เฟซบุ๊กเพจ หมอชิด โดยสโมสรนิสิตคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เกี่ยวกับเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพทางช่องปากและฟัน ลองเช็กดูว่า ปัจจุบันนี้เราเเปรงฟันอย่างถูกทางไหม!
1. เลิกเอาแปรงสีฟันที่บีบยาสีฟันเเล้ว จุ่มลงน้ำหรือผ่านน้ำก่อนเเปรงฟัน
ผู้คนจำนวนมากจะบ้วนน้ำ หรือนำแปรงไปจุ่มในน้ำก่อนเริ่มแปรงฟัน ทีนี้พอแปรงเปียก มีน้ำในปากเยอะ ยาสีฟันก็จะละลายอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนเป็นฟองฟูทั่วปาก แล้วก็ไหลห้อยเป็นแนวลงตามแขนไปจนถึงข้อศอก แล้วหลังจากนั้นก็จำเป็นต้องรีบวิ่งไปที่อ่าง ยืนก้มหน้าก้มตามุดๆอยู่กับอ่าง บ้วนออกอย่างเร็ว สิ้นสุดการ
แปรงฟันโดยที่ยังไม่ถึง 2 นาที
ด้วยเหตุนี้ ก่อนบีบยาสีฟันบางทีอาจชำระล้างเเปรงสีฟันด้วยน้ำ แล้วเคาะน้ำออกให้หมาดหรือพอเเห้ง ก่อนเเปรงฟัน ให้ชำระล้างช่องปากคร่าวๆเพื่อเอาเศษอาหารที่ติดตามซอกฟันออกเสียก่อน
2. เลิกบ้วนน้ำหลังเเปรงฟัน (เพียงแค่ถ่มเอาฟองยาสีฟันออกให้หมด หรือบ้วนน้ำเพียง 1 ครั้ง หลังแปรงฟัน) ปริมาณยาสีฟันที่เหลือเพียงเล็กน้อย (หลังบ้วนฟองออก) ที่บางทีอาจกลืน ไม่เกิดอันตราย
มีการวิจัยเรื่องหนึ่งที่เลื่องลือมาก ในปี คริสต์ศักราช1992 ในเมืองนอตติ้งแฮม ประเทศอังกฤษ พบว่า เด็กที่
แปรงฟันแล้วบ้วนปากโดยการเอาปากไปจ่อกับก๊อกน้ำ (เด็กเกบ้วนชุ่ยๆ) มีฟันผุน้อยกว่าเด็กที่บ้วนปากจากแก้วน้ำ (เด็กดี ตั้งใจบ้วน) ต่อจากนั้น ก็มีงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยอื่นๆตามมามากมายเพื่อตรวจดูและยืนยันในสิ่งเดียวกัน จนถึงทันตแพทยชมรมแห่งอังกฤษสรุปออกมาเป็นคำแนะนำว่า "ไม่ต้องบ้วนน้ำหลังจากแปรงฟัน"
3. อย่าเพิ่งกิน หรือดื่มอะไร (รวมถึงน้ำกิน) ขั้นต่ำครึ่งชั่วโมงหลังเเปรงฟัน เพื่อฟลูออไรด์ได้ออกฤทธิ์ป้องกันฟันผุได้อย่างเต็มที่
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : รศ.ทญ.ดร.สุดาดวง กฤษฎาพงษ์ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ภาพ : iStock
เว็บไซต์ :
https://www.sanook.com/health/1673/เขียนโดย :
AVARTARเครดิตบทความจาก :
http://www.928betting.com/Tags : แปรงฟัน,วิธีแปรงฟัน
