ผู้เขียน หัวข้อ: บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ  (อ่าน 306 ครั้ง)

one005464a5

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 5
    • ดูรายละเอียด

บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ
บุก มาแล้ว ! บุกมาแล้ว !  รีบหนีเร็ว  เอ๊ะอย่างไรนี่ พวกเรากำลังดูหนังการสู้รบอยู่เหรอ ไม่ครับผม บุกในที่นี้มิได้ถึงศัตรูบุก แม้กระนั้นหมายถึงหัวบุก สมุนไพรไทยบ้านเรา ต่างหาก และที่จำต้องหนี ไม่ใช่ใครที่ใด แต่ว่าเป็นโรคฮอตฮิตในขณะนี้อย่างโรคอ้วน เบาหวาน ต่างหากที่จะต้องหนีไป
บุก ส่วนที่เห็นเป็น หัวบุก ตอนแรกเรื่องของบุกในประเทศไทย มันก็มิได้แพร่หลายหรือเป็นที่ได้รับความนิยมราวกับเวลานี้ด้วยเหตุว่าจริงๆทีแรกมันก็เป็นพืชพื้นบ้านอยู่ดี  คนภายในแคว้นก็นำบุกมาปรุงอาหาร ราวกับเผือก ราวกับมันทั่วๆไปเพียงพอเริ่มมีคนมาศึกษาค้นคว้า   สรรพคุณต่างๆของมัน เลยกลายเป็นพืชสมุนไพรไทยที่ได้รับความนิยม มีการแปรรูปเป็นรูปแบบต่างๆตั้งแต่สารสกัด บุกผง วุ้นบุก และอื่นๆอีกมากมาย วันนี้เองก็คงไม่ช้าเกินไปที่จะนำทุกคนมารู้จัก พืชสมุนไพรไทย ที่เรียกว่าบุกกันแบบถึงกึ๋นมารู้จะบุกกัน
ชื่อไทย   บุก
ชื่อสามัญ  Konjac ,  devil’s tongue  (ลิ้นปิศาจ  น่าขนลุกนะครับชื่อนี้ คาดว่ามาจากรูปแบบของดอกบุก )   , shade palm, umbrella arum
ชื่อวิทยาศาสตร์      Amorphophallus rivieri Durieu cv. Konjac
ชื่อตระกูล    ARACEAE
ชื่อตามเขตแดน  :  บุกลุกงคก (ชลบุรี) เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน) มันซูรัน (ภาคดลาง)  หัวบุก (ปัตตานี) บุกคางคก  (ภาคกึ่งกลาง, เหนือ) บุกหนาม บุกหลวง (แม่ฮ่องสอน)  กระบุก (อิสาน)
พวกเราเจอบุกพอดีไหน
บุกเป็นพืชป่าล้มลุกที่เจอทั่วไปทุกภาคของประเทศ โดยขึ้นอยู่กับตาม ชายป่า และก็บางครั้งบางคราวก็พบตามพื้นที่ ปลูกข้าว อาทิเช่นที่จังหวัดปทุมธานี แล้วก็นนทบุรี เป็นต้น บุกขึ้นได้ในสภาพดินทุกชนิด แต่ว่าจะเจริญเติบโตก้าวหน้าให้หัวขนาด ใหญ่ได้ในดินซึ่งร่วนซุย น้ำไม่ขังรวมทั้งดินที่มีฮิวมัส หรืออินทรียวัตถุสูง
ลักษณะของต้นบุก
ลักษณะของต้น บุก แสดงให้เห็นองค์ประกอบเป็นใบบุก และก็หัวบุกลำต้นใต้ดิน  บุกมีลำต้นใต้ดินหรือที่เราเรียกแบบง่ายๆก็คือ หัวบุก  ลักษณะเดียวกันกับเรียกหัวเผือก หัวมัน ขนาดอยู่ที่ประมาณ 25 เซนติเมตร (บางพันธ์บางทีอาจเล็กกว่านี้ )ทรงกลมแป้นลักษณะทรงเดียวกับลูกฟักทอง แต่ว่าบางสายพันธ์มีลักษณะพิเศษแตกต่างกันออกไป  ซึ่งส่วนนี้เอง เป็นใช้ที่สะสมอาหารของบุก
 ใบบุก  ลักษณะราวกับใบมะละกอ มีสีเขียวเข้ม บางชนิดมีก้านใย เป็นลวดลายบางประเภทมีหนามอ่อนๆ หรือบางทีบุกบางประเภทก็มีใบมีจุดแบบไข่ปลาสีขาวด้านบน  จะมีความคิดเห็นว่าใบบุกมีใบลักษณะที่นานัปการมาก  แม้กระนั้นที่เด่นๆพิจารณาง่ายว่าเป็บุกเป็น จะมีก้านตรงจากกึ่งกลางของหัว เมื่อโผล่จากดินแล้วแผ่กางออก 3 ทาง มีรูปทรงแผ่กว้างแบบร่ม แต่ว่าบาง จำพวกจะแปลกตรงที่กลับขึ้นด้านบนราวกับหงายร่ม ด้วยเหตุนั้นลักษณะของใบบุก มีหลายต้นแบบสังกัดประเภทของบุก
ดอกของบุกลักษณะดอกดอกเหมือนต้นหน้าโค แต่ละชนิดมีขนาด สี แล้วก็รูป ทรงแตกต่าง บางชนิดมีดอกใหญ่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุกคางคก ดอกบุกมีกลิ่น เหม็นราวกับเนื้อสัตว์เน่า บุกจำพวกอื่นๆมีดอกเล็กก้านดอกจะโผล่ขึ้นตรง จากกลางหัวบุก เหมือนกันกับก้านใบ บุกมักจะมีดอกในช่วงปลายฤดูแล้ง แต่บุกสามารถออกดอกได้ในตอน เวลาต่างๆกัน ช่วงเวลาสำหรับในการแก่สุดกำลัง ของดอกที่จะติดผลก็ต่างกัน
 ผลบุก (อย่างงมากกับหัวบุกนะ ) ภายหลังดอก ผสมพันธุ์ก็จะเกิดผล ผลอ่อนของบุก มีสีขาวอมเหลือง พออายุ ได้ 1-2 เดือน จะมีผลสีเขียวเข้ม มีจุดดำที่ปลายเหมือนผลกล้วย ผล ของบุกส่วนมากจะมีลักษณะคล้ายๆกัน แต่เม็ดข้างในต่างกัน พบว่าโดยมากมีเม็ดเป็นรูปทรงอูมยาว  บุกบางประเภทก็มีเมล็ดในกลม   ผลแก่ของบุกจะมีสีแดงหรือแดงส้ม

