดังที่กล่าวถึงแล้ว ซึ่งต้นเหตุ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการเบ่งอึบ่อยๆนานๆซึ่งเป็นผลของท้องผูก การตั้งท้อง ความประพฤติการดำรงอยู่ และก็ลักษณะของการอุจจาระ ซึ่งการเบ่งอุจจาระเสมอๆนานๆจะมีผลเพิ่มระดับแรงดันในท้อง ทำให้การไหลเวียนของโลหิตในเส้นเลือดดำรอบๆทวารหนักไม่สะดวก มีการยืด ย่น คด งอ พอง แล้วก็โตขึ้นเป็นติ่งเนื้อ เหมือนกับการเป่าเติมลมเข้าไปในลูกโป่ง เมื่อลูกโป่งโตขึ้น ก็จะมีความครึ้มของผนังลดน้อยลง เมื่อใดก็ตามที่มีของแข็งๆมาเสียดสี ดังเช่น อุจจาระแข็งๆหรือเพิ่มระดับแรงกดดันขึ้นอีก ก็จะมีผลให้เกิดการปริแตกหรือฉีกจนขาดของเส้นเลือดดำ ก่อให้เกิดเลือดออกมาเป็นเลือดสดๆได้
    นอกจากการเบ่งอึนานๆซึ่งเป็นสาเหตุ หลักแล้ว ยังพบว่าระดับความดันเลือดในตับที่สูง (ซึ่งเกิดได้จากความอ้วน หรือโรคตับ) อายุที่มากขึ้น อาการท้องเสียเรื้อรังยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งของโรคริดสีดวงทวารได้อีกด้วย
ลักษณะของโรคริดสีดวงทวารข้างในหมายถึงคนป่วยส่วนมากชอบมีลักษณะอาการเลือดออกทางทวารหนัก โดยไม่รู้สึกเจ็บอะไร ซึ่งจะเกิดขึ้นในระหว่างหรือหลังจากถ่ายอุจจาระเสร็จ เลือดที่ออกมานั้นจะมีลักษณะเป็นเลือดสีแดงสด ออกผสมมาพร้อมกับอุจจาระ หรือมีเลือดไหลหยดลงในโถส้วม รวมทั้งบางทีอาจสังเกตว่ามีเลือดเลอะเทอะบนกระดาษชำระ เลือดจะออกมาในลักษณะอาบก้อนอุจจาระ ไม่มีมูกผสม และเลือดมักจะหยุดไหลได้เอง ซึ่งอาการกลุ่มนี้จะมีลักษณะเป็นๆหายๆถ้ามีเลือดออกมากหรือเป็นเรื้อรัง อาจส่งผลให้เกิดอาการซีดเผือดตามมาได้ ในรายที่เป็นมาก เส้นเลือดจะบวมมาก ทำให้หัวริดสีดวงโผล่ออกมานอกปากทวารหนัก หรือเห็นเป็นก้อนเนื้อนิ่มๆปลิ้นโผล่ออกมา ซึ่งในภาวะเช่นนี้จะมีผลให้กำเนิดลักษณะของการปวดหรือเจ็บที่ทวารหนักได้ ในบางรายอาจส่งผลให้เกิดอาการคันแล้วก็อาการกลั้นอุจจาระไม่อยู่ได้ด้วยเหมือนกัน
ดังนี้ โดยทั่วไปแบ่งความร้ายแรงของโรคริดสีดวงข้างใน เป็น 4 ระดับตามความรุนแรง ได้แก่

  • ระดับ 1 เส้นเลือดที่โป่งพอง ยังเกิดอยู่ภายในทวารหนักรวมทั้งลำไส้ตรง
  • ระดับ 2 เส้นโลหิต พร้อมเนื้อเยื่อรอบๆเส้นเลือดปลิ้นโผล่ออกมาที่ปากทวารหนักในขณะอุจจาระ แต่ว่าก้อนเนื้อนี้สามารถกลับเข้าไปด้านในทวารหนักได้เองข้างหลังจบอุจจาระ
  • ระดับ 3 ก้อนเนื้อไม่กลับเข้าด้านในทวารหนัก หลังสุดอุจจาระแล้ว แต่ว่าสามารถใช้นิ้วดันกลับเข้าไปได้
  • ระดับ 4 ก้อนเนื้อกลับเข้าไปด้านในทวารหนักมิได้ ค้างอยู่หน้าปากทวารหนัก ถึงแม้ว่าจะใช้นิ้วช่วยดันและก็ตาม ซึ่งตอนนี้คนเจ็บจะเจ็บมาก ที่มา : Wikipedia


