ผู้เขียน หัวข้อ: บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ  (อ่าน 348 ครั้ง)

าร

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 22
    • ดูรายละเอียด

บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ
บุก มาแล้ว ! บุกมาแล้ว !  รีบหนีเร็ว  เอ๊ะอย่างไรนี่ พวกเรากำลังดูหนังการสู้รบอยู่เหรอ เปล่าครับผม บุกในที่นี้มิได้ถึงข้าศึกบุก แต่ว่าซึ่งก็คือหัวบุก สมุนไพรไทยบ้านเรา ต่างหาก และที่จะต้องหนี ไม่ใช่คนใดที่แห่งไหน แม้กระนั้นเป็นโรคฮอตได้รับความนิยมในขณะนี้อย่างโรคอ้วน โรคเบาหวาน ต่างหากที่จำต้องหนีไป
บุก ส่วนที่มองเห็นคือ หัวบุก ตอนแรกเรื่องของบุกในเมืองไทย มันก็ไม่ได้แพร่หลายหรือเป็นยอดนิยมเหมือนเวลานี้ด้วยเหตุว่าจริงๆตอนแรกมันก็เป็นพืชพื้นบ้านอยู่ดี  คนภายในท้องถิ่นก็นำบุกมาทำกับข้าว เสมือนเผือก เหมือนมันทั่วๆไปเพียงพอเริ่มมีคนมาศึกษาค้นคว้า   สรรพคุณต่างๆของมัน เลยเปลี่ยนเป็นพืชสมุนไพรไทยยอดนิยม มีการแปรรูปเป็นแบบต่างๆตั้งแต่สารสกัด บุกผง วุ้นบุก และอื่นๆอีกมากมาย วันนี้เองก็คงจะไม่ช้าเหลือเกินที่จะนำทุกท่านมารู้จัก พืชสมุนไพรไทย ที่เรียกว่าบุกกันแบบลึกซึ้งมารู้จักบุกกัน
ชื่อไทย   บุก
ชื่อสามัญ  Konjac ,  devil’s tongue  (ลิ้นอสุรกาย  น่าสะพรึงกลัวครับชื่อนี้ คาดว่ามาจากรูปแบบของดอกบุก )   , shade palm, umbrella arum
ชื่อวิทยาศาสตร์      Amorphophallus rivieri Durieu cv. Konjac
ชื่อตระกูล    ARACEAE
ชื่อตามแคว้น  :  บุกคุงคก (จังหวัดชลบุรี) เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน) มันซูรัน (ภาคดลาง)  หัวบุก (จังหวัดปัตตานี) บุกคางคก  (ภาคกึ่งกลาง, เหนือ) บุกหนาม บุกหลวง (แม่ฮ่องสอน)  กระบุก (อิสาน)
เราเจอบุกได้ที่ไหน
บุกเป็นพืชป่าล้มลุกที่พบทั่วไปทุกภาคของประเทศ โดยขึ้นกับตาม ป่าเขา แล้วก็บางทีก็พบตามพื้นที่ ทำนา เช่นที่ปทุมธานี และก็จังหวัดนนทบุรี เป็นต้น บุกขึ้นได้ในสภาพดินทุกชนิด แต่ว่าจะเติบโตได้ดิบได้ดีให้หัวขนาด ใหญ่ได้ในดินซึ่งร่วนซุย น้ำไม่ขังแล้วก็ดินที่มีฮิวมัส หรือสารอินทรีย์สูง
รูปแบบของต้นบุก
ลักษณะของต้น บุก บ่งบอกถึงองค์ประกอบเป็นใบบุก รวมทั้งหัวบุกลำต้นใต้ดิน  บุกมีลำต้นใต้ดินหรือที่พวกเราเรียกแบบง่ายๆก็คือ หัวบุก  ลักษณะเดียวกันกับเรียกหัวเผือก หัวมัน ขนาดอยู่ที่โดยประมาณ 25 เซนติเมตร (บางพันธ์บางทีอาจเล็กกว่านี้ )ทรงกลมแป้นลักษณะทรงเดียวกับลูกฟักทอง แต่บางสายพันธ์มีลักษณะพิเศษแตกต่างออกไป  ซึ่งส่วนนี้เอง เป็นใช้ที่สะสมอาหารของบุก
 ใบบุก  ลักษณะเสมือนใบมะละกอ มีสีเขียวเข้ม บางจำพวกมีก้านใย เป็นลวดลายบางชนิดมีหนามอ่อนๆ หรือบางครั้งบุกบางประเภทก็มีใบมีจุดแบบไข่ปลาสีขาวข้างบน  จะมีความคิดเห็นว่าใบบุกมีใบลักษณะที่หลากหลายมาก  แม้กระนั้นที่เด่นๆพินิจง่ายว่าเป็บุกเป็น จะมีก้านตรงจากกลางของหัว เมื่อโผล่จากดินแล้วแผ่กางออก 3 ทาง มีทรงแผ่กว้างแบบร่ม แม้กระนั้นบาง จำพวกจะแปลกตรงที่กลับขึ้นข้างบนราวกับหงายร่ม ดังนั้นรูปแบบของใบบุก มีหลายแบบอย่างสังกัดประเภทของบุก
ดอกของบุกลักษณะดอกดอกคล้ายต้นหน้าวัว แต่ละประเภทมีขนาด สี และก็รูป ทรงแตกต่าง บางประเภทมีดอกใหญ่มาก โดยเฉพาะบุกคางคก ดอกบุกมีกลิ่น เหม็นเสมือนเนื้อสัตว์เน่า บุกจำพวกอื่นๆมีดอกเล็กก้านดอกจะโผล่ขึ้นตรง จากกึ่งกลางหัวบุก เหมือนกับก้านใบ บุกชอบมีดอกในช่วงปลายฤดูแล้ง แม้กระนั้นบุกสามารถออกดอกได้ในตอน เวลาต่างๆกัน ระยะเวลาสำหรับในการแก่สุดกำลัง ของดอกที่จะติดผลก็แตกต่าง
 ผลบุก (อย่าสับสนกับหัวบุกนะ ) ภายหลังจากดอก ผสมพันธุ์ก็จะเป็นผล ผลอ่อนของบุก มีสีขาวอมเหลือง พออายุ ได้ 1-2 เดือน จะส่งผลสีเขียวเข้ม มีจุดดำที่ปลายคล้ายผลกล้วย ผล ของบุกโดยมากจะมีลักษณะคล้ายกัน แม้กระนั้นเม็ดภายในแตกต่างกัน พบว่าส่วนมากมีเม็ดเป็นทรงอูมยาว  บุกบางประเภทก็มีเม็ดในกลม   ผลแก่ของบุกจะมีสีแดงหรือแดงส้ม

