ผู้เขียน หัวข้อ: ทับทิมเป็นสมุนไพรผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงรักษา  (อ่าน 414 ครั้ง)

eetnhrwm540240

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 5
    • ดูรายละเอียด

ทับทิม
ทับทิม เป็นผลไม้ที่นิยมกินอย่างมากมาย โดยใช้ประโยชน์จากส่วนที่ได้ผลสำเร็จสดมากที่สุดและยังนำไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆได้แก่ น้ำทับทิม สารสกัดจากทับทิม ผลิตภัณฑ์ด้านความงดงาม ทั้งยังใช้ทำเป็นยารักษาโรคตามสูตรยาโบราณในหลายประเทศ
ทัมทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระรวมทั้งสารพฤกษเคมีหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อสภาพทางด้านร่างกาย ก็เลยเชื่อว่าอาจมีคุณประโยชน์สำหรับการคุ้มครองปกป้องโรคหรือทุเลาอาการ อย่างเช่น โรคปอดอุดกันเรื้อรังหรือทุเลาอาการหายใจลำบากจากโรคนี้ โรคหัวใจและเส้นเลือด คอเลสเตอรอลสูง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคความดันโลหิตสูง โรคในโพรงปากรวมทั้งโรคเหงือก โรคริดสีดวงทวาร โรคผิวหนัง และก็อื่นๆ
ในขณะนี้ยังมีงานค้นคว้าที่ศึกษาการใช้ทับทิมในรูปแบบแตกต่างกันกับการดูแลและรักษาโรคที่ออกจะจำกัด ทำให้ยังไม่สามารถกำหนดคุณภาพของทับทิมต่อการรักษาโรคได้แจ่มชัด ซึ่งแบบอย่างการศึกษาเล่าเรียนเรื่องทับทิมกับโรคต่างๆมีดังนี้
โรคหลอดเลือดแดงแข็ง ทับทิมคือผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว อาทิเช่น สารเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) สารแทนนิน (Tannin) สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ที่เชื่อว่าช่วยยับยั้งปฏิกิริยาต้านทานอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ลดการสร้างโฟมเซลล์ แล้วก็ลดการแข็งตัวของเส้นเลือด จึงบางทีอาจช่วยลดการเสี่ยงในการเกิดโรคเส้นโลหิตแดงแข็ง
จากการเรียนฤทธิ์การต้านสารอนุมูลอิสระของทับทิมในคนที่มีน้ำหนักเกินจำนวน 22 คน จากการทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดทับทิม วันละ 1,000 มิลลิกรัม (มีกรดแกลลิค 610 มก.) และก็วัดผลจากค่า TBARS ในเลือด (Thiobarbituric Acid Reactive Substances: TBARS) ซึ่งเป็นค่าการตรวจวัดฤทธิ์สำหรับในการต้านสารอนุมูลอิสระ เพื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนจะมีการทดลอง พบว่าค่าดังที่ได้กล่าวมาแล้วต่ำลง ก็เลยคาดว่าการรับประทานทับทิมบางทีอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและก็เส้นเลือด
ยิ่งไปกว่านี้ ยังมีงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยอีกชิ้นให้ผู้ป่วยโรคเส้นโลหิตแดงแข็งปริมาณ 15 คน ทานอาหารเสริมจากทับทิมเป็นระยะเวลามากกว่า 1 ปีขึ้นไปรวมทั้ง 3 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบกับกลุ่มที่มิได้รับประทานอาหารเสริม ผลปรากฏว่า กรุ๊ปที่ทานอาหาร 3 ปีขึ้นไป หรูหราไขมันที่ต่ำลงประมาณ 16% เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปอื่น จึงแสดงให้เห็นว่าการรับประทานสารสกัดจากทัมทิมมากกว่า 3 ปี อาจมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง ทั้งนี้ ยังคงต้องมีการเล่าเรียนเพิ่มเติมในระยะยาวกับกลุ่มการทดลองขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้น ทำให้ยังไม่อาจจะสรุปผลของทับทิมและการดูแลรักษาโรคเส้นเลือดแดงแข็งได้อย่างแจ่มแจ้ง