แล้วก็จำเป็นที่จะต้องรีบเจอแพทย์เป็นการฉุกเฉิน ก่อนที่ก้อนเนื้อจะเน่าตายจากการขาดเลือด
อาการโรคริดสีดวงภายนอกหมายถึงมีติ่งเนื้อสีชมพูคล้ำออกมาจากปากทวารหนักเมื่อมีลักษณะท้องผูกหรือท้องเดิน ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวด บวม เจ็บ และก็ระคาย และก็ถ้ามีลิ่มเลือดเกิดขึ้นในหลอดเลือดที่โป่งพองจะก่อให้กำเนิดอาการปวด บวม เจ็บมากเพิ่มขึ้น แต่ว่าชอบไม่ค่อยพบว่ามีเลือดออกจากติ่งเนื้อนี้ ซึ่งปกติแล้วมักจะหายเจ็บได้ข้างใน 2-3 วัน อย่างไรก็ตาม กว่าจะหายบวมบางทีอาจต้องใช้เวลาขั้นต่ำ 2-3 สัปดาห์ เมื่อหายก็ดีบางครั้งอาจจะยังมีผิวหนังเป็นติ่งคงเหลืออยู่ แล้วก็หากหัวริดสีดวงมีขนาดใหญ่ก็อาจทำให้มีการเคืองหรือคันบริเวณรอบปากทวารหนักได้ด้วย
ขั้นตอนการรักษาโรคริดสีดวงทวาร หมอจะวินิจฉัยโรคริดสีดวงทวารได้จาก เรื่องราวอาการ การตรวจร่างกาย การตรวจก้อนเนื้อบริเวณทวารหนัก และการส่องกล้องตรวจทวารหนักรวมทั้งไส้ตรง ในบางครั้งอาจมีการตัดชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา เมื่อจำต้องแยกจากโรคมะเร็ง โดยแพทย์จะวิเคราะห์ในอาการสำคัญๆพวกนี้เป็นพิเศษ อย่างเช่น

  • มีเลือดแดงสดหยดออกมา หรือพุ่งออกมาขณะเบ่งถ่าย หรือหลังถ่ายอุจจาระ จำนวนแต่ละครั้งไม่มากมายหนัก ไม่มีอาการปวดหรือแสบของทวาร
  • มีก้อนเนื้อปลิ้นจากด้านในขณะเบ่งอุจจาระ และยุบกลับเข้าเมื่อหยุดเบ่ง เมื่อเป็นมากจะต้องดันจึงจะกลับเข้าไป แล้วก็ขั้นตอนสุดท้ายบางทีอาจย้อนอยู่ภายนอกตลอดระยะเวลา
  • มีก้อนรวมทั้งปวดที่ขอบทวารเกิดขึ้นเร็วใน 1 วัน รวมทั้งเจ็บมากมายในช่วงเวลา 5-7 วันแรก


กระบวนการรักษาโรคริดสีดวงทวาร ได้แก่ ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคริดสีดวงทวาร แล้วก็การใช้ยาต่างๆตัวอย่างเช่น ยาใช้ภายนอกลดอาการคัน ยาเหน็บทวารลดอาการบวม ปวด และก็ยาแก้ปวด ฯลฯ แต่ว่าเมื่อการดูแลรักษาในลักษณะเกื้อหนุนไม่ได้ผล การดูแลและรักษาขั้นต่อไปหมายถึงการรักษาทางศัลยกรรม ที่มีหลายแบบอย่าง ยกตัวอย่างเช่น การจี้ด้วยกระแสไฟฟ้า หรือ เลเซอร์ การฉีดยาเข้าหลอดเลือด เพื่อหลอดเลือดยุบยุบ การมัดหลอดเลือด หรือการผ่าตัดหลอดเลือด ดังนี้ สังกัดความรุน แรงของโรค ข้อชี้ชัด รวมทั้งดุลพินิจของแพทย์ซึ่งมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