บุกกับการนำมาเข้าครัว
เป็นพืชของกินประจำถิ่นซึ่งคนประเทศไทยนำเอาก้านใบมาแกงส้ม ลวกจิ้มน้ำพริก     ส่วนหัวบุกมีการนำไปดัดแปลงตามแต่ละภูมิภาค ดังเช่นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการทำของหวานที่เรียกว่าขนมบุก แกงบรรพชามันบุก แกงอีสาน (แกงลาว)   ภาคทิศตะวันออกจะมีการฝาน หัวบุกเป็นแผ่น บางบาง แล้วนำมานึ่งกินอาหาร ทางภาคเหนือโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวเขา มักเอามา ปิ้งกิน ภาคกลางมักนำหัวบุกที่ฝานเป็นชิ้นบางๆมาแช่น้ำปูน แช่น้ำก่อนล้างหลายๆครั้งแล้วจากนั้นจึงค่อยนำไปทำเป็นของหวาน
*บุกมีหลายแบบหลายจำพวก บางทีอาจขมรวมทั้งเป็นพิษ ทุกประเภทมีผลึกแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate) ทั้งๆที่ก้านใบรวมทั้งหัว ซึ่งอาจส่งผลให้คัน ก่อนเอามาทำอาหารจำเป็นต้องต้มซะก่อน ไม่งั้นกินเข้าไปทำให้คันปากแล้วก็ลิ้นพอง
อาหารที่ดัดแปลงมาจากบุก
ตอนนี้มีการนำบุกมาแปรรูป ทั้งยังในลักษณะของเส้นบุก ซึ่งเป็นสินค้าแปรรูปจากส่วนหัวบุก มีแบบเส้นใส สามารถนำมาปรุงเป็นอาหารจานอร่อยได้ ผมว่าคนไหนกันแน่เคยไปรับประทานเนื้อย่างอาจเคยเจอบ้าง เว้นแต่เส้นบุกแล้วมีการเอามาผสมเครื่องดื่มต่างๆเอาแบบฮิตๆอดีตเป็นเจเล่ ผสมผงบุก หากจำไม่ผิดอันนี้เขามาทำเป็นรายแรก (เจ้าของบริษัทผ่านมาอ่านขอค่าใช้จ่ายในการโฆษณาด้วยครับ)
สรรพคุณของบุก
จากการเรียนพบว่า  แป้งบุกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน พวกกลูโคแมนแนน (glucomannan) เป็นสารโมเลกุลใหญ่ (polysaccharides)ที่ประกอบด้วยน้ำตาล 2 ประเภทหมายถึงดี-เดกซ์โทรส (D-glucose) แล้วก็ (D-mannose) เป็นสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในรูปของใยอาหาร (dietary fiber)  ซึ่งดูดน้ำได้มาก แม้กระนั้นร่างกายย่อยสลายได้ยาก ดูดซึมได้ช้า ก็เลยให้พลังงานและสารอาหารน้อย เหลือกากมากมาย ทำให้ระบบขับถ่ายปฏิบัติงานดี คนที่ต้องการลดน้ำหนักนิยมทานอาหารจากแป้งบุก ตัวอย่างเช่น วุ้นเส้นบุก เส้นหมี่แป้งหัวบุก เนื่องจากว่ากินอิ่มได้ ระบายท้อง แต่ว่าไม่ทำให้อ้วน
นอกจากนั้นเองเจ้า สารกลูโคแมนแนนนี้ สามารถลดปริมาณน้ำตาลในเลือดได้ ก็เพราะความเหนี่ยว ซึ่งยับยั้งการดูดซึมของกลูโคลสจากทางเดินอาหาร ยิ่งหนืดมาก็ยิ่งส่งผลลดการดูดซึมกลูโคลส ด้วยเหตุดังกล่าว กลูโคแมนแนนช่วยลดน้ำตาลก้าวหน้ามากมาย ตอนนี้จึงใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นอาหารสำหรับผู้ป่วยเป็นโรคโรคเบาหวาน รวมทั้งสำหรับผู้เจ็บป่วยเป็นโรคมีไขมันในเลือดสูง
นี่แหละครับผมเป็นคุณประโยชน์จากบุก ทดลองหามาทานกันครับ เป็นประโยชน์ขนาดนี้ ปัจจุบันไม่หายากแล้วเดินไปห้าง ก็ได้บุกเส้นแล้ว แนะนำมามายำแบบยำวุ้นเส้นนะครับ รับประกันอร่อยแท้ๆ http://www.disthai.com/

 

Sitemap 1 2 3