ผู้เขียน หัวข้อ: โรคนิ่วในไต - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 236 ครั้ง)

Saichonka

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2140
    • ดูรายละเอียด

นิ่วในไต (Kidney Stone)
นิ่วในไตคืออะไร ก่อนที่พวกเราจะมาทำความรู้จักนิ่วในไตนั้น ข้อแรกจำเป็นต้องรู้จักโรคนิ่วกันก่อน โรคนิ่วเป็นขี้ตะกอนจากธาตุต่างๆที่รวมตัวกันเป็นก้อนแข็งๆที่เกิดจากมูลเหตุต่างๆเช่น ขาดสารอาหารต่างๆหลายแบบ โดยเฉพาะ สิเทรต โพแทสเซียม แมกนีเซียม รวมทั้งโปรตีนซึ่งได้มาจากเนื้อสัตว์ หรืออาจเป็นเพราะเนื่องจากการอักเสบ จากโรคบางประเภท ตัวอย่างเช่น โรคเก๊าท์เป็นต้น รวมทั้งโรคนิ่วนั้นยังสามารถแบ่งได้ของประเภท คือนิ่วในถุงน้ำดี และก็นิ่วในระบบทางเท้าปัสสาวะ รวมทั้งยังสามารถจัดหมวดหมู่นิ่วในทางเดินปัสสาวะได้อีกตามตำแหน่งที่เกิดนิ่ว ดังเช่น นิ่วในไต นิ่วในทอไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ รวมทั้งนิ่วในทอเยี่ยว ซึ่งนิ่วทั้งสองชนิดนี้ มีความแตกต่างกันในส่วนประกอบ ต้นสายปลายเหตุ รวมถึงการรักษา แต่ว่าในเนื้อหานี้คนเขียนจะขอกล่าวถึงเฉพาะนิ่วในไตแค่นั้น
นิ่วในไต เป็นก้อนผลึกขนาดเล็ก ประกอบด้วยหินปูน (แคลเซียม) กับสารเคมีรวมทั้งแร่ นๆดังเช่นว่า ออกซาเลต ยูริก โปรตีน ฯลฯ หรือบางรายอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นมาจากสารตกค้างต่างๆจากสารอาหารที่พวกเรารับประทานเข้าไป หรือกรดบางชนิดที่ร่างกายขับออกไม่หมด ซึ่งก้อนนิ่วในไตนี้ ยังไปเพิ่มอัตราเสี่ยงสำหรับในการเป็นโรคไตอีก
จำพวกของนิ่วในไต ก้อนนิ่วมีองค์ประกอบ 2 ส่วนเป็นส่วนที่เป็น แร่ (mineral composition) รวมทั้งส่วนที่เป็นสาร อินทรีย์(organic matrix) ซึ่งมีประมาณปริมาณร้อยละ 5-10 เป็นสารโมเลกุลใหญ่ที่เจอในปัสสาวะ อาทิเช่น โปรตีน ไขมัน และก็คาร์โบไฮเดรต ฯลฯ ส่วนที่เป็นแร่ธาตุเกิดขึ้นได้เนื่องมาจาก การตกผลึกของสารก่อนิ่วในปัสสาวะ ตัวอย่างเช่น แคลเซียม ออกซาเลต ฟอสเฟต รวมทั้งกรดยูริค สามารถจำแนกแยกแยะของนิ่วในไตได้ดังต่อไปนี้ นิ่วสงามไวท์(struvite stones) เจอ ร้อยละ 15 กำเนิดในผู้เจ็บป่วยที่มีทางเดินปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง นิ่วกรดยูริค (uric acid stones) เจอประมาณร้อยละ 6 มีต้นเหตุที่เกิดจากทานอาหารที่มีพิวรีน (purine) สูง อาทิเช่น เครื่องใน สัตว์ปีก ฯลฯ นิ่วซีสตี (cystine stones) พบราวจำนวนร้อยละ 2 เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากความไม่ปกติของร่างกาย สำหรับการซึมซับสารซีสตีน นิ่วแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate stones) เป็นจำพวกที่พบได้บ่อยที่สุด ในประเทศไทย โดยพบจำนวนร้อยละ 75-80 ซึ่งจากรายงาน การศึกษาวิจัยที่จังหวัดขอนแก่นพบนิ่วประเภทนี้ร้อยละ 88 แล้วก็ที่ประเทศอเมริกาพบอุบัติการณ์จำนวนร้อยละ 90 นิ่วแคลเซียมออกซาเลตมีต้นเหตุจากแคลเซียมรวมกับกรด ออกซาลิก (oxalic acid) เมื่อไปรวมกับธาตุตัวอื่น อย่างเช่น โซเดียม แมกนีเซียม แคลเซียม หรือโปแตสเซียม จะกลายเป็นผลึกออกซาเลต และกลายเป็นก้อนนิ่วในเวลาถัดมา
นิ่วในไตสามารถพบได้ทุกช่วงอายุตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงวัย แต่ว่าพบได้สูงขึ้นมากยิ่งกว่าในช่วงอายุ 40 - 50 ปี โดยเจอในผู้ชายสูงกว่าสตรีโดยประมาณ 2 - 3 เท่า
นิ่วในไตบางทีอาจกำเนิดกับไตเพียงแค่ด้านเดียว โดยจังหวะกำเนิดใกล้เคียงกันข้างซ้ายรวมทั้งขวาหรือกำเนิดนิ่วพร้อมกันทั้งสองข้าง แต่ว่าความรุนแรงของนิ่วในทั้งคู่ไตมักไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับขนาดแล้วก็ตำแหน่งของนิ่ว ในประเทศที่รุ่งเรืองแล้ว จะพบโรคนี้ได้ราวๆ 0.2% ของประชาชน ส่วนในทวีปเอเชียเจอได้ประมาณ 2-5%
สำหรับในประเทศไทย พบอัตรา การเกิดโรคนิ่วในไตรวมทั้งในระบบฟุตบาทเยี่ยวของผู้ป่วยใน จากสถิติกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มขึ้นจาก 99.25 ต่อ 100,000 ของประชาชน ในปีพุทธศักราช 2550 เป็น 122.46 ในปี พุทธศักราช 2553 มักพบที่สุดในมวลชน ภาคเหนือรวมทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในอัตรา 188.55 และ 174.67 เป็นลำดับ จากการศึกษา นิ่วในระบบฟุตบาทเยี่ยว ในปีพุทธศักราช 2552 จำแนกประเภทตามครอบครัว และ หมู่บ้าน ในประชากรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จังหวัด ขอนแก่น ปริมาณ 1,034 ราย (โดยรวมคนที่เป็นนิ่ว อยู่แล้ว 135 ราย) จาก 551 ครอบครัว และก็ 348 หมู่บ้าน เรียนด้วยแนวทางถ่ายภาพรังสี Kidney-Ureter Bladder (KUB) พบว่า สมาชิกในครอบครัวจำนวน 116 ครอบครัว (ร้อยละ 21.05) และก็ใน 23 หมู่บ้าน (ปริมาณร้อยละ 6.61) เป็นนิ่วในไต ตำแหน่งที่พบนิ่วมากที่สุด คือ ในไต ประมาณปริมาณร้อยละ 80 สำหรับในภูมิภาคอื่นๆมีการเรียนไม่มากสักเท่าไรนัก แต่ว่ามีรายงานการเรียนรู้พบว่า พบนิ่วมากที่สุดในช่วงอายุ 40-50 ปีแล้วก็ เจอในผู้ชายมากกว่าเพศหญิง 3 เท่า รวมทั้งพบ การเกิดซ้ำ ด้านใน 2 ปี หลังผ่าตัดหรือสลายนิ่วสูงถึง ปริมาณร้อยละ 39