  • การดูแลรักษาแบบช่วยเหลืออาการ ดังเช่นว่า การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเพิ่มความดันในกลุ่มเยื่อหลอดเลือดที่เป็นสาเหตุของโรคริดสีดวงทวาร รวมทั้งการใช้ยาต่างๆซึ่งมักใช้ในกรณีที่เป็นริดสีดวงทวาร โดยไม่มีต้นเหตุที่รุนแรง อาทิเช่น
  • กระทำตามข้อเสนอของหมอ ได้แก่ การใส่ยาทาบริเวณศีรษะริดสีดวง การเหน็บยา หรือการกินยาต่างๆดังที่หมอสั่ง
  • ระวังไม่ให้ท้องผูกหรือท้องเสียเป็นประจำผู้ป่วยควรจะทานผักและก็ทานผลไม้ที่มีกากใยสูงๆให้มากๆรวมทั้งกินน้ำให้มากๆอย่างต่ำวันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยทำให้อุจจาระอ่อนนุ่มและขับถ่ายออกได้ง่าย
  • ฝึกขับถ่ายอุจจาระให้ตรงเวลา ไม่กลั้น และไม่เบ่งอุจจาระมากเกินไป
  • หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสจัด
  • การดูแลรักษาทางศัลยกรรม (ถ้าหากใช้แนวทางการรักษาแบบเกื้อหนุนมาสุดแต่ไม่ได้เรื่อง) ทั้งนี้ ขึ้นกับความรุนแรงของโรค ข้อบ่งชี้ แล้วก็ดุลยพินิจของหมอ ดังเช่นว่า
  • การฉีดยาเข้าที่เข้าทางหัวริดสีดวงทวาร ตัวยาจะทำให้หลอดโลหิตดำฝ่อแล้วก็หัวริดสีดวงยุบไป มักใช้กับโรคริดสีดวงในระยะที่ 2 วิธีการแบบนี้เป็นแนวทางที่สะดวก ปลอดภัย ไม่มีความเจ็บปวด แพทย์ชอบนัดมาฉีดอาทิตย์ละครั้งโดยประมาณ 3-5 ครั้ง สามารถช่วยให้หายสนิทได้โดยประมาณ 60-70%
  • การดูแลและรักษาโดยวิธีการใช้ยางรัด (Rubber band ligation) หรือยิงยางรัดโคนหรือหัวของริดสีดวงที่โผล่ออกมา ซึ่งจะทำให้หัวของริดสีดวงนั้นฝ่อและหลุดออกไปเองข้างใน 5-7 วัน แนวทางจะใช้ได้ในระยะ 2 โดยยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหัวริดสีดวงมีขนาดใหญ่ คนเจ็บมักไม่มีลักษณะการเจ็บปวด แต่ว่าถ้าหากรัดยางใกล้กับแนวเส้นประสาทมากจนเกินไป จะทำให้เกิดความรู้สึกปวดอย่างรุนแรงในทันที
  • การทำลายเยื่อด้วยการเผา เป็นแนวทางการรักษาที่ใช้กับโรคริดสีดวงระยะที่ 2 แม้กระนั้นยังไม่เป็นที่นิยมอย่างล้นหลาม โดยธรรมดาแล้วแพทย์จะใช้เฉพาะเมื่อแนวทางอื่นไม่ได้เรื่อง ซึ่งก็มีอยู่ด้วยกันหลายวิธี ได้แก่ การเผาเยื่อด้วยการใช้ไฟฟ้าจี้, การฉายรังสีอินฟราเรด, การใช้แสงเลเซอร์ผ่าตัด, การผ่าตัดด้วยการใช้ความเย็น ฯลฯ (การทำลายเยื่อด้วยรังสีอินฟาเรดบางทีอาจเป็นโอกาสหนึ่งสำหรับในกรณีที่เป็นโรคในระยะที่ 1-2 ส่วนระยะที่ 3-4 การกลับมาเป็นซ้ำจะมีอัตราที่สูง)
  • การผ่าตัดริดสีดวงทวาร มักทำให้ในกรณีที่เป็นมากแล้วในระยะที่ 3-4 หรือเมื่อมีลิ่มเลือด หรือมีการขาดเลือดของริดสีดวงทวาร ความเป็นจริงแล้วการผ่าตัดริดสีดวงไม่ใช่เรื่องน่าสยอง และไม่เจ็บในขณะผ่าตัด เนื่องจากว่าหมอจะให้ยาสลบหรือฉีดยาชาเข้าไขสันหลังก่อนเสมอ ข้างหลังการผ่าตัดคนป่วยอาจมีอาการเจ็บปวดบ้าง แต่ว่าก็ไม่มากไม่น้อยเลยทีเดียวแต่อย่างใด และก็สามารถหยุดได้ด้วยการกินยาแก้ปวด นอนพักฟื้นในโรงพยาบาลราวๆ 3-4 วันก็กลับไปอยู่บ้านได้


ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวาร ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดโรคริดสีดวง

  • กรรมพันธุ์
  • อาชีพ ดังเช่นว่า ผู้ที่จำเป็นต้องยืนนานๆ
  • มีสาเหตุมาจากโรคแทรกของโรค ตัวอย่างเช่น โรคตับแข็ง ซึ่งจะมีอาการท้องมานในระยะท้ายที่สุด และเมื่อมีน้ำในช่องท้องมากมายๆจะส่งผลไปกดการไหลเวียนเลือดในท้อง เป็นสาเหตุทำให้หลอดโลหิตดำไหลกลับเข้าท้องได้ไม่ดีนัก
  • ท้องผูก ต้องเบ่งอึเสมอๆ
  • หญิงท้อง เพราะเหตุว่ามีการเพิ่มระดับความดันในช่องท้อง การขยายตัวของเส้นเลือดที่ปากทวารหนักร่วมกับท้องผูก
  • โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน นำมาซึ่งการทำให้เพิ่มแรงดันในท้องแล้วก็ในอุ้งเชิงกรานสูงมากขึ้น เลือดก็เลยคั่งในกลุ่มเนื้อเยื่อเส้นเลือดเหมือนกันกับในหญิงท้อง
  • ท้องร่วงเรื้อรัง การอุจจาระบ่อยๆจะเพิ่มระดับความดัน และก็/หรือการเจ็บต่อกรุ๊ปเยื่อเส้นโลหิต เช่นเดียวกัน
  • โรคโดยกำเนิดที่ไม่มีลิ้นปิดเปิด (Valve) ในหลอดโลหิตดำในเยื่อเส้นเลือดซึ่งช่วยสำหรับการไหลเวียนของโลหิต จึงเกิดภาวะเลือดคั่งในเส้นเลือด ก็เลยกำเนิดเส้นเลือดโป่งพองง่าย
  • การนั่งแช่นานๆแล้วก็นั่งถ่ายอุจจาระนานๆจะกดทับกลุ่มเยื่อหลอดเลือด จึงเพิ่มความดัน/การเจ็บต่อกรุ๊ปเยื่อเส้นเลือด
  • การร่วมเพศทางทวารหนัก จึงเกิดการกดแทรกทับ/บาดเจ็บต่อกรุ๊ปเยื่อหลอดเลือดส่วนนี้เรื้อรัง จึงมีเลือดคั่งในเส้นโลหิต กำเนิดโป่งพองได้ง่าย


การติดต่อของโรคริดสีดวงทวาร โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการอักเสบ รวมทั้งการบวมของเนื้อเยื่อเส้นเลือดของทวารหนัก และเมื่อมีของแข็งๆมาเสียดสี หรือมีการเพิ่มระดับแรงกดดันในช่องท้องขึ้น ก็เลยกระตุ้นให้เกิดอาการต่างๆของโรคริดสีดวงทวารขึ้น ซึ่งโรคริดสีดวงทวารนี้ไม่ได้เป็นโรคติดต่อแต่ว่าอย่างได
การปฏิบัติตนเมื่อป่วยด้วยโรคริดสีดวงทวาร