บุกกับการนำมาทำกับข้าว
เป็นพืชของกินพื้นบ้านซึ่งคนไทยนำเอาก้านใบมาแกงส้ม ลวกจิ้มน้ำพริก     ท่อนหัวบุกมีการนำไปปรับเปลี่ยนตามแต่ละภูมิภาค ยกตัวอย่างเช่นทางภาคอีสาน มีการทำขนมที่เรียกว่าขนมบุก แกงบรรพชามันบุก แกงอีสาน (แกงลาว)   ภาคตะวันออกจะมีการฝาน หัวบุกเป็นแผ่น บางบาง แล้วนำมานึ่งกินกับข้าว ทางภาคเหนือโดยยิ่งไปกว่านั้นชาวดอย มักเอามา ปิ้งรับประทาน ภาคกึ่งกลางมักนำหัวบุกที่ฝานเป็นชิ้นบางๆมาแช่น้ำปูน แช่น้ำก่อนล้างหลายๆครั้งแล้วจากนั้นจึงค่อยนำไปทำเป็นอาหารว่าง
*บุกมีหลายอย่างหลายประเภท บางทีอาจขมรวมทั้งมีพิษ ทุกประเภทมีผลึกแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate) ในขณะที่ก้านใบแล้วก็หัว ซึ่งอาจจะเป็นผลให้คัน ก่อนนำมาประกอบอาหารจำต้องต้มเสียก่อน มิเช่นนั้นรับประทานเข้าไปทำให้คันปากและลิ้นพอง
อาหารที่ดัดแปลงมาจากบุก
ปัจจุบันมีการนำบุกมาแปรรูป ทั้งยังในรูปแบบของเส้นบุก ซึ่งเป็นสินค้าดัดแปลงจากส่วนหัวบุก มีแบบเส้นใส สามารถเอามาปรุงเป็นของกินจานอร่อยได้ ผมว่าคนใดเคยไปรับประทานเนื้อย่างอาจจะเคยพบบ้าง นอกจากเส้นบุกแล้วมีการเอามาผสมเครื่องดื่มต่างๆเอาแบบได้รับความนิยมๆอดีตสมัยเป็นเจเล่ ผสมผงบุก ถ้าจำไม่ผิดอันนี้เขามาทำเป็นรายแรก (ผู้ครอบครองบริษัทผ่านมาอ่านขอค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ด้วยนะครับ)
คุณประโยชน์ของบุก
จากการเรียนรู้พบว่า  แป้งบุกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน พวกกลูโคแมนแนน (glucomannan) เป็นสารโมเลกุลใหญ่ (polysaccharides)ที่มีน้ำตาล 2 ชนิดเป็นดี-เดกซ์โทรส (D-glucose) รวมทั้ง (D-mannose) เป็นสารที่มีสาระต่อร่างกายในรูปของใยอาหาร (dietary fiber)  ซึ่งดูดน้ำได้มาก แม้กระนั้นร่างกายเสื่อมสภาพได้ยาก ซับได้ช้า ก็เลยให้พลังงานแล้วก็สารอาหารน้อย เหลือกากมาก ทำให้ระบบขับถ่ายดำเนินงานดี ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักนิยมรับประทานอาหารจากแป้งบุก ยกตัวอย่างเช่น วุ้นเส้นบุก เส้นหมี่แป้งหัวบุก เนื่องจากรับประทานอิ่มได้ ระบายท้อง แต่ไม่ทำให้อ้วน
นอกเหนือจากนี้เองเจ้า สารกลูวัวแมนแนนนี้ สามารถลดจำนวนน้ำตาลในเลือดได้ ก็เพราะความรั้ง ซึ่งยับยั้งการดูดซึมของกลูวัวลสจากทางเดินอาหาร ยิ่งหนืดมาก็ยิ่งส่งผลลดการดูดซึมกลูวัวลส เพราะฉะนั้น กลูวัวแมนแนนช่วยลดน้ำตาลได้ดิบได้ดีมาก ปัจจุบันนี้จึงใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นอาหารสำหรับคนเจ็บเป็นโรคเบาหวาน และสำหรับผู้เจ็บป่วยเป็นโรคมีไขมันในเลือดสูง
นี่แหละครับเป็นผลดีจากบุก ทดลองหามาทานกันครับผม เป็นประโยชน์ขนาดนี้ สมัยปัจจุบันนี้ไม่หายากแล้วเดินไปห้าง ก็ได้บุกเส้นแล้ว แนะนำมามายำแบบยำวุ้นเส้นครับผม ยืนยันอร่อยแท้ๆ http://www.disthai.com/

 

Sitemap 1 2 3