โรคเหงือกอักเสบ ทับทิมเป็นผลไม้อีกชนิดที่มีคุณลักษณะช่วยต้านทานเชื้อแบคทีเรีย ก็เลยถูกนำมาใช้เป็นตัวเลือกสำหรับในการรักษาโรคเหงือก เหตุเพราะการรักษาหลักบางแนวทางที่ยังไม่มีคุณภาพเพียงพอสำหรับในการทุเลาอาการจากโรคมากเท่าที่ควรรวมทั้งลดความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการรักษาโรคนี้โดยใช้สารเคมี
จากการทดลองทางสถานพยาบาลกับคนเจ็บโรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง จำนวน 40 คน เพื่อมองความสามารถของเจลสารสกัดจากทับทิมเป็นระยะเวลา 224 ชั่วโมง โดยในแต่ละกรุ๊ปจะใช้แนวทางรักษาที่ต่างกัน ผลพบว่า กรุ๊ปที่ใช้เจลสารสกัดจากทับทิมควบคู่กับการรักษาโรคเหงือกอักเสบโดยกระบวนการขูดหินน้ำลาย เกลารากฟัน (Mechanical Debridement) มีอาการภายใน 7 วันแรก เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่เหลือสำหรับการทดสอบ ซึ่งเจลสารสกัดจากทับทิมจึงอาจนำไปปรับใช้เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลโพรงปากสำหรับคนป่วยโรคเหงือกอักเสบควบคู่กับการดูแลรักษาด้วยแนวทางรักษาที่เป็นมาตรฐานในอนาคต
สอดคล้องกับการทดสอบอีกชิ้นที่เรียนความสามารถของน้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ใช้ยาหลอกรูปแบบเจลในการรักษาคนที่เป็นโรคเหงือกอักเสบปริมาณ 32 คน พบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม วันละ 3 ครั้ง ตรงเวลา 4 อาทิตย์ มีสุขภาพช่องปากดีขึ้นและก็ปัญหาโรคเหงือกอักเสบลดน้อยลงมากกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก การวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าสารสกัดจากทับทิมบางทีอาจเอาไปใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาช่องปาก อย่างเช่น ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยคุ้มครองปกป้องและก็บรรเทาอาการของโรคเหงือกอักเสบ
คุ้มครองปกป้องการเกิดรอยเปื้อนจุลชีวัน สารสกัดจากทับทิมมีประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการลดคราบเปื้อนจุลอินทรีย์ตามผิวฟัน และอาจนำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคทางช่องปากอีกหลายแบบ ซึ่งจากการทดลองให้อาสาสมัครที่มีสุขอนามัยในโพรงปากดี จำนวน 30 คน หยุดใช้น้ำยาบ้วนปากที่เคยใช้ปกติ แต่สลับมาใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน (Chlorhexidine) แล้วก็ยาหลอกในแต่ละกลุ่ม โดยใช้บ้วนปาก วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 5 วัน ผลพบว่าอาสาสมัครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมมีอัตราการเกิดรอยเปื้อนจุลินทรีย์ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญมากกว่ายาหลอก แต่ว่ามีคุณภาพไม่มีความต่างจากน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน จึงพอเพียงจะบอกได้ว่าสารสกัดจากทับทิมบางทีอาจลดจังหวะสำหรับเพื่อการเกิดคราบจุลอินทรีย์ข้างในช่องปาก