ในปัจจุบันโรคนิ่วในไตมีลักษณะท่าทางที่สูงขึ้น ทั้งยังในประเทศไทยและทุกภูมิภาคทั้งโลก การมีนิ่วในไต ทำ ให้การทำ งานของไตเสื่อมลง และอาจรุนแรงจนกระทั่ง เกิดภาวะไตวายเรื้อรังและก็โรคไตระยะในที่สุด ซึ่งทำ ให้ เสียชีวิตได้ นอกจากนี้โรคนิ่วในไตมีอุบัติการณ์เกิดนิ่วซ้ำ สูงมากมาย ทำ ให้อีกทั้งคนป่วยและรัฐบาลต้องสูญเสียรายจ่าย สำหรับในการรักษาอย่างยิ่ง ด้วยเหตุดังกล่าวการหลีกเลี่ยงต้นสายปลายเหตุ เสี่ยงหรือต้นเหตุที่ก่อเกิดนิ่ว ดังเช่นว่า พืชที่มีออกซาเลต สูง หรือการรับประทานแคลเซียมเม็ดเสริม ควรจะเป็นสิ่งที่ จะต้องคำ คิดถึงเพื่อป้องการป้องกันกำเนิดนิ่ว
สิ่งที่ทำให้เกิดนิ่วในไต มีเหตุที่เกิดจากนานาประการเหตุ ทั้งสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงทางด้านสิ่งแวดล้อม เมตตาบอลิซึม กรรมพันธุ์ วิถีการดำเนินชีวิต แล้วก็อุปนิสัยการกินของกินของเพศผู้เจ็บไข้เอง แต่สาเหตุที่สำคัญของการเกิดนิ่วในไตเป็นการมีสารก่อนิ่วในเยี่ยวสูงขึ้นยิ่งกว่าระดับสารยับยั้งนิ่ว ร่วมกับสาเหตุเสริมคือ ความจุของเยี่ยวน้อย ส่งผลให้เกิดภาวะอิ่มตัวยวดยิ่งของสารก่อนิ่วในปัสสาวะ ก็เลยเกิดผลึกที่ไม่ละลายน้ำขึ้น ยกตัวอย่างเช่น แคลเซียมออกซาเลต แคลเซียมฟอสเฟต แล้วก็ยูเรต ผลึกนิ่วที่เกิดขึ้นจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ นำมาซึ่งการทำให้เซลล์บุข้างในไตถูกทำลาย ตำแหน่งถูกทำลายนี้จะเป็นพื้นที่ให้ผลึกนิ่วเกาะยึดและก็รวมกลุ่มกัน เกิดการทับถมของผลึกนิ่วเป็นระยะเวลาที่ยาวนานจนกระทั่งแปลงเป็นก้อนนิ่วได้ท้ายที่สุด ในคนธรรมดาที่มีสารยั้งนิ่วในปัสสาวะสูงเพียงพอจะสามารถยั้งการก่อตัวของผลึกนิ่วได้ โดยสารพวกนี้จะไปแย่งจับกับสารก่อนิ่ว อย่างเช่น สิเทรตจับกับแคลเซียม หรือแมกนีเซียมจับกับออกซาเลต ส่งผลให้เกิดเป็นสารที่ละลายน้ำได้ดี และขับออกไปพร้อมด้วยน้ำเยี่ยว ทำให้จำนวนสารก่อนิ่วในฉี่ลดน้อยลงและไม่สามารถรวมตัวกันเป็นผลึกนิ่วได้ เว้นเสียแต่สารยั้งนิ่วกลุ่มนี้แล้วโปรตีนในปัสสาวะหลายประเภทยังปฏิบัติภารกิจปกป้องการก่อผลึกในเยี่ยว รวมทั้งเมื่อฉาบที่ผิวผลึกจะช่วยขับผลึกออกไปพร้อมกับฉี่ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
เดี๋ยวนี้มีหลายงานศึกษาค้นคว้าวิจัยกล่าวว่า ความไม่ดีเหมือนปกติของการสังเคราะห์รวมทั้งลักษณะการทำงานของโปรตีนยับยั้งนิ่วเหล่านี้เป็นต้นเหตุหนึ่งของการเกิดโรคนิ่วในไต  การเกิดนิ่วในไตยังอาจมีเหตุมาจากโรคอื่นที่เป็นอยู่ เช่น การตำหนิดเชื้อในระบบทางเท้าปัสสาวะ โรคเมตาบอลิก รวมถึงการใช้ยารักษาโรคบางจำพวกอย่างโรคเกาท์ ต่อมไทรอยด์ดำเนินการเกินธรรมดา โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง รวมทั้งการรับประทานวิตามินดี และแคลเซียมเม็ดเสริมมากจนเกินไป
ลักษณะของนิ่วในไต สำหรับนิ่วในไตโดยมาก ผู้เจ็บป่วยมักไม่มีอาการแสดง แต่ว่าจะมีลักษณะแสดงก็เมื่อมีการติดเชื้อโรคซ้ำซ้อนรวมทั้งก้อนนิ่วที่มีขนาดเล็กมากๆอาจหลุดออกไปพร้อมทั้งการขับฉี่โดยไม่ก่อกำเนิดอาการหรือความรู้สึกเจ็บอะไรก็ตามลักษณะของนิ่วในไตบางทีอาจไม่ปรากฏให้มองเห็นจนกระทั่งก้อนนิ่วเริ่มขับเคลื่อนบริเวณไตหรือไปยังท่อไต ซึ่งเป็นท่อเชื่อมต่อระหว่างไตรวมทั้งกระเพาะปัสสาวะ ทำให้คนเจ็บที่มีนิ่วในไตอาจมีอาการพวกนี้ตามมา อาทิเช่น ปวดบริเวณข้างหลังหรือท้องด้านล่างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง บางทีอาจปวดร้าวลงไปถึงบริเวณขาหนีบ  มีลักษณะปวดบีบเป็นระยะ รวมทั้งปวดรุนแรงเป็นพักๆที่บริเวณดังที่กล่าวถึงมาแล้ว ปัสสาวะเป็นเลือด หรืออาจมีสีแดง ชมพู รวมทั้งน้ำตาล  ฉี่แล้วเจ็บ  ปวดท้องฉี่บ่อย  เยี่ยวน้อย  ปัสสาวะขุ่นหรือมีกลิ่นแรง อ้วก อาเจียน หนาวสั่น เจ็บป่วย และก็แม้ก้อนนิ่วมีขนาดเล็กแล้วก็ตกลมมาที่ท่อไต จะมีผลให้กำเนิดอาการปวดบิดในท้องรุนแรง เรียกว่า “นิ่วในท่อไต” คนไข้จะมีลักษณะระคายเคืองเวลาเยี่ยว อยากปัสสาวะ แม้กระนั้นฉี่ขัด ทีละน้อย ในเรื่องที่มีการติดเชื้อโรคเข้าแทรกจะมีอาการไข้ร่วมด้วย หากปลดปล่อยให้เป็นนิ่วไปนานๆโดยไม่ได้รับการดูแลและรักษาจะก่อให้ไตบาดเจ็บเรื้อรัง ส่งผลให้ไตมีรูปร่างรวมทั้งปฏิบัติงานเปลี่ยนไปจากปกติมากยิ่งขึ้นรวมทั้งทำให้เกิดสภาวะไตวายท้ายที่สุด
ขั้นตอนการรักษานิ่วในไต  แพทย์วิเคราะห์นิ่วในไตได้จากประวัติอาการ การตรวจร่างกาย การตรวจฉี่ รวมทั้งอาจมีการตรวจอื่นๆเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับอาการคนป่วยและดุลยพินิจของหมอ เช่น