  • ใส่ยาทาบริเวณก้น/รอบๆริดสีดวง หรือ เหน็บยาตามหมอเสนอแนะ
  • รับประทานยาต่างๆรวมถึงยาแก้ปวดตามแพทย์แนะนำ
  • เมื่อมีก้อนเนื้อบวมออกมาบริเวณตูด อาจประคบด้วยน้ำเย็น ซึ่งอาจช่วยลดบวมได้
  • เมื่ออุจจาระ/เยี่ยว ไม่ควรทำความสะอาดด้วยกระดาษชำระที่แข็ง ควรชุบน้ำ หรือ ใช้กระดาษชำระประเภทเปียก (มีขายในท้องตลาดแล้ว)
  • เมื่อเลือดออกมาก ใช้ผ้าขนหนูสะอาดกดบริเวณก้นไว้ให้แน่น ถ้าเกิดเลือดไม่หยุด ควรพบแพทย์เป็นการเร่งด่วน
  • ดื่มน้ำสะอาดมากมายๆอย่างต่ำวันละ 8-10 แก้ว เมื่อไม่มีโรคจำเป็นต้องจำกัดน้ำดื่ม
  • กินผัก ผลไม้จำพวกมีกากใยสูงมากมายๆเป็นต้นว่า ฝรั่ง แอบเปิ้ล มะละกอสุก เพื่อคุ้มครองปกป้องท้องผูก
  • ฝึกหัดอุจจาระให้ตรงเวลา ไม่กลั้น และไม่เบ่งอุจจาระ
  • ไม่สมควรนั่ง หรือ ยืนนานๆและก็นั่งส้วมนานๆไม่นั่งอ่านหนังสือนานๆขณะอุจจาระ
  • เจอแพทย์ตามนัดหมายเสมอ และรีบเจอก่อนนัดหมายเมื่อมีลักษณะเปลี่ยนไปจากปกติไปจากเดิม หรือ เมื่ออาการต่างๆชั่วลง หรือเมื่อกังวลใจในอาการ

