ผู้เขียน หัวข้อ: น้ำมันเหลืองมีส่วนประกอบของสมุนไพรที่น่าทึ่ง  (อ่าน 309 ครั้ง)

ำพ

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 14
    • ดูรายละเอียด

น้ำมันเหลือง
น้ำมันเหลือง ไพล หรือปูลอย ปูเลย มิ้นสะล่าง ว่านไฟ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Zingiber montanum (Koenig) Link ex Dietr. หรือ Zingiber cassumunar Roxb. สกุล Zingiberaceae เป็นสมุนไพรตัวหนึ่งในบัญชียาจากสมุนไพร ใน บัญชียาหลักแห่งชาติ ปี 2554 กลุ่มที่ 2 บัญชียาพัฒนาจากสมุนไพร กรุ๊ปยารักษาอาการทางกล้ามแล้วก็กระดูก ยาสำหรับใช้ภายนอก อาทิเช่น ตำรับยาครีมไพล ประกอบด้วยน้ำมันไพลที่จากการกลั่น ร้อยละ 14 โดยปริมาตรต่อน้ำหนัก (v/w) แล้วก็ ยาน้ำมันไพล สารสกัดน้ำมันไพลที่ได้จากการทอด (hot oil extract) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ในตำรับ ซึ่งเป็นสูตรเภสัชตำรับของโรงพยาบาล ข้อบ่งใช้ของทั้งสองตำรับคือ ทุเลาอาการบวม ฟกช้ำดำเขียว เคล็ดลับยอก
น้ำมันเหลือง ไพลที่ได้จากการทอดรวมทั้งผู้กระทำลั่นแตกต่างเช่นไร? น้ำมันไพลที่ได้จากผู้กระทำลั่นเป็น น้ำมันหอมระเหย ซึ่งเป็นของเหลวที่เป็น hydrophobic ระเหยได้ บางครั้งอาจจะได้จากผู้กระทำลั่นโดยการต้มด้วยน้ำ (water distillation) ละอองน้ำจะพาเอาน้ำมันหอมระเหย ไปควบแน่นเมื่อสัมผัสกับความเย็นของเครื่องควบแน่น (condenser) กระบวนการกลั่นอย่างนี้เป็นแนวทางที่คนยุโรปดั้งเดิมนิยมใช้กัน แต่มีข้อเสียตรงที่ไพลที่นำมากลั่นจะถูกความร้อนนาน อาจจะทำให้น้ำมันไพลที่ได้มีกลิ่นผิดไปได้ หรือจะได้จากการกลั่นโดยใช้การผ่านของละอองน้ำเข้าสู่ภาชนะที่มีไพลใส่อยู่ (steam distillation) ละอองน้ำจะพาเอาน้ำมันเหลือง หอมระเหยไปควบแน่นที่เครื่องควบแน่น แนวทางนี้มีข้อดีกว่าเป็น ไพลจะถูกความร้อนไม่มาก น้ำมันหอมระเหยที่ได้จะไม่มีกลิ่นผิดเพี้ยนไป นั่นคือน้ำมันหอมระเหยที่ได้จาก 2 แนวทาง จะมีสารประกอบทางเคมีที่แตกต่างบ้าง โดยทั่วไปน้ำมันหอมระเหยที่ได้จากการกลั่นจะมีสารประกอบทางเคมีที่มีโมเลกุลเล็ก ดังเช่น สารกรุ๊ป monoterpenes (สารที่ประกอบด้วยคาร์บอนปริมาณ 10 ตัว) รวมทั้งสารกรุ๊ป sesquiterpenes (สารที่มีคาร์บอนปริมาณ 15 ตัว) น้ำมันหอมระเหยไพลที่ได้จากการกลั่นมี สารกลุ่ม monoterpenes ยกตัวอย่างเช่น sabinene, terpinen-4-ol, alpha-pinene, alpha-terpinene, gamma-terpinene, limonene, myrcene, p-cymene, terpinolene2, (E)-1-(3,4-dimethoxyphenyl)butadiene (DMPBD), (E)-4-(3’,4’-dimethoxyphenyl)but-3-en-1-ol (Compound D)3,4
ส่วนน้ำมันเหลือง ไพลที่ได้จากการทอดด้วยน้ำมันพืช เป็นแนวทางของคนไทยโบราณที่ใช้จัดแจงน้ำมันไพลเพื่อใช้ในครัวเรือน เป็นน้ำมันถูนวด แก้ปวดกล้ามเนื้อ ปัจจุบันหลายโรงพยาบาลของเมืองได้มีการตระเตรียมเป็นเภสัชตำรับของโรงหมอ แล้วก็เป็นหนึ่งตำรับในบัญชียาจากสมุนไพร ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ปี 2554 น้ำมันไพลสูตรนี้จัดแจงได้จากการนำไพลสดมาทอดกับน้ำมันพืชประเภทอิ่มตัว (ประกอบด้วยกรดไขมันชนิดอิ่มตัว) ยกตัวอย่างเช่น น้ำมันที่ผลิตขึ้นมาจากมะพร้าว น้ำมันเหลือง หรือน้ำมันปาล์ม ไม่ควรใช้น้ำมันพืชประเภทไม่อิ่มตัว (มีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว) ยกตัวอย่างเช่น น้ำมันงา น้ำมันที่ผลิตขึ้นมาจากมะกอก น้ำมันคำฝอย น้ำมันทานตะวัน หรือน้ำมันรำข้าวน้ำมันเหลือง ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าน้ำมันประเภทไม่อิ่มตัวจะไม่ทนต่อความร้อน ทำให้พันธะคู่ในโมเลกุลเกิดการแตก แล้วก็รวมตัวเป็นสาร “โพลีเมอร์” เกิดขึ้น ทำให้มีการเกิดความหนืด ยิ่งกว่านั้นจะก่อให้กำเนิดควันได้ง่าย และน้ำมันเหม็นหืน น้ำมันพืชที่ใช้ในการทอดเป็นน้ำมันที่ประกอบด้วยกรดไขมัน (fatty acids) ซึ่งนับว่าเป็นสารประกอบทางเคมีที่มีขั้วน้อย เป็นตัวทำละลายที่ดีในการสกัดสารที่มีขั้วน้อยด้วย ดังนั้นน้ำมันพืชก็สามารถจะสกัดน้ำมันหอมระเหยซึ่งมีสารประกอบที่มีขั้วน้อยและโมเลกุลเล็กได้ พร้อมทั้งสกัดสารประกอบที่มีขั้วน้อยแต่ว่ามีโมเลกุลใหญ่ได้ด้วย ซึ่งในไพลนอกจากมีน้ำมันหอมระเหยแล้ว ยังประกอบสารกลุ่ม arylbutanoids, curcuminoids, และก็ cyclohexene derivatives เป็นสารที่มีโมเลกุลใหญ่กว่าสารในน้ำมันหอมเหลือง และก็เป็นสารที่ไม่ระเหย สรุปกล้วยๆคือ น้ำมันไพลที่ได้จากการกลั่นจะเป็นน้ำมันหอมระเหยที่ประกอบด้วยสารโมเลกุลเล็กรวมทั้งระเหยได้ ส่วนน้ำมันที่ได้จากการทอดจะมีน้ำมันหอมระเหยรวมทั้งสารที่มีโมเลกุลใหญ่และไม่ระเหย
น้ำมันเหลือง หอมระเหยรวมทั้งสารที่มีโมเลกุลใหญ่ (สารกรุ๊ป arylbutanoids, curcuminoids, แล้วก็ cyclohexene derivatives) เป็นกลุ่มสารที่มีผลการค้นคว้าพบว่า มีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบและก็แก้ปวดในสัตว์ทดลอง โดยมีกลไกการออกฤทธิ์เหมือนกับยากลุ่ม NSAIDs3,4-12 นอกเหนือจากนี้ยังมีรายงานการศึกษาน้ำมันเหลือง ทางคลินิกพบว่า ครีมไพลหรือไพลจีซาล (14% ของน้ำมันหอมระเหย) มีฤทธิ์ลดการอักเสบและการปวดของข้อเท้าแพลงในคนไข้นักกีฬาที่เจ็บข้อเท้าพลิกมากยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุมที่ได้รับยา หลอก13 และก็พบว่าครีมไพจีซาลได้ผลดีสำหรับเพื่อการรักษาลักษณะของการปวดปวดเมื่อยข้างหลัง ไหล่ ต้นคอ เอว หัวเข่า14 แต่ตำรับยาน้ำมันเหลืองที่ได้จากการทอดด้วยน้ำมันพืช หรือการสกัดด้วยตัวทำละลายที่ไม่มีขั้ว ยังไม่เคยมีการศึกษาทางสถานพยาบาลมาก่อน ซึ่งเดี๋ยวนี้คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ปรึกษาแผนการ “การพัฒนาสมรรถนะผู้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมยาสมุนไพรไทยเพื่อลดผลกระทบจากการเปิดเสรีทางด้านการค้า AFTA ด้วยสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ 2554” เป็นแผนการที่ได้รับทุนเกื้อหนุนจากกองทุน FTA กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กำลังศึกษาเล่าเรียนทางคลินิกในผู้เจ็บป่วยข้อหัวเข่าเสื่อมของตำรับยาครีมไพลสกัด ซึ่งเป็นการเลียนแบบวิธีการสกัดแบบภูมิปัญญา ซึ่งเป็นการสกัดสารหลายๆประเภท ไม่เพียงแค่น้ำมันเหลือง หอมระเหยแค่นั้น และเป็นการใช้วัตถุดิบอย่างคุ้มค่า

 

Sitemap 1 2 3