  • การตรวจปัสสาวะ เพื่อมองว่าร่างกายมีการขับแร่ที่รวมตัวเป็นก้อนนิ่วมากจนเกินความจำเป็น หรือมีสารคุ้มครองปกป้องการเกิดนิ่วที่ไม่พอหรือเปล่า และตรวจเม็ดเลือดแดงในเยี่ยว ตลอดจนตรวจหาภาวะติดโรค สามารถทำเป็นโดยเก็บปัสสาวะของผู้ป่วยทั้งผองในตอน 24 ชั่วโมง เช่น ถ้าเริ่มนับจาก 8.00 นาฬิกา ณ ตอนนี้คนเจ็บต้องปัสสาวะทิ้งไปก่อน แล้วเก็บครั้งต่อๆไปทุกครั้งจนกระทั่ง 8.00 นาฬิกาของวันต่อไป
  • การตรวจเลือด ผลการตรวจเลือดจะสามารถบอกถึงสุขภาพไตของผู้ป่วย รวมทั้งช่วยให้หมอวินิจฉัยโรคต่างๆได้ และก็วัดระดับของสารที่อาจจะส่งผลให้เกิดนิ่ว โดยผู้ป่วยที่มีนิ่วในไตอาจตรวจเจอว่ามีจำนวนแคลเซียมหรือกรดยูริกในเลือดที่มากเกินไป
  • การตรวจโดยดูจากรูปไต แนวทางแบบนี้จะช่วยให้หมอสามารถมองเห็นก้อนนิ่วที่เกิดขึ้นตามทางเดินฉี่ การถ่ายภาพไตมีมากมายหลายวิธีให้เลือกใช้ ตัวอย่างเช่น การฉายรังสีเอกซ์เรย์ในช่องท้อง ซึ่งอาจจะส่งผลให้มองไม่เห็นก้อนนิ่วในไตขนาดเล็กหรือนิ่วบางประเภท การตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวน์ไต เว้นเสียแต่ 2 วิธีแบบนี้ หมออาจไตร่ตรองใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) ซึ่งอาจส่งผลให้มองเห็นนิ่วก้อนเล็กๆได้รวมทั้ง
  • การตรวจ x-ray เงาไตที่เรียก KUB (Kidney ureter and bladder) ถ้าเกิดเป็นนิ่วที่ทึบแสงก็สามารถเห็นนิ่วได้ หากเป็นนิ่วที่ไม่ทึบแสงก็ไม่สามารถมองเห็น รวมถึงการตรวจ IVP (Intravenous pyelogram) เป็นการฉีดสีเข้าเส้นเลือดดำ รวมทั้งสีนั้นจะถูกขับออกทางไตภายหลังฉีดจะ x-ray เงาไตที่เวลาต่างๆข้างหลังฉีดสี เพื่อดูรูปร่าง รูปแบบของไต ว่ามีการอุดตันจากนิ่วไหม รวมถึงรูปแบบการทำงานของไต ว่าดีมากน้อยแค่ไหน
  • การดูแลรักษานิ่วในไต การดูแลและรักษามีหลายวิธี หมอจะตรึกตรองโดยอาศัยข้อมูลเรื่องขนาดของนิ่ว ตำแหน่งของนิ่ว ความแข็งแรงของนิ่ว ไตบวมมากมายหรือน้อย การอักเสบของไตฯลฯ เพื่อพินิจพิเคราะห์เลือกกรรมวิธีการที่ดีเยี่ยมที่สุดในแต่ละราย บางท่านบางทีก็อาจจะเหมาะสมที่จะรักษาด้วยการสลายนิ่ว แต่บางคนไม่เหมาะสมที่จะสลายนิ่ว อาจรักษาได้ด้วยวิธีอื่นๆคนเจ็บควรจะขอความเห็นหมอถึงกระบวนการต่างๆเหล่านี้เพื่อจะได้เข้าใจถึงเหตุผลที่แพทย์เลือกวิธีนั้นๆสำหรับการรักษา