ช่วงเวลาเดียวกัน การศึกษาอีกชิ้นก็ชี้ว่าสารสกัดทับทิมคงจะมีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการลดการเกิดคราบจุลชีวัน ซึ่งในการทดลองได้เก็บรอยเปื้อนจุลชีวันจากโพรงปากของอาสาสมัครที่มีร่างกายแข็งแรงและกำลังจัดฟัน อายุ 9-25 ปี ปริมาณ 60 คน หลังงดเว้นแปรงฟันเป็นระยะเวลา 1 วัน เพื่อเปรียบเทียบผลก่อนและหลังการใช้น้ำยาบ้วนปากจำพวกแตกต่างกันในแต่ละกรุ๊ป ได้แก่ น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน แล้วก็ยาหลอก ปรากฏพบว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิมมีคุณภาพในการลดคราบเปื้อนจุลชีวันลงมากที่สุดประมาณ 84% รองลงมาเป็นน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน 79% และยาหลอกที่ต่ำลงเพียงแต่ 11% ก็เลยอาจจะบอกได้ว่าสารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและเป็นตัวเลือกสำหรับการใช้ขจัดคราบจุลอินทรีย์บนผิวฟัน ดังนี้ จากข้อมูลข้างต้นยังคงจะต้องมีการตำหนิดตามผลในระยะยาวจากการใช้สารสกัดทับทิมอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าระยะเวลาในการทดสอบค่อนข้างสั้น
ภาวะคอเลสเตอรอลสูง ทับทิมมีคุณประโยชน์ที่กล่าวกันว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้เป็นอย่างดี จากการศึกษาผลของการกินน้ำทับทิมเข้มข้น 40 กรัม ในคนเจ็บโรคเบาหวานประเภทที่ 2 แล้วก็มีภาวการณ์ไขมันในเลือดสูงจำนวน 22 คน เป็นระยะเวลา 8 อาทิตย์โดยระหว่างการทดลองจะมีการเก็บข้อมูลอาหารที่รับประทานอาหารด้านใน 24 ชั่วโมง ทุกๆ10 วัน (รวมทั้งของกินที่มีสารฟลาโวนอยด์) หลังจบสัปดาห์ที่ 8 พบว่าคนไข้มีระดับไขมันรวม ไขมันชนิดไม่ดี อัตราส่วนของไขมันไม่ดีกับไขมันดี รวมทั้งอัตราส่วนของไขมันรวมกับไขมันดีที่มีสะสมอยู่ในเลือดลดน้อยลง แต่ไม่เจอความเคลื่อนไหวของระดับไตรกลีเซอไรด์และระดับความเข้มข้นของไขมันดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าน้ำทับทิมอาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจโดยลดระดับไขมันในคนไข้เบาหวานลง แม้กระนั้นยังบอกมิได้แจ่มชัด เนื่องมาจากอาหารจำพวกอื่นที่กินอาจมีส่วนช่วยในการลดไขมันในเลือดได้เหมือนกัน แล้วก็กรุ๊ปการทดสอบมีขนาดเล็ก จึงควรขยายผลการศึกษาเล่าเรียนในกรุ๊ปที่ใหญ่ขึ้นเพิ่มเติมอีก ยิ่งไปกว่านี้ การดูแลและรักษาภาวะคอเลสเตอรอลสูงควรจะมีการควบคุมอาหารรวมทั้งการบริหารร่างกายไปพร้อม ซึ่งบางทีอาจมีประโยชน์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดมากขึ้น
โรคปอดอุดกันเรื้อรัง ทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด โดยยิ่งไปกว่านั้นสารโพลีฟีนอลที่พบบ่อยในทับทิม จากรายงานผลที่เจอในห้องแลปกล่าวว่าสารเหล่านี้มีส่วนสำคัญสำหรับการบรรเทาลักษณะของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังรวมทั้งอาจชะลอไม่ให้โรคปรับปรุงอย่างเร็ว ก็เลยมีการศึกษาคุณภาพของสารโพลีฟีนอลในคนเพิ่ม โดยให้คนเจ็บโรคปอดอุดกันเรื้อรัง จำนวน 30 คน แบ่งเป็นกรุ๊ปที่ดื่มน้ำทับทิม 400 มล. (มีสารโพลิฟีนอล 2.66 กรัม) เปรียบเทียบกับอีกกลุ่มที่กินยาหลอกติดต่อกันแต่ละวันเป็นระยะ 5 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า ไม่เจอสารโพลิฟีนอลทั้งในเลือดรวมทั้งปัสสาวะของผู้เจ็บป่วย ทั้งยังไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่าง 2 กรุ๊ป จึงคาดว่าทับทิมไม่น่ามีส่วนช่วยสำหรับในการรักษาหรือบรรเทาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