การป้องกันตนเองจากโรคริดสีดวงทวาร

  • หลีกเลี่ยงท้องผูก ด้วยเหตุว่าท้องผูกเป็นต้นเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่งของริดสีดวงทวารหนัก ทั้งเป็นที่มาของการเบ่ง แล้วก็ทำให้อุจจาระแข็ง ซึ่งมีแนวทางแก้ไขท้องผูกด้วยการปรับพฤติกรรมของตนเอง ดังนี้
  • กินอาหารที่มีเส้นใยสูง ได้แก่ ผัก ผลไม้ รวมทั้งเมล็ดธัญพืช เพื่อช่วยให้อุจจาระนุ่มขึ้น
  • ควรจะดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือ 2 ลิตร อย่างสม่ำเสมอ
  • ควรจะหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ แล้วก็คาเฟอีน ดังเช่นว่า สุรา เบียร์ ไวน์ กาแฟ ชา น้ำโคล่า เพราะจะมีผลให้ร่างกายขาดน้ำ อุจจาระแข็ง และถ่ายลำบากขึ้น
  • ควรเลี่ยงกลั้นอุจจาระ
  • ไม่ควรนั่งหรือเบ่งอุจจาระโดยไม่เคยทราบสึกปวดจะถ่าย
  • ควรจะเลี่ยงการขัดเช็ดบริเวณทวารหนักอย่างหนัก ด้วยเหตุว่าจะยิ่งระคายริดสีดวงทวารหนัก
  • ควรบริหารร่างกายเป็นประจำ เพราะเหตุว่าจะช่วยเพิ่ม กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ทำให้ขี้ได้ง่าย
  • เลี่ยงการใช้ยาระบายอย่างรุนแรง หรือการสวนทวาร
  • พักนอนให้พอเพียง
  • หลบหลีกความเครียด ทำจิตใจให้สบายอยู่เสมอ
  • เมื่อมีสภาวะน้ำหนักตัวเกิน หรือ มีภาวะอ้วนควรลดน้ำหนักเพื่อลดระดับความดันในท้องแล้วก็อุ้งเชิงกราน
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครอง/รักษาโรคริดสีดวงทวาร
เพชรสังฆาต
ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Cissus quadrangularis  L.
วงศ์ :   Vitaceae
สารเคมี :  เถา มีผลึก calcium oxalate รูปเข็มเยอะมากๆต้นสด 100 กรัม มี carotene 267 มก., ascorbic acid (Vitamin C.) 398 มิลลิกรัม
สรรพคุณ :  เถา – ใช้เป็นยาแก้ริดสีดวงทวารหนัก
แก้ริดสีดวงทวาร  ใช้เถาสด 2-3 องคุลีต่อหนึ่งมื้อ รับประทานใหม่ๆถ้าเคี้ยวจะคันปากคันคอ ด้วยเหตุว่าในสมุนไพรนี้จะมีสารเป็นผลึกรูปเข็มอยู่มากมาย เป็นสารแบบเดียวกับที่พบในต้นบอน ต้นเผือก การรับประทานจึงใช้สอดไส้ในกล้วยสุก หรือมะขาม แล้วกลืนลงไป รับประทาน 10-15 วัน จะได้ผล
ครอบฟันสี
ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Abutilon indicum (L.) Sweet
ชื่อสามัญ :   Country mallow, Indian mallow
ตระกูล :   Malvaceae
ราก มี Asparagin
คุณประโยชน์ : ราก - เจ็บท้อง ท้องร่วง ริดสีดวงทวาร ขับฉี่
แก้ริดสีดวงทวาร  ใช้ราก 150 กรัม ต้มเอาน้ำข้นๆดื่มราว 1 ถ้วยชา ที่เหลืออุ่นเอาไอรมที่ตูดพออุ่นๆทนได้ ใช้รมวันละ 5-6 ครั้ง เอาน้ำอุ่นๆชำระล้างแผลริดสีดวงทวาร
ขลู่
ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Pluchea indica  (L.) Less.
ชื่อสามัญ :  Indian Marsh Fleabane
วงศ์ :   Asteraceae (Compositae)
คุณประโยชน์ :
ทั้งยังต้นสด หรือแห้ง - ปรุงเป็นยาต้มรับประทานขับปัสสาวะ แก้โรคนิ่วในไต แก้ฉี่ทุพพลภาพ แก้ริดสีดวงทวารหนัก ริดสีดวงจมูก
เปลือก ใบ เม็ด  - แก้ริดสีดวงทวาร ริดสีดวงจมูก
ใบ - มีกลิ่นหอม แก้ริดสีดวงทวาร
ยาริดสีดวงทวาร ใช้เปลือกต้น ต้มน้ำ เอาไอรมทวารหนัก แล้วก็กิน แก้โรคริดสีดวงทวาร หรือใช้เปลือกต้น (ขูดเอาขนออก) แบ่งเป็น 3 ส่วน
ส่วนที่ 1 นำมาตากแห้ง ทำเป็นยาสูบ
ส่วนที่ 2 นำมาต้มน้ำรับประทาน
ส่วนที่ 3 ต้มน้ำเอาไปรมทวารหนัก
ว่านหางจระเข้
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aloe vera  (L.)  Burm.f.
ชื่อพ้อง : Aloe barbadensis  Mill
ชื่อสามัญ :  Star cactus, Aloe, Aloin, Jafferabad, Barbados
วงศ์ :  Asphodelaceae
สารเคมี:   ใบมี Aloe-emodin, Alolin, Chrysophanic acid Barbaboin, AloctinA, Aloctin B, Brady Kininase Alosin, Anthramol Histidine, Amino acid , Alanine Glutamic acid Cystine, Glutamine, Glycine.
คุณประโยชน์ :
ยางในใบ - เป็นยาระบาย
เนื้อวุ้น - เหน็บทวาร รักษาริดสีดวงทวาร
เป็นยาถ่าย/ยาระบาย ใช้น้ำยางสีเหลืองที่มีรสขม อาเจียน คลื่นไส้ น้ำยางสีเหลืองที่ไหลออกมาระหว่างผิวนอกของใบกับตัววุ้น จะให้ยาที่เรียกว่า ยาดำ
สารเคมี - สารสำคัญในยาดำเป็น G-glycoside ที่มีชื่อว่า barbaloin (Aloe-emodin anthrone C-10 glycoside)
รักษาริดสีดวงทวาร นอกจากจะช่วยรักษาแล้ว ยังช่วยบรรเทาอาการปวด อาการคันได้ด้วย โดยทำความสะอาดทวารหนักให้สะอาดและก็แห้ง ควรปฏิบัติหลังจากการอุจจาระ หรือข้างหลังอาบน้ำ หรือก่อนนอน เอาว่านหางจระเข้ปอกส่วนนอกของใบ แล้วเหลาให้ปลายแหลมเล็กน้อย เพื่อใช้เหน็บในช่องทวารหนัก ถ้าจะให้เหน็บง่าน นำไปแช่ตู้เย็น หรือน้ำแข็งให้แข็ง จะทำให้สอดได้ง่าย จำต้องหมั่นเหน็บวันละ 1-2 ครั้ง จนกระทั่งจะหาย
ไฟทวาร
ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Clerodendrum serratum  (L.) Moon. var.wallichii  C.B.Clarke
สกุล :   Limiaceae (Labiatae)
สรรพคุณ : ใบ, ราก, ต้น – ใช้เป็นยารักษาริดสีดวงทวาร
ใช้เป็นยารักษาริดสีดวงทวาร