การรักษานิ่วในไตขนาดเล็ก  การรักษานิ่วขนาดเล็กที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 5 มม. บางทีอาจทำได้ด้วยการดื่มน้ำมากๆเพื่อช่วยขับก้อนนิ่วออกมาพร้อมปัสสาวะ รวมทั้งควรดื่มให้มากพอ (วันละ 8 – 10 แก้ว) จนปัสสาวะเจือจางเยี่ยวเป็นสีใสๆนิ่วบางทีอาจหลุดลงมาเป็นนิ่วในทอไต อย่างไรก็ตาม แม้คนป่วยด้วยนิ่วจำพวกนี้มีลักษณะ หมออาจพิเคราะห์ให้ผ่าตัดเอาก้อนนิ่วออกได้เช่นเดียวกัน
แม้เกิดก้อนนิ่วเล็กๆที่ก่อให้เกิดความเจ็บ แพทย์อาจใช้ยาเพื่อบรรเทาลักษณะของการปวด เป็นต้นว่า ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) อะเซตาไม่โนเฟ่น (Acetaminophen) หรือที่รู้จักในชื่อพาราเซตามอล และก็ทุ่งนาพรอกเซน (Naproxen)
นอกจากนั้น การใช้ยาช่วยขับก้อนนิ่วก็เป็นอีกหนึ่งกรรมวิธีรักษา แพทย์บางทีอาจสั่งจ่ายยากลุ่มแอลฟา-บล็อกเกอร์ (Alpha Blocker) ซึ่งเป็นยาช่วยขับก้อนนิ่วออกมาทางปัสสาวะ ออกฤทธิ์โดยทำให้กล้ามเนื้อบรรเทา ทำให้ให้ก้อนนิ่วในไตถูกขับออกมาได้เร็วและเจ็บน้อยกว่า
การดูแลรักษานิ่วในไตขนาดใหญ่ ก้อนนิ่วที่มีขนาดใหญ่กว่า 5 มิลลิเมตรขึ้นไปสามารถทำให้มีเลือดออก แล้วก็อาจจะนำมาซึ่งการก่อให้เกิดแผลที่ท่อไตหรือการต่อว่าดเชื้อในระบบฟุตบาทเยี่ยว จนไม่สามารถที่จะหลุดมาเองได้ หมออาจจะต้องใช้การรักษาประเภทอื่นๆดังต่อไปนี้