โดยธรรมดาสารอาหารที่เข้าสู่ร่างกายจะถูกเผาผลาญผ่านกระบวนเมตาบอลิซึมและตรวจเจอได้ในเลือดหรือปัสสาวะ แต่ว่าผลการศึกษากลับไม่พบสารโพลีฟีนอลจากการรับประทาน ซึ่งบางทีอาจเกิดจากการย่อยสลายสารกลุ่มนี้โดยจุลินทรีย์ในระบบที่ทำการย่อยอาหาร ควรต้องทำความเข้าใจกระบวนการดูดซับสารอาหารที่แตกต่างกันก่อนที่จะกล่าวอ้างถึงประโยชน์ด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจากการรับประทาน เพราะว่าสารอาหารที่เจอในของกินที่รับประทานอาจมิได้ถูกนำไปใช้ผลดีในร่างกายมนุษย์เราทั้งผอง
โรคแล้วก็อาการอื่นๆยกตัวอย่างเช่น โรคเส้นโลหิตหัวใจ การหย่อนยานความสามารถทางเพศ เจ็บกล้ามหลังการออกกำลังกาย กลุ่มอาการอ้วนลงพุง โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแดด การต่อว่าดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) ท้องเสีย โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง รวมทั้งอื่นๆยังจำเป็นจะต้องทำการศึกษาศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมอีกเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับความสามารถแล้วก็ความปลอดภัยของทับทิมสำหรับการรักษาโรค

ข้อมูลทางโภชนศาสตร์ของผลทับทิม 100 กรัม (โดยประมาณ)
น้ำ 77.93 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 1.67 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.70 กรัม
เส้นใย 4.0 กรัม
น้ำตาล 13.67 กรัม
แคลเซียม 10 มิลลิกรัม
เหล็ก 0.30 มิลลิกรัม
แมงกานีส 12 มก.
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มก.
โพแทสเซียม 236 มิลลิกรัม
โซเดียม 3 มิลลิกรัม
สังกะสี 0.35 มก.
วิตามินซี 10.2 มก.
วิตามินบี 1 0.067 มก.
วิตามินบี 2 0.053 มิลลิกรัม
วิตามินบี 3 0.293 มก.
วิตามินบี 6 0.075 มก.
โฟเลต 38 ไมโครกรัม
วิตามินอี 0.60 มก.
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม
ความปลอดภัยสำหรับเพื่อการรับประทานทับทิมหรือผลิตภัณฑ์จากทับทิม
โดยธรรมดาการกินน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัย แต่ในบางรายที่มีอาการแพ้ผลสดของทับทิมอาจเป็นผลใกล้กันจากการกินน้ำทับทิมได้
รากทับทิมประกอบด้วยสารที่เป็นพิษต่อสภาพทางด้านร่างกาย การกินรากแล้วก็ลำต้นของทับทิมในจำนวนมากอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมค่อนข้างจะปลอดภัยในการรับประทานหรือนำมาใช้กับผิวหนัง แม้กระนั้นอาจก่อให้กำเนิดอาการแพ้น้อยในบางราย ดังเช่นว่า อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจติดขัด
การกินน้ำทับทิมออกจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร แต่ยังไม่มีรายงานยืนยันความปลอดภัยในการรับประทานหรือใช้ทับทิมในรูปแบบอื่น อาทิเช่น สารสกัดจากทับทิม ควรต้องปรึกษาหมอก่อนจะมีการกินทุกครั้ง
น้ำทับทิมอาจจะส่งผลให้ความดันเลือดลดลดน้อยลงเล็กน้อย ซึ่งอาจจะก่อให้คนป่วยที่มีภาวการณ์ความดันต่ำอาการเกิดขึ้นอีก
ผู้ที่มีอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีการเสี่ยงที่จะกำเนิดอาการแพ้จากการรับประทานทับทิม
ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดควรหยุดกินทับทิมอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เนื่องจากทับทิมส่งผลให้ความดันเลือดต่ำลง จึงบางทีอาจกระทบต่อความดันเลือดในขณะผ่าตัดