ผู้เขียน หัวข้อ: ขิง เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณอันน่าทึ่ง  (อ่าน 334 ครั้ง)

gggggg020202

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 33
    • ดูรายละเอียด

ขิง
ขิง เป็นพืชที่มีเหง้าใต้ดิน ด้านนอกเหง้าเป็นน้ำตาลแกมเหลือง เนื้อในสีขาวหรือเหลืองอ่อน มักเอามาปรุงอาหารเพราะว่าส่งกลิ่นหอม นอกจากนี้ ขิงยังคงใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องดื่ม สบู่ และก็เครื่องสำอางทั้งหลายแหล่เช่นเดียวกัน ด้านคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ มีความเชื่อเกี่ยวกับการใช้ขิงรักษาโรคหลายประเภทมาอย่างช้านาน ตัวอย่างเช่น โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบการทำงานด้านการย่อยอาหารอย่างท้องเสีย มีแก๊สในกระเพาะ อาหารไม่ย่อย อาการเมารถเมาเรือ คลื่นไส้ ไม่อยากกินอาหาร
คุณสมบัติของขิงมั่นใจว่ามีสารที่อาจช่วยลดอาการอาเจียนและลดการอักเสบ โดยนักวิจัยส่วนใหญ่คาดว่าเป็นสารที่ออกฤทธิ์ในกระเพาะอาหารแล้วก็ไส้ รวมทั้งสารนี้อาจส่งผลต่อสมองหรือระบบประสาทส่วนที่ควบคุมอาการอ้วกด้วย แม้กระนั้นข้อสันนิษฐานดังที่ได้กล่าวมาแล้วยังไม่ชัดเจนนัก และคุณสมบัติด้านอื่นๆมีข้อมูลน้อยกว่า ซึ่งคุณประโยชน์ของขิงต่อสุขภาพที่พวกเราเชื่อกันนั้น เวลานี้ด้านวิทยาศาสตร์มีข้อมูลอธิบายไว้ดังต่อไปนี้
การรักษาที่บางทีอาจเห็นผล
อาการอ้วกคลื่นไส้ที่เกิดขึ้นมาจากการใช้ยาต้านทานไวรัสเอชไอวีหรือเอดส์ คุณประโยชน์ทุเลาอาการอาเจียนอาเจียนของขิงบางทีอาจมีคุณประโยชน์ต่อผู้เจ็บป่วยโรคนี้ที่อยากได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาโรค โดยจากการเล่าเรียนคนป่วยปริมาณ 102 คน แบ่งให้กลุ่มหนึ่งรับประทานขิง 500 กรัม อีกกลุ่มรับประทานยาหลอกวันละ 2 ครั้ง ในตอน 30 นาทีก่อนจะได้รับยารักษาโรคเอดส์อย่างยาต่อต้านรีโทรเชื้อไวรัส ตรงเวลาทั้งสิ้น 14 วัน พบว่าขิงช่วยลดอาการอ้วกอาเจียนที่เกิดจากการรักษาโรคติดเชื้อเอชไอวีได้
อาการอ้วกอาเจียนภายหลังจากการผ่าตัด ขิงบางทีอาจช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้แล้วก็คลื่นไส้จากการผ่าตัดได้สิ่งเดียวกัน โดยการเล่าเรียนทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากชี้ว่าการกินขิง 1-1.5 กรัม ในช่วง 1 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัดนั้นดูเหมือนจะช่วยลดอาการคลื่นไส้คลื่นไส้ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่าง 24 ชั่วโมงหลังได้รับการผ่าตัด
การค้นคว้าวิจัยหนึ่งทดสอบแบ่งผู้เจ็บป่วยจำนวน 122 รับการผ่าตัดต้อกระจกให้กินแคปซูลขิง 1 กรัม และก็อีกกลุ่มได้รับแคปซูลขิง 500 มก.แต่แบ่งให้ 2 ครั้งที่แล้วผ่าตัด ซึ่งผลพบว่าคนไข้ในกรุ๊ปข้างหลังมีลักษณะอาการอ้วกอาเจียนน้อยครั้งแล้วก็มีความรุนแรงของอาการน้อยกว่า โดยงานค้นคว้านี้พบว่าการใช้ขิงนั้นคงจะให้คุณภาพสูงสุดเมื่อกินเป็นประจำและก็บ่อยโดยแบ่งจำนวนการใช้