  • การใช้คลื่นเสียงแตกตัวก้อนนิ่ว เหมาะสมกับนิ่วที่มีขนาดไม่เกิน 2 เซนติเมตร รักษาด้วยเครื่อง Extracorporeal Shock Wave Lithotripsy (ESWL) โดยใช้แรงสั่นของคลื่นเสียงทำให้นิ่วแตกตัวเป็นชิ้นเล็กๆจนสามารถผ่านออกทางการขับเยี่ยวได้ วิธีนี้ผู้เจ็บป่วยบางทีอาจรู้สึกเจ็บปวดระดับปานกลาง แพทย์ก็เลยบางทีอาจใช้ยาระงับประสาทเพื่อคนเจ็บสงบหรือทำให้สลบแบบตื้น ขั้นตอนรักษาใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที แล้วก็อาจมีผลข้างๆให้ปัสสาวะเป็นเลือด มีแผลบวมช้ำข้างหลังช่องท้อง เลือดออกรอบบริเวณไตและก็อวัยวะรอบข้าง รวมถึงรู้สึกเจ็บเมื่อเสี้ยวก้อนนิ่วเขยื้อนผ่านทางเดินปัสสาวะออกมา การดูแลและรักษาโรคนิ่วแนวทางลักษณะนี้ระยะเวลากว่าเศษนิ่วจะหลุดออกมาหมดนั้นไม่แน่นอน บางรายจำเป็นต้องสลายนิ่วซ้ำอีกหนึ่งหรือหลายหน ไม่สามารถรับรองผลของการรักษาได้ทุกราย โดยมีอัตราปราศจากนิ่วที่ 3 เดือนราวๆปริมาณร้อยละ 75
  • การผ่าตัดก้อนนิ่วออก (Percutaneous Nephrolithotomy) เหมาะสมกับนิ่วที่มีขนาดไม่เกิน 3 ซม. บางทีอาจใช้ตามหลังการใช้คลื่นเสียงแตกตัวก้อนนิ่ว (ESWL) ไม่ได้เรื่อง แพทย์อาจเลือกใช้การผ่าตัดนิ่วด้วยการใช้กล้องส่องทางไกลขนาดเล็กแล้วก็เครื่องไม้เครื่องมือสอดเข้าไปรอบๆข้างหลังของผู้ป่วย โดยพักฟื้นที่โรงหมอตรงเวลา 1-2 วัน แล้วก็มีคุณภาพถึง 72-99 เปอร์เซ็นต์
  • การส่องกล้อง สำหรับก้อนนิ่วที่มีขนาดไม่เกิน 3 เซนติเมตร แพทย์บางทีอาจใช้กล้อง Ureteroscope เพื่อฉายลำแสงแคบผ่านหลอดปัสสาวะและก็กระเพาะปัสสาวะ แล้วใช้เครื่องไม้เครื่องมือชนิดพิเศษจับหรือทำให้ก้อนนิ่วกระจายตัวเป็นชิ้นเล็กจนถึงสามารถถูกขับออกมาทางเดินปัสสาวะได้ เพื่อลดอาการบวมหลังผ่าตัดรวมทั้งช่วยทำให้หายเร็วขึ้น ก็เลยอาจมีการใช้ท่อเล็กๆยึดไว้ที่หลอดปัสสาวะด้วย การส่องกล้องนี้พบว่ารักษาได้ผลถึง 94 เปอร์เซ็นต์ ถ้าหากเป็นนิ่วเขากวางมีกิ่งไม้มากกว่า 2 กิ่ง หรือนิ่วที่มีขนาดใหญ่กว่า 3 ซม. แพทย์มักใคร่ครวญเป็นการผ่าตัดเปิดตามความเหมาะสม
  • การผ่าตัดต่อมต่อมไทรอยด์ โรคต่อมไทรอยด์ดำเนินการสูง เกิดการผลิตฮอร์โมนพาราต่อมไทรอยด์ขึ้นมามากผิดปกติ แล้วก็เป็นต้นเหตุให้เกิดก้อนนิ่วจากแคลเซียมฟอสเฟตได้ง่าย การทำงานที่ไม่ดีเหมือนปกตินี้ถ้าหากมีต้นเหตุมาจากเนื้องอกที่เติบโตบนต่อมไทรอยด์ การผ่าตัดเอาเนื้องอกดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วออกจะเป็นช่วยลดการเกิดนิ่วในไตได้ด้วย