  • นำรากหรือต้นยาว 1-2 องคุลี ฝนกับน้ำปูนใสให้ข้นๆทาที่ริดสีดวงทวาร เป็นยาเกลื่อนกลาดหัวริดสีดวง
  • นำใบ 10-20 ใบ มาตากแห้ง บดให้เป็นผุยผง แล้วคลุกกับน้ำผึ้งรวง ปั้นเป็นเม็ดขนาดเม็ดพุทรา กินทีละ 2-4 เม็ด ทุกๆวันติดต่อกัน 7-10 วัน
  • ใช้ใบแห้งป่นเป็นผง โรยในถ่านไฟ เผาเอาควันรมหัวริดสีดวงงอกทวารหนัก ให้ยุบฝ่อ
เอกสารอ้างอิง

  • ภก.ดร.วิรัตน์ ทองรอด.ยารักษาโรคริดสีดวง.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่337.คอลัมน์การใช้ยาพอเพียง.พฤษภาคม.2550
  • ขลู่.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • แนะนำการปฏิบัติตัวโรคริดสีดวงทวาร.เอกสารเผยแพร่.ห้องตรวจศัลยกรรม.งานพยาบาลผู้ป่วยนอก กลุ่มภารกิจบริการวิชาการโรงพยาบาลราชวิถี.
  • Mounsey, A., Halladay, J., and Sadiq, T. (2011). Am Fam Physician. 84, 204-210. http://www.disthai.com/
  • เพชรสังฆาต.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • Chen, Herbert (2010). Illustrative Handbook of General Surgery. Berlin: Springer. p. 217. ISBN 1-84882-088-7.
  • ครอบฟันสี.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป “ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 551-553.
  • ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล. “ผ่าตัดริดสีดวงทวารอย่างไรไม่ให้เจ็บ (หรือเจ็บน้อย)”.  (ผศ.ดร.นพ.วรุตม์ โล่ห์สิริวัฒน์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : si.mahidol.ac.th.  [05 มี.ค. 2016].
  • อัคคีทวาร.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก
  • ธีรพล อังกูรภักดีกุล.(2546).ริดสีดวงทวาร.Healthtoday,ปีที่3(ฉบับที่25),หน้า68-73.
  • สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.ท้องผูกและริดสีดวงทวาร.(พิมพ์ครั้งที่1).กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน(2546).
  • ว่านหางจระเข้.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • รศ.นพ.วิรุณ บุญชู.ริดสีดวงทวาร.ภาควิชาศัลยศาสตร์.คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล.มหาวิทยาลัยมหิดล.


 

Sitemap 1 2 3