ผู้เขียน หัวข้อ: บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ  (อ่าน 342 ครั้ง)

wef7172

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 8
    • ดูรายละเอียด

บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ
บุก มาแล้ว ! บุกมาแล้ว !  รีบหนีเร็ว  เอ๊ะอย่างไรนี่ เรากำลังดูหนังการรบอยู่เหรอ เปล่าขอรับ บุกในที่นี้ไม่ได้ถึงข้าศึกบุก แต่หมายคือหัวบุก สมุนไพรไทยบ้านพวกเรา ต่างหาก แล้วก็ที่จำต้องหนี ไม่ใช่คนไหนกันไหน แต่เป็นโรคฮอตได้รับความนิยมในขณะนี้อย่างโรคอ้วน เบาหวาน ต่างหากที่จำต้องหนีไป
บุก ส่วนที่เห็นเป็น หัวบุก ทีแรกเรื่องของบุกในเมืองไทย มันก็ไม่ได้แพร่หลายหรือเป็นที่ได้รับความนิยมราวกับขณะนี้เพราะจริงๆทีแรกมันก็เป็นพืชพื้นเมืองอยู่ดี  คนในเขตแดนก็นำบุกมาทำครัว ราวกับเผือก เหมือนมันทั่วๆไปพอเพียงเริ่มมีคนมาวิจัย   สรรพคุณต่างๆของมัน เลยกลายเป็นพืชสมุนไพรไทยยอดนิยม มีการดัดแปลงเป็นรูปแบบต่างๆตั้งแต่สารสกัด บุกผง วุ้นบุก แล้วก็อื่นๆอีกมาก วันนี้เองก็น่าจะไม่ช้าเกินไปที่จะนำทุกท่านมารู้จะ พืชสมุนไพรไทย ที่เรียกว่าบุกกันแบบลึกซึ้งมารู้จักบุกกัน
ชื่อไทย   บุก
ชื่อสามัญ  Konjac ,  devil’s tongue  (ลิ้นปีศาจ  น่าสยดสยองครับชื่อนี้ คาดว่ามาจากลักษณะของดอกบุก )   , shade palm, umbrella arum
ชื่อวิทยาศาสตร์      Amorphophallus rivieri Durieu cv. Konjac
ชื่อวงศ์    ARACEAE
ชื่อตามเขตแดน  :  บุกลุกงคก (จังหวัดชลบุรี) เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน) มันซูรัน (ภาคดลาง)  หัวบุก (ปัตตานี) บุกคางคก  (ภาคกึ่งกลาง, เหนือ) บุกหนาม บุกหลวง (แม่ฮ่องสอน)  กระบุก (อิสาน)
พวกเราเจอบุกถึงที่เหมาะไหน
บุกเป็นพืชป่าล้มลุกที่พบทั่วไปทุกภาคของประเทศ โดยขึ้นอยู่กับตาม ชายเขา และบางครั้งบางคราวก็พบตามพื้นที่ ทำไร่ทำนา ได้แก่ที่ปทุมธานี และก็จังหวัดนนทบุรี เป็นต้น บุกขึ้นได้ในภาวะดินทุกชนิด แต่ว่าจะเจริญวัยเจริญให้หัวขนาด ใหญ่ได้ในดินที่ร่วนซุย น้ำไม่ขังรวมทั้งดินที่มีฮิวมัส หรือสารอินทรีย์สูง
รูปแบบของต้นบุก
รูปแบบของต้น บุก แสดงให้เห็นองค์ประกอบคือใบบุก แล้วก็หัวบุกลำต้นใต้ดิน  บุกมีลำต้นใต้ดินหรือที่เราเรียกแบบง่ายๆก็คือ หัวบุก  ชนิดเดียวกันกับเรียกหัวเผือก หัวมัน ขนาดอยู่ที่โดยประมาณ 25 เซนติเมตร (บางพันธ์อาจเล็กมากยิ่งกว่านี้ )ทรงกลมแป้นลักษณะทรงเดียวกับลูกฟักทอง แต่ว่าบางสายพันธ์มีลักษณะพิเศษต่างกันออกไป  ซึ่งส่วนนี้เอง เป็นใช้ที่สะสมของกินของบุก
 ใบบุก  ลักษณะเสมือนใบมะละกอ มีสีเขียวเข้ม บางประเภทมีก้านใย เป็นลวดลายบางจำพวกมีหนามอ่อนๆ หรือบางทีบุกบางชนิดก็มีใบมีจุดแบบไข่ปลาสีขาวด้านบน  จะมีความเห็นว่าใบบุกมีใบลักษณะที่นานาประการมาก  แม้กระนั้นที่เด่นๆดูง่ายว่าเป็บุกเป็น จะมีก้านตรงจากกลางของหัว เมื่อโผล่จากดินแล้วแผ่กางออก 3 ทาง มีทรงแผ่กว้างแบบร่ม แม้กระนั้นบาง พันธุ์จะแปลกตรงที่กลับขึ้นข้างบนราวกับหงายร่ม เพราะฉะนั้นลักษณะของใบบุก มีหลายต้นแบบขึ้นกับประเภทของบุก
ดอกของบุกลักษณะดอกดอกคล้ายต้นหน้าวัว แต่ละจำพวกมีขนาด สี รวมทั้งรูป ทรงแตกต่าง บางจำพวกมีดอกใหญ่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุกคางคก ดอกบุกมีกลิ่น เหม็นเสมือนเนื้อสัตว์เน่า บุกจำพวกอื่นๆมีดอกเล็กก้านดอกจะโผล่ขึ้นตรง จากกลางหัวบุก เหมือนกันกับก้านใบ บุกมักจะมีดอกในช่วงปลายฤดูแล้ง แม้กระนั้นบุกสามารถมีดอกได้ในตอน เวลาต่างๆกัน ช่วงเวลาในการแก่เต็มที่ ของดอกที่จะติดผลก็แตกต่างกัน
 ผลบุก (อย่างงกับหัวบุกนะ ) ภายหลังดอก สืบพันธุ์ก็จะเป็นผล ผลอ่อนของบุก มีสีขาวอมเหลือง พออายุ ได้ 1-2 เดือน จะมีผลสีเขียวเข้ม มีจุดดำที่ปลายเหมือนผลกล้วย ผล ของบุกส่วนใหญ่จะมีลักษณะคล้ายกัน แม้กระนั้นเมล็ดภายในแตกต่าง พบว่าส่วนใหญ่มีเมล็ดเป็นทรงอูมยาว  บุกบางชนิดก็มีเม็ดในกลม   ผลแก่ของบุกจะมีสีแดงหรือแดงส้ม