ปัจจัยเสี่ยงที่จะก่อกำเนิดนิ่วในไต

  • กินอาหารมีสารที่ก่อการนอนก้นเป็นนิ่วปริมาณสูงต่อเนื่องดังเช่นว่า ทานอาหารมีออกซาเลตสูง อย่างเช่น โยเกิร์ต ถั่วที่มีรูปทรงเสมือนไต เป็นต้นว่า ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเหลือง งา ลูกนัท ผลเบอร์รีต่างๆมะเดื่อ แครอด บีทรูท มะเขือ ผักกะหล่ำ หน่อไม้ฝรั่ง บคอยควัวลิ ผักโขม ชะพลู ผักกะเฉด รวมทั้งยอดผักต่างๆหรือมีกรดยูริคสูง เช่น เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล ปลาทะเล หอยแครง น้ำเกรวี/Gravy และจากพืชบางจำพวกได้แก่ หน่อไม่ฝรั่ง ผักขม ยอดผัก และถั่วชนิดมีรูปร่างคล้ายไต/ถั่วดำ/ถั่วแดง
  • การตีบแคบของฟุตบาทปัสสาวะทำ ให้มี เยี่ยวคั่งค้างภายในไต
  • ความเข้มข้นของน้ำ ฉี่ กำเนิดเพราะเหตุว่า คนไข้ดื่มน้ำ น้อยกว่าปกติ หรือสูญเสียน้ำ ออกมาจาก ร่างกายมากกว่าธรรมดา ผู้มีอาชีพเกษตรกรทำ งานที่โล่งแจ้ง จะมีการเสียเหงื่อมากมายทำ ให้เยี่ยวมีความเข้มข้นสูง จังหวะที่สารละลายในฉี่จะตกผลึกก็เลยมีมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้ง บางทีอาจเกี่ยวพันกับเกลือแร่ที่ละลายอยู่ในน้ำที่ใช้ดื่ม ซึ่งสังกัดแต่ละเขตแดนทำให้เกิดเป็นนิ่วขึ้นได้ การออกกำลังกายอย่างมาก ทำ ให้มีการสูญเสียน้ำ แล้วก็ เกลือแร่ไปกับเหงื่อ ทำให้ปัสสาวะจะมีปริมาณสิเทรตต่ำ ซึ่งการขาดสิเทรตทำ ให้แคลเซียมรวมกับออกซาเลตเป็นแคลเซียมออกซาเลต หรือแคลเซียมรวมกับฟอสเฟตเป็นแคลเซียมฟอสเฟต ซึ่งละลายน้ำ ได้ไม่ดี
  • ความเป็นกรด-ด่างของฉี่ เยี่ยวที่มี ฤทธิ์เป็นกรดมากบางทีอาจเกิดการตกผลึกของกรดยูริค แล้วก็ซีสทีน ส่วนปัสสาวะที่มีฤทธิ์เป็นด่าง บางทีอาจเกิดการตกตะกอน ของผลึกออกซาเลต ฟอสเฟส และก็คาบอเนต ซึ่งคนปกติ ในช่วง 06.00 น. เยี่ยวจะมีความเป็นกรดที่ pH 5.2 ในตอน 18.00 น. จะมีความเป็นกลาง pH 7.0 ก็เลยมี โอกาสเกิดผลึกได้อีกทั้งผลึกกรดยูริค รวมทั้งผลึกแคลเซียม ซึ่งการรวมตัวกันของผลึกทำ ให้กำเนิดเป็นก้อนนิ่วท้ายที่สุด
  • โรคเรื้อรังบางชนิดที่ส่งผลให้ภายในร่างกายมีสารต่างๆที่ก่อนิ่วสูงยิ่งกว่าธรรมดาดังเช่น โรคของ ต่อมพาราไทรอยด์(Parathyroid gland) ซึ่งเป็นต่อมไร้ท่อขนาดเล็กอยู่ใต้ต่อมไทรอยด์ มีหน้าที่ควบคุมลักษณะการทำงานของแคลเซียม) ดำเนินงานเกิน หรือโรคเกาต์ซึ่งมีกรดยูริคสูงในร่างกาย
  • อาจจากรับประทานวิตามินซี วิตามินดี แล้วก็แคลเซียมเสริมอาหารจำนวนสูงต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลดังกล่าวการกินวิตามินเกลือแร่พวกนี้เสริมของกิน ควรจะขอความเห็นหมอก่อนเสมอ
  • ยาบางประเภททำ ให้เกิดนิ่วได้เช่น ยาขับเยี่ยว ยากลุ่ม carbonic anhydrase inhibitors ยาระบาย หรือยาลดกรดที่กินอยู่เป็นระยะเวลานาน ทำ ให้เกิด นิ่วด้วยกลไกผ่านทางเมตาบอลิค