นอกเหนือจากนี้ การทดลองทาน้ำมันขิงรอบๆข้อมือของคนไข้ก่อนเข้ารับการผ่าตัด พบว่าช่วยปกป้องอาการอาเจียนในคนไข้โดยประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์จากผู้เข้ารับการผ่าตัดทั้งหมด ทว่าการใช้ขิงช่วยลดอาการคลื่นไส้คลื่นไส้ร่วมกับยาลดคลื่นไส้อาเจียนนั้นบางทีอาจได้ผลได้ไม่ดีนัก รวมทั้งการใช้ขิงกับผู้ป่วยที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการอ้วกคลื่นไส้น้อยอยู่และจากนั้นก็บางทีอาจไม่เป็นผลด้วยเหมือนกัน
อาการแพ้ท้อง การรับประทานขิงอาจมีส่วนช่วยทุเลาอาการแพ้ท้อง ยกตัวอย่างเช่น อาเจียน อาเจียน หรือเวียนหัว ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งที่ช่วยรับรองคุณลักษณะนี้เป็นการทดลองในหญิงที่แก่ท้องต่ำลงมากยิ่งกว่า 20 อาทิตย์ จำนวน 120 คน ซึ่งเผชิญอาการแพ้ท้องทุกวี่ทุกวันนานขั้นต่ำ 1 สัปดาห์ และไม่รู้สึกดีขึ้นแม้จะแปลงการทานอาหารและจากนั้นก็ตาม ภายหลังรับประทานสารสกัดจากขิง 125 มิลลิกรัม ซึ่งเทียบเท่ากับขิงแห้ง 1.5 กรัม วันละ 4 ครั้ง 4 วัน ผลสรุปได้ชี้ให้เห็นว่าขิงบางทีอาจสามารถนำมาใช้คุณประโยชน์ในฐานะการดูแลรักษาทางเลือกต่ออาการแพ้ท้องได้
ถือว่าสอดคล้องกับอีกงานศึกษาเรียนรู้วิจัยก่อนหน้าที่ชี้ว่าการกินขิง 1 กรัมต่อวัน ติดต่อนาน 4 วัน สามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการอาเจียนอาเจียนในหญิงท้องที่มีลักษณะแพ้ท้องได้ แต่การใช้ขิงสำหรับคุณค่าด้านนี้บางทีอาจมองเห็นการดูแลและรักษาได้ช้ากว่าหรือให้ผลดีไม่พอๆกับการใช้ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน นอกเหนือจากนั้น การศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับคุณสมบัติช่วยลดอาการแพ้ท้องของขิงยังมีข้อกำหนดและเจอคำตอบที่ไม่บ่อยนัก โดยมีบางการทดลองที่ชี้ว่าขิงอาจไม่ได้มีส่วนช่วยสำหรับในการลดอาการแพ้ท้องเช่นเดียวกัน
อาการตาลายศีรษะ อาการที่เกิดขึ้นพร้อมด้วยการอ้วกนี้อาจบรรเทาให้ดียิ่งขึ้นได้ด้วยการใช้คุณค่าจากขิง จากงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยที่ทดลองด้วยการให้คนที่มีลักษณะอาการบ้านหมุน และก็ตากระเหม็นตุกจากการกระตุ้นโดยใช้อุณหภูมิรับประทานผงเหง้าขิง ปรากฏว่าเหง้าขิงช่วยลดอาการตาลายศีรษะได้อย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับกรุ๊ปที่กินยาหลอก แต่มิได้ช่วยลดระยะเวลาหรือชะลอการกระตุกของตามากนัก
โรคข้อเสื่อม มีการศึกษาเล่าเรียนบางงานที่ชี้ว่าขิงอาจมีคุณประโยชน์ลดลักษณะการเจ็บที่เกิดขึ้นมาจากโรคข้อเสื่อม จากการทดสอบหนึ่งที่ให้ผู้ป่วยรับประทานสารสกัดจากขิงประเภทหนึ่ง (Zintona EC) ในปริมาณ 250 กรัม วันละ 4 ครั้ง พบว่าช่วยลดอาการปวดข้อหัวเข่าหลังจากการดูแลและรักษาตรงเวลา 3 เดือน ส่วนอีกงานศึกษาเรียนรู้ที่ใช้สารสกัดจากขิงผสมกับข่า พบว่าให้ผลลัพธ์สำหรับเพื่อการช่วยลดลักษณะการเจ็บขณะยืน ลักษณะการเจ็บข้างหลังเดิน และอาการข้อติด
นอกจากนั้น มีการศึกษาเปรียบเทียบคุณภาพระหว่างขิงรวมทั้งยาแก้ปวด โดยให้ผู้ป่วยโรคข้ออักเสบในกระดูกสะโพกและก็ข้อหัวเข่ากินสารสกัดขิง 500 มก.วันแล้ววันเล่า วันละ 2 ครั้ง ขิงให้ผลบรรเทาลักษณะของการปวดได้เท่ากันกับการใช้ยาไอบูโพรเฟน 400 มก. วันละ 3 ครั้ง แล้วก็ยังมีงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยที่ชี้แนะว่าการนวดด้วยน้ำมันที่มีส่วนผสมของขิงแล้วก็ส้มบางทีอาจช่วยบรรเทาลักษณะของการปวดรวมทั้งอ่อนล้าที่เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆของคนไข้ที่มีอาการเจ็บเข่าได้ด้วย
อาการปวดเมนส์ นอกจากอาการปวดจากโรคข้อเสื่อม การเรียนรู้บางงานยังชี้ว่าขิงอาจมีคุณสมบัติช่วยทุเลาอาการปวดรอบเดือน ยกตัวอย่างเช่น การทดลองในนักศึกษามหาวิทยาลัย 120 คน โดยให้รับประทานผงเหง้าขิงทีละ 500 มก. วันละ 3 ครั้งในช่วง 2 วันก่อนเริ่มมีระดูสม่ำเสมอไปจนกระทั่ง 3 วันแรกของการมีระดู รวมเป็น 5 วัน พบว่าผงเหง้าขิงมีส่วนช่วยลดความรุนแรงของอาการปวดเมนส์ได้อย่างมีนัยสำคัญด้านการศึกษาเล่าเรียนเปรียบเทียบคุณภาพของขิงแล้วก็ยาลดอาการปวดประจำเดือนอย่างเมเฟนามิค (Mefenamic acid) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) 400 มก. ในอาสาสมัคร 150 คน โดยแบ่งกลุ่มรับประทานแคปซูลขิงหรือยาแต่ละประเภทในปริมาณ 250 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง นาน 3 วัน โดยเริ่มตั้งแต่มีประจำเดือน ผลลัพธ์ปรากฏไปในทำนองเดียวกันกับงานค้นคว้าแรกหมายถึงขิงมีประสิทธิภาพทุเลาความรุนแรงของอาการปวดระดูไม่ได้มีความแตกต่างกับการใช้ยาเมเฟนามิคหรือไอบูโพรเฟน
การดูแลและรักษาที่อาจไม่เป็นผล
อาการเมารถและเมาเรือ นับเป็นคุณประโยชน์ของขิงที่มีการพูดถึงกันมากมาย แต่ทว่าถึงแม้ขิงบางครั้งอาจจะช่วยลดอาการวิงเวียนได้ แต่สำหรับการเวียนหัวอ้วกที่เกิดขึ้นจากการเดินทางนั้น งานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยส่วนใหญ่บอกว่าขิงบางทีอาจไม่มีส่วนช่วยได้จริง ตัวอย่างเช่น การแบ่งกลุ่มให้ผู้เรียนนายเรือ 80 คนที่ไม่คุ้นเคยกับการออกเรือท่ามกลางสมุทรที่มีคลื่นแรง รับประทานเหง้าขิง 1 กรัม เทียบกับอีกกรุ๊ปที่กินยาหลอก ปรากฏว่ากลุ่มที่กินขิงนั้นมีลักษณะอาการคลื่นไส้รวมทั้งวิงเวียนลดลงจริงแต่ว่าอยู่ในระดับบางส่วนเพียงแค่นั้น หรือในอีกการค้นคว้าที่ชี้ว่าการรับประทานผงขิงในปริมาณ 500 กรัม 1,000 กรัม หรือเหง้าขิงสด 1,000 มิลลิกรัม ต่างไม่มีส่วนช่วยในการปกป้องอาการเมารถหรือรูปแบบการทำงานของกระเพาะอาหารที่เกี่ยวพันกับอาการเมารถที่เกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด
การดูแลและรักษาที่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอต่อการกำหนดสมรรถนะ
อาการอ้วกอ้วกจากวิธีการทำเคมีบรรเทา อีกหนึ่งคุณประโยชน์เป็นลดอาการอาเจียนและก็อ้วก ซึ่งมีการเรียนด้านวิทยาศาสตร์ แต่ว่าหลักฐานเกี่ยวกับการใช้ขิงในคนเจ็บที่รับเคมีบรรเทานั้นยังเป็นที่โต้วาทีกันอยู่ว่าจะมีส่วนช่วยได้จริงหรือไม่ การศึกษาหนึ่งที่ชี้ถึงคุณประโยชน์ข้อนี้ของขิง โดยให้ผู้เจ็บป่วยรับประทานแคปซูลขิงที่มีขิง 0.5-1.5 กรัม เทียบกับยาหลอก ตั้งแต่ 3 วันก่อนวันทำเคมีบรรเทานานสม่ำเสมอตรงเวลา 6 วัน พบว่า มีระดับความร้ายแรงของอาการอาเจียนที่เกิดขึ้นภายหลังจากการดูแลและรักษาน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้กินแคปซูลขิง แม้กระนั้นเห็นผลได้ชัดในกลุ่มที่ใช้แคปซูลขิง 0.5 กรัม กับ 1 กรัมแค่นั้น ส่วนกรุ๊ปที่รับประทานแคปซูลขิง 1.5 กรัมกลับเห็นผลน้อยกว่า หมายความว่าการรับประทานขิงในปริมาณมากจึงบางทีอาจไม่ได้ทำให้อาการอาเจียนอย่างที่น่าจะเป็น
อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานที่โต้แย้งข้อช่วยเหลือดังที่กล่าวถึงมาแล้วซึ่งเป็นงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยที่เปิดเผยว่าการกินขิงมิได้มีคุณภาพดีไปกว่าการใช้ยาแก้อาเจียน ทั้งนี้ ผลวิจัยที่ขัดแย้งกันนี้ คาดว่าอาจมีปัจจัยมาจากจำนวนขิงที่ใช้ทดสอบนั้นไม่เหมือนกัน รวมถึงตอนที่เริ่มรักษาโดยใช้ ขิงจะนำมาใช้ประโยชน์ทางด้านการแพทย์ในด้านนี้แล้วได้ผลหรือเปล่าคงจะควรมีการพิสูจน์เพิ่มเติมถัดไป
โรคเบาหวาน คุณสมบัติของขิงต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของคนไข้เบาหวานในขณะนี้ยังส่งผลการค้นคว้าที่ไม่แน่นอน งานศึกษาค้นคว้าวิจัยหนึ่งพบว่าการกินขิง 2 กรัม นาน 12 สัปดาห์ สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม ระดับไขมันในเลือด รวมทั้งสารมาลอนไดอัลดีไฮด์ที่แสดงถึงระดับอนุมูลอิสระในคนเจ็บเบาหวานชนิดที่ 2 และก็อาจช่วยลดการเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังบางจำพวกจากโรคเบาหวานได้ ในเวลาเดียวกัน มีงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยอื่นๆที่เสนอแนะว่าขิงนั้นส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดจริง แต่ไม่มีผลต่อระดับอินซูลิน หรือบางงานศึกษาวิจัยกล่าวว่าขิงมีผลกับอินซูลิน กลับไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดน้อยลง ซึ่งผลการศึกษาเรียนรู้ที่แตกต่างกันนั้นอาจมาจากปริมาณขิงหรือช่วงเวลาที่คนไข้ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคโรคเบาหวานในแต่ละการทดลองนั้นแตกต่างกันนั่นเอง