บุกกับการนำมาทำอาหาร
เป็นพืชของกินพื้นบ้านซึ่งคนไทยนำเอาก้านใบมาแกงส้ม ลวกจิ้มน้ำพริก     ท่อนหัวบุกมีการนำไปปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงตามแต่ละภูมิภาค เป็นต้นว่าทางภาคอีสาน มีการทำขนมที่เรียกว่าขนมบุก แกงบรรพชามันบุก แกงอีสาน (แกงลาว)   ภาคทิศตะวันออกจะมีการฝาน หัวบุกเป็นแผ่น บางบาง แล้วนำมานึ่งรับประทานกับข้าว ทางภาคเหนือโดยยิ่งไปกว่านั้นคนภูเขา มักเอามา ปิ้งรับประทาน ภาคกึ่งกลางมักนำหัวบุกที่ฝานเป็นชิ้นบางๆมาแช่น้ำปูน แช่น้ำก่อนล้างหลายๆครั้งแล้วจึงนำไปทำเป็นของหวาน
*บุกมีหลายประเภทหลายประเภท อาจขมและเป็นพิษ ทุกประเภทมีผลึกแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate) ทั้งๆที่ก้านใบและก็หัว ซึ่งอาจจะทำให้คัน ก่อนเอามาประกอบอาหารจำเป็นต้องต้มซะก่อน มิเช่นนั้นกินเข้าไปทำให้คันปากแล้วก็ลิ้นพอง
ของกินที่แปรรูปมาจากบุก
ปัจจุบันนี้มีการนำบุกมาดัดแปลง ในรูปแบบของเส้นบุก ซึ่งคือผลิตภัณฑ์ดัดแปลงจากส่วนหัวบุก มีแบบเส้นใส สามารถเอามาปรุงเป็นอาหารจานอร่อยได้ ผมว่าคนใดกันแน่เคยไปรับประทานเนื้อย่างอาจเคยเจอบ้าง นอกเหนือจากเส้นบุกแล้วมีการนำมาผสมเครื่องดื่มต่างๆเอาแบบฮิตๆยุคเก่าหมายถึงเจเล่ ผสมผงบุก หากจำไม่ผิดอันนี้เขามาทำเป็นรายแรก (ผู้ครอบครองบริษัทผ่านมาอ่านขอค่าโฆษณาด้วยครับผม)
สรรพคุณของบุก
จากการศึกษาเล่าเรียนพบว่า  แป้งบุกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน พวกกลูโคแมนแนน (glucomannan) เป็นสารโมเลกุลใหญ่ (polysaccharides)ที่ประกอบด้วยน้ำตาล 2 จำพวกหมายถึงดี-กลูโคส (D-glucose) และก็ (D-mannose) เป็นสารที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพในรูปของใยอาหาร (dietary fiber)  ซึ่งดูดน้ำได้มาก แต่ร่างกายสลายตัวได้ยาก ดูดซับได้ช้า ก็เลยให้พลังงานและก็สารอาหารน้อย เหลือกากมาก ทำให้ระบบขับถ่ายปฏิบัติงานดี ผู้ที่ต้องการลดความอ้วนนิยมรับประทานอาหารจากแป้งบุก ดังเช่นว่า วุ้นเส้นบุก เส้นหมี่แป้งหัวบุก เพราะเหตุว่ากินอิ่มได้ ระบายท้อง แม้กระนั้นไม่ทำให้อ้วน
ยิ่งกว่านั้นเองเจ้า สารกลูโคแมนแนนนี้ สามารถลดจำนวนน้ำตาลในเลือดได้ ก็เนื่องจากความรั้ง ซึ่งยับยั้งการดูดซึมของกลูวัวลสจากทางเดินอาหาร ยิ่งหนืดมาก็ยิ่งมีผลลดการดูดซึมกลูวัวลส โดยเหตุนั้น กลูวัวแมนแนนช่วยลดน้ำตาลได้ดีมากมาย ปัจจุบันจึงใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นอาหารสำหรับคนเจ็บเป็นโรคโรคเบาหวาน รวมทั้งสำหรับคนไข้เป็นโรคมีไขมันในเลือดสูง
นี่แหละนะครับคือประโยชน์จากบุก ทดลองหามาทานกันนะครับ มีคุณประโยชน์ขนาดนี้ สมัยนี้ไม่หายากแล้วเดินไปห้าง ก็ได้บุกเส้นแล้ว ชี้แนะมามายำแบบยำวุ้นเส้นครับ รับประกันอร่อยแท้ๆ http://www.disthai.com/

 

Sitemap 1 2 3