การติดต่อของนิ่วในไต  นิ่วในไตเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการตกตะกอนของแร่ธาตุต่างๆรวมทั้งแคลเซียม (หินปูน) เป็นก้อนผลึกขนาดต่างๆตามอวัยวะต่างๆของร่างกาย ตัวอย่างเช่น ถุงน้ำดี แล้วก็ ระบบทางเท้าฉี่ของร่างกาย ซึ่งไม่ได้มีการติดต่อจากคนสู่คนหรือจากสัตว์สู่คนอะไร
การกระทำตนเมื่อเป็นนิ่วในไต การดูแลตัวเองเมื่อเป็นนิ่วในไตและเพื่อคุ้มครองปกป้องนิ่วย้อนไปเป็นซ้ำข้างหลังรักษานิ่วหายแล้ว เป็นต้นว่า

  • ดื่มน้ำสะอาดมากมายๆขั้นต่ำวันละ 2 ลิตรหากไม่มีโรคที่ต้องจำกัดน้ำ
  • จำกัดอาหารที่มีสารออกซาเลต กรดยูริค รวมทั้งสารซีสตีนสูง
  • ไม่กลั้นปัสสาวะนาน และก็เพียรพยายามเคลื่อนไหวร่างกายเสมอ
  • ทำตามแพทย์/พยาบาลเสนอแนะอย่างเคร่งครัด
  • กินยาต่างๆให้ถูกต้องครบ ไม่ขาดยา และไม่หยุดยาเอง
  • สังเกตสีแล้วก็รูปแบบของเยี่ยวเสมอเพื่อรีบพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อมีความผิดปกติเกิด ขึ้นเช่น ขุ่นมากมายหรือเป็นเลือดแล้วก็เมื่อมีนิ่วหลุดออกมา ควรที่จะเก็บเอาไว้แล้วค่อยนำไปพบหมอ เพื่อศึกษาทางห้องทดลองว่าเป็นนิ่วชนิดใด เพื่อการรักษาและก็การดูแลตนเองได้ถูกต้อง ซึ่งเมื่อหมอแนะนำให้เก็บนิ่วมาให้แพทย์ดู ควรจะปัสสาวะในกระโถนหรือฉี่ผ่านผ้ากรองเพื่อการเก็บนิ่วได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
  • หลบหลีกเครื่องดื่มน้ำอัดลม เนื่องมาจากอาจก่อให้จำนวนของซิเทรดในปัสสาวะลดลง


การปกป้องคุ้มครองตนเองจากนิ่วในไต ช่วงอายุที่เสี่ยงต่อการเกิดนิ่วสูงสุดคือ 40-60 ปี รวมทั้งอัตราการเกิดเป็นนิ่วซ้ำ เจอสูงถึงร้อยละ 50 ด้านใน 5 ปี การกระทำตนเพื่อลดการเสี่ยงต่อการเกิดนิ่ว หรือการเกิดนิ่วซ้ำ ควรปฏิบัติดังต่อไปนี้

