ผู้เขียน หัวข้อ: บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ  (อ่าน 311 ครั้ง)

sdfnheaq5qa1squ4

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 6
    • ดูรายละเอียด

บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ
บุก มาแล้ว ! บุกมาแล้ว !  รีบหนีเร็ว  เอ๊ะอย่างไรนี่ เรากำลังดูหนังการสู้รบอยู่เหรอ ไม่ครับผม บุกในที่นี้ไม่ได้ถึงข้าศึกบุก แต่ว่าคือหัวบุก สมุนไพรไทยบ้านพวกเรา ต่างหาก รวมทั้งที่ต้องหนี ไม่ใช่ใครกันแน่ที่ไหน แต่ว่าเป็นโรคฮอตได้รับความนิยมในตอนนี้อย่างโรคอ้วน โรคเบาหวาน ต่างหากที่จำต้องหนีไป
บุก ส่วนที่มองเห็นคือ หัวบุก ทีแรกเรื่องของบุกในเมืองไทย มันก็ไม่ได้แพร่หลายหรือเป็นที่ได้รับความนิยมเสมือนเวลานี้เพราะว่าจริงๆทีแรกมันก็เป็นพืชพื้นเมืองอยู่ดี  คนภายในท้องถิ่นก็นำบุกมาเข้าครัว เสมือนเผือก ราวกับมันทั่วๆไปพอเริ่มมีคนมาศึกษาค้นคว้า   คุณประโยชน์ต่างๆของมัน เลยแปลงเป็นพืชสมุนไพรไทยที่ได้รับความนิยม มีการแปรรูปเป็นรูปแบบต่างๆตั้งแต่สารสกัด บุกผง วุ้นบุก รวมทั้งอื่นๆอีกมากมาย วันนี้เองก็คงจะไม่ช้าเกินความจำเป็นที่จะนำทุกคนมารู้จัก พืชสมุนไพรไทย ที่เรียกว่าบุกกันแบบถึงกึ๋นมารู้จักบุกกัน
ชื่อไทย   บุก
ชื่อสามัญ  Konjac ,  devil’s tongue  (ลิ้นซาตาน  น่าขนลุกครับชื่อนี้ คาดว่ามาจากลักษณะของดอกบุก )   , shade palm, umbrella arum
ชื่อวิทยาศาสตร์      Amorphophallus rivieri Durieu cv. Konjac
ชื่อวงศ์    ARACEAE
ชื่อตามเขตแดน  :  บุกระอุงคก (จังหวัดชลบุรี) เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน) มันซูรัน (ภาคดลาง)  หัวบุก (ปัตตานี) บุกคางคก  (ภาคกลาง, เหนือ) บุกหนาม บุกหลวง (แม่ฮ่องสอน)  กระบุก (อิสาน)
เราเจอบุกพอดีไหน
บุกเป็นพืชป่าล้มลุกที่เจอทั่วไปทุกภาคของประเทศ โดยขึ้นอยู่กับตาม ชายป่า และครั้งคราวก็พบตามพื้นที่ ทำไร่ทำนา ตัวอย่างเช่นที่ปทุมธานี รวมทั้งนนทบุรี ฯลฯ บุกขึ้นได้ในสภาพดินทุกประเภท แต่จะเจริญเติบโตได้ดิบได้ดีให้หัวขนาด ใหญ่ได้ในดินซึ่งร่วนซุย น้ำไม่ขังแล้วก็ดินที่มีฮิวมัส หรืออินทรียวัตถุสูง
รูปแบบของต้นบุก
ลักษณะของต้น บุก ชี้ให้เห็นส่วนประกอบคือใบบุก แล้วก็หัวบุกลำต้นใต้ดิน  บุกมีลำต้นใต้ดินหรือที่เราเรียกแบบง่ายๆก็คือ หัวบุก  แบบเดียวกับเรียกหัวเผือก หัวมัน ขนาดอยู่ที่ประมาณ 25 ซม. (บางพันธ์บางทีอาจเล็กมากยิ่งกว่านี้ )ทรงกลมแป้นลักษณะทรงเดียวกับลูกฟักทอง แต่บางสายพันธ์มีลักษณะพิเศษแตกต่างกันออกไป  ซึ่งส่วนนี้เอง เป็นใช้ที่สะสมของกินของบุก
 ใบบุก  ลักษณะเหมือนใบมะละกอ มีสีเขียวเข้ม บางประเภทมีก้านใย เป็นลวดลายบางชนิดมีหนามอ่อนๆ หรือบางครั้งบุกบางชนิดก็มีใบมีจุดแบบไข่ปลาสีขาวด้านบน  จะมีความคิดเห็นว่าใบบุกมีใบลักษณะที่นานาประการมากมาย  แต่ที่เด่นๆสังเกตง่ายว่าเป็บุกคือ จะมีก้านตรงจากกลางของหัว เมื่อโผล่จากดินแล้วแผ่กางออก 3 ทาง มีทรงแผ่กว้างแบบร่ม แต่บาง จำพวกจะแปลกตรงที่กลับขึ้นข้างบนราวกับหงายร่ม โดยเหตุนี้ลักษณะของใบบุก มีหลายแบบขึ้นอยู่กับชนิดของบุก
ดอกของบุกลักษณะดอกดอกเหมือนต้นหน้าโค แต่ละประเภทมีขนาด สี รวมทั้งรูป ทรงต่างกัน บางชนิดมีดอกใหญ่มาก โดยยิ่งไปกว่านั้นบุกคางคก ดอกบุกมีกลิ่น เหม็นราวกับเนื้อสัตว์เน่า บุกประเภทอื่นๆมีดอกเล็กก้านดอกจะโผล่ขึ้นตรง จากกลางหัวบุก เหมือนกันกับก้านใบ บุกชอบมีดอกในช่วงปลายฤดูแล้ง แม้กระนั้นบุกสามารถมีดอกได้ในตอน เวลาต่างๆกัน ช่วงเวลาสำหรับเพื่อการแก่เต็มกำลัง ของดอกที่จะติดผลก็ไม่เหมือนกัน
 ผลบุก (อย่างงงันกับหัวบุกนะ ) หลังจากดอก สืบพันธุ์ก็จะเป็นผล ผลอ่อนของบุก มีสีขาวอมเหลือง เพียงพออายุ ได้ 1-2 เดือน จะส่งผลสีเขียวเข้ม มีจุดดำที่ปลายคล้ายผลกล้วย ผล ของบุกส่วนมากจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่ว่าเม็ดภายในแตกต่าง พบว่าส่วนใหญ่มีเมล็ดเป็นรูปทรงอูมยาว  บุกบางประเภทก็มีเม็ดในกลม   ผลแก่ของบุกจะมีสีแดงหรือแดงส้ม

บุกกับการนำมาเตรียมอาหาร
เป็นพืชอาหารท้องถิ่นซึ่งชาวไทยนำเอาก้านใบมาแกงส้ม ลวกจิ้มน้ำพริก     ท่อนหัวบุกมีการนำไปดัดแปลงแก้ไขตามแต่ละภูมิภาค เป็นต้นว่าทางภาคอีสาน มีการทำขนมที่เรียกว่าขนมบุก แกงบวชมันบุก แกงอีสาน (แกงลาว)   ภาคทิศตะวันออกจะมีการฝาน หัวบุกเป็นแผ่น บางบาง แล้วเอามานึ่งรับประทานกับข้าว ทางภาคเหนือโดยเฉพาะชาวเขา มักนำมา ปิ้งรับประทาน ภาคกลางมักนำหัวบุกที่ฝานเป็นชิ้นบางๆมาแช่น้ำปูน แช่น้ำก่อนล้างหลายๆครั้งแล้วจึงนำไปทำเป็นของว่าง
*บุกมีหลายอย่างหลายพันธุ์ บางทีอาจขมและก็มีพิษ ทุกประเภทมีผลึกแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate) ทั้งๆที่ก้านใบรวมทั้งหัว ซึ่งอาจก่อให้คัน ก่อนเอามาทำกับข้าวต้องต้มซะก่อน ไม่เช่นนั้นรับประทานเข้าไปทำให้คันปากรวมทั้งลิ้นพอง
อาหารที่ดัดแปลงมาจากบุก
เดี๋ยวนี้มีการนำบุกมาแปรรูป อีกทั้งในรูปแบบของเส้นบุก ซึ่งคือผลิตภัณฑ์แปรรูปจากท่อนหัวบุก มีแบบเส้นใส สามารถเอามาปรุงเป็นอาหารจานอร่อยได้ ผมว่าคนใดกันแน่เคยไปกินเนื้อย่างอาจเคยพบบ้าง เว้นแต่เส้นบุกแล้วมีการนำมาผสมเครื่องดื่มต่างๆเอาแบบฮิตๆยุคเก่าเป็นเจเล่ ผสมผงบุก หากจำไม่ผิดอันนี้เขามาทำเป็นรายแรก (เจ้าของบริษัทผ่านมาอ่านขอค่าใช้จ่ายในการโฆษณาด้วยครับ)
สรรพคุณของบุก
จากการเรียนรู้พบว่า  แป้งบุกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน พวกกลูวัวแมนแนน (glucomannan) เป็นสารโมเลกุลใหญ่ (polysaccharides)ที่มีน้ำตาล 2 ชนิดเป็นดี-กลูโคส (D-glucose) แล้วก็ (D-mannose) เป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในรูปของใยอาหาร (dietary fiber)  ซึ่งดูดน้ำได้มาก แต่ว่าร่างกายย่อยสลายได้ยาก ดูดซับได้ช้า ก็เลยให้พลังงานรวมทั้งสารอาหารน้อย เหลือกากมากมาย ทำให้ระบบขับถ่ายดำเนินงานดี คนที่อยากลดความอ้วนนิยมรับประทานอาหารจากแป้งบุก ยกตัวอย่างเช่น วุ้นเส้นบุก เส้นหมี่แป้งหัวบุก เนื่องจากว่ากินอิ่มได้ ระบายท้อง แต่ว่าไม่ทำให้อ้วน
นอกนั้นเองเจ้า สารกลูโคแมนแนนนี้ สามารถลดจำนวนน้ำตาลในเลือดได้ ก็เพราะว่าความเหนี่ยว ซึ่งยั้งการดูดซึมของกลูโคลสจากทางเดินอาหาร ยิ่งเหนียวหนืดมาก็ยิ่งส่งผลลดการดูดซึมกลูโคลส ฉะนั้น กลูโคแมนแนนช่วยลดน้ำตาลได้ดีมากมาย เดี๋ยวนี้ก็เลยใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นของกินสำหรับผู้ป่วยเป็นโรคโรคเบาหวาน และสำหรับผู้ป่วยเป็นโรคมีไขมันในเลือดสูง
นี่แหละครับคือประโยชน์จากบุก ทดลองหามาทานกันนะครับ มีคุณประโยชน์ขนาดนี้ ปัจจุบันนี้ไม่หายากแล้วเดินไปห้าง ก็ได้บุกเส้นแล้ว เสนอแนะมามายำแบบยำวุ้นเส้นครับผม รับประกันอร่อยแท้ๆ http://www.disthai.com/

Tags : สมุรไพรบุก

 

Sitemap 1 2 3