อาหารไม่ย่อย มีการวิจัยศึกษาเล่าเรียนคุณภาพของขิงในคนป่วยที่มีลักษณะอาหารไม่ย่อยปริมาณ 11 คน โดยให้กินแคปซูลที่มีขิง 1.2 กรัมหลังจากการอดอาหาร 8 ชั่วโมง ผลปรากฏว่าขิงช่วยกระตุ้นให้กระเพาะเกิดการย่อยของกินและก็มีการบีบตัวของกระเพาะส่วนปลาย แต่ทว่าการกินขิงนั้นไม่มีผลต่ออาการที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารหรือสารเปปไทด์ในไส้ อย่างไรก็ดี ผู้ร่วมการทดสอบนี้มีจำนวนน้อย ทำให้ไม่อาจระบุได้อย่างเห็นได้ชัดว่าขิงช่วยลดอาการอาหารไม่ย่อยได้แน่ๆเท่าใด
อาการเมาค้าง เชื่อกันว่าการกินน้ำขิงจะสามารถช่วยทุเลาอาการเมาค้างซึ่งได้ผลสำเร็จข้างเคียงจากการดื่มแอลกอฮอล์ได้ สำหรับประโยชน์ข้อนี้มีการค้นคว้าแต่ก่อนที่เสนอแนะว่าการผสมขิงกับเปลือกข้างในของส้มเขียวหวาน รวมทั้งน้ำตาลทรายแดงก่อนดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยลดอาการแฮงค์ในคราวหลัง รวมถึงอาการคลื่นไส้ คลื่นไส้รวมทั้งท้องเดิน แม้กระนั้น การเล่าเรียนดังกล่าวข้างต้นยังจัดว่าไม่แน่ชัดอยู่มากและไม่บางทีอาจรับประกันได้ว่าเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากขิงจริงๆหรือส่วนประกอบอื่นๆที่ใช้ประกอบ
ลดคอเลสเตอรอล คุณลักษณะของขิงซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลนั้นได้มีการทดสอบโดยให้ผู้เจ็บป่วยที่มีภาวการณ์ไขมันในเลือดสูงกินแคปซูลขิงวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 กรัม ผลลัพธ์ระบุว่าเมื่อเทียบกับคนป่วยกลุ่มที่กินยาหลอก ขิงมีประสิทธิภาพช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลลงได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง ซึ่งการใช้ขิงลดระดับคอเลสเตอรอลจะให้ผลดีจนสามารถนำมาใช้รักษาผู้ป่วยภาวการณ์นี้ได้หรือไม่อาจจะต้องรอการเล่าเรียนในอนาคตที่แจ่มกระจ่างกันต่อไป
อาการเจ็บกล้ามเนื้อข้างหลังออกกำลังกาย คุณลักษณะด้านการบรรเทาปวดแล้วก็ลดการอักเสบของขิงจะช่วยลดอาการเจ็บจากการบริหารร่างกายได้ด้วยไหมนั้นยังคงไม่กระจ่างรวมทั้งเป็นที่ถกเถียงกันอยู่เช่นกัน จากการทดสอบหนึ่งที่ให้ผู้เข้าร่วมรับประทานขิงสดหรือขิงที่ทำให้สุกด้วยความร้อนแล้ว 2 กรัมอย่างต่อเนื่องนาน 11 วัน พบว่าขิงสดและก็ขิงสุกต่างมีส่วนช่วยลดอาการเจ็บกล้ามจากการบริหารร่างกายแบบหดยืดกล้ามได้ในระดับปานกลางไปจนถึงระดับมาก
แต่ทว่าอีกการค้นคว้าหนึ่งกลับเจอผลตรงกันข้าม จากการให้ผู้เข้าร่วมการทดลองที่ทำกิจกรรมออกกำลังกายยืดหดกล้ามเนื้อแบบเดียวกัน รับประทานขิง 2 กรัมในช่วง 24 ชั่วโมงและก็ 48 ชั่วโมงหลังจากการออกกำลังกาย พบว่ามิได้ส่งผลให้ลักษณะการเจ็บกล้าม การอักเสบ หรือบาดเจ็บที่เกิดขึ้นมาจากการบริหารร่างกายลดลง แต่ว่าผู้วิจัยพบว่าการกินขิงอาจช่วยทำให้ลักษณะของการเจ็บกล้ามเบาๆในแต่ละวัน บางทีอาจไม่เห็นผลได้ในทันที
ลักษณะของการปวดศีรษะไมเกรน มีการเล่าเรียนกับคนไข้ 100 คน ที่เคยมีอาการปวดศีรษะไมเกรนกระทันหันโดยให้รับผงขิงหรือยารักษา http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรขิง

 

Sitemap 1 2 3