  • ควรกินน้ำ วันละ 6-8 แก้ว (2.5 ลิตรหรือมากยิ่งกว่า) หรือให้ได้ขนาดของเยี่ยวมากกว่า 2 ลิตรต่อวัน เพื่อลดความอิ่มตัวของสารก่อนิ่วในปัสสาวะ รวมทั้งลดจังหวะการก่อผลึกนิ่วในระบบฟุตบาทเยี่ยว
  • ควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟที่เข้มข้นมากมาย อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งทำ ให้ระดับแคลเซียมสูงขึ้นในปัสสาวะ
  • ผู้เจ็บป่วยที่มีน
ตารางที่ 1 แสดงปริมาณกรดออกซาลิคในผักต่อน้ำ หนักผัก 100 กรัม
           ชื่อผัก                    ปริมาณกรดออกซาลิค ชื่อผัก            ปริมาณกรดออกซาลิค
(มิลลิกรัม)                                            (มิลลิกรัม)
ผักชีฝรั่ง (parsley)               1,700                           หัวไชเท้า                        480
มันสำปะหลัง                       1,260                           ใบกระเจี๊ยบ                    389.5
ใบชะพลู                              1,088.4                        ใบยอ                            387.6
ผักโขม (amaranth)             1,090                           ผักปัง                            385.3
ผักโขม (spinach)                 970                              ผักกระเฉด                     310
ยอดพริกชี้ฟ้า                        761.7                           ผักแพงพวย                   243.9
แครอท                                500                              กระเทียม                       360

  • กินอาหารประเภทผักและก็ผลไม้ (ที่ไม่มีสารออกซาเลต , ยูริกสูง) เพราะเป็นแหล่งของสารยับยั้งการเกิดนิ่ว ช่วยให้จำนวนสิเทรต โพแทสเซียม รวมทั้ง pH ของเยี่ยวมากขึ้น และก็ลดการทำลายของเซลล์เยื่อบุหลอดไต จึงสามารถยับยั้งการเกิดนิ่วได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • รับประทานไขมันจากพืชรวมทั้งไขมันจากปลา เนื่องจากว่าไขมันกลุ่มนี้สามารถลดปริมาณแคลเซียมในปัสสาวะได้ดีกว่าไขมันที่ได้จากเนื้อสัตว์อื่นๆก็เลยช่วยลดโอกาสกำเนิดนิ่วซ้ำได้
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองป้องกัน/รักษานิ่วในไต
กระเจี๊ยบแดง Hibiscus sabdariffa L.

  • องค์ประกอบทางเคมี: มีสาร Anthocyanin และก็กรดอินทรีย์หลายตัว ยกตัวอย่างเช่น citric acid, mallic acid, tartaric acid, vitamin c ทำให้ปัสสาวะมีฤทธิ์เป็นกรด
  • สรรพคุณ: หนังสือเรียนยาไทย: กลีบเลี้ยงมีรสเปรี้ยว แก้อาการขัดเบา แก้เสมหะ ขับน้ำดี ลดไข้ แก้ไอ ขับนิ่วในไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
  • การเรียนรู้ทางคลินิก: ลดความดันเลือด ยั้งเชื้อแบคทีเรียในทางเดินฉี่ ทำให้คนป่วยโรคนิ่วในท่อไต ปัสสาวะสะดวกขึ้น คนเจ็บกระเพาะปัสสาวะอักเสบมีลักษณะปวดแสบเวลาปัสสาวะลดลง


ขทาง Pluchea indica (L.) Less.

  • ส่วนประกอบทางเคมี: พบสารอนุพันธ์ของ eudesmane กลุ่ม cauhtemone รวมทั้งพบเกลือแร่ sodium chloride เนื่องจากว่าชอบขึ้นที่น้ำทะเลขึ้นถึง
  • คุณประโยชน์: แบบเรียนยาไทย: ใช้ ใบ รสหอมฝาดเมาเค็ม เป็นยาขับปัสสาวะ ทั้งต้น รสหอมฝาดเมาเค็ม ใช้ต้มรับประทานรักษาอาการขัดเบา แก้นิ่วในไต ขับเยี่ยว แก้ปัสสาวะทุพพลภาพ


ตะไคร้   Cymbopogon citratus  Stapf

  • สรรพคุณ ทั้งยังต้น แก้โรคฟุตบาทฉี่ นิ่ว ขับปัสสาวะ ระดูมาไม่ดีเหมือนปกติ  แก้ฉี่เป็นเลือด แก้โรคหืด  ราก ขับปัสสาวะ แก้นิ่ว แก้เยี่ยวพิการ แก้อาการขัดเบา


ทานตะวัน    Helianthus annuus  L.

  • คุณประโยชน์ แกนต้น – ขับเยี่ยว แก้นิ่วในทางเดินฉี่ นิ่วในไต เมล็ด – ขับเยี่ยว ราก – ขับเยี่ยว


สับปะรด    Ananas comosus  (L.) Merr.

  • คุณประโยชน์ ราก – แก้นิ่ว ขับฉี่ ใบสด – เป็นยาถ่าย ฆ่าพยาธิในท้อง ยาขับเยี่ยว ผลสุก – ขับปัสสาวะ ไส้กลางสับปะรด – แก้ขัดค่อย เปลือก – ขับฉี่ ทำให้ไตมีสุขภาพแข็งแรง จุก – ขับฉี่ แก้นิ่ว กิ้งก้าน – แก้โรคนิ่ว ยอดอ่อนสับปะรด – แก้นิ่ว
เอกสารอ้างอิง

 

Sitemap 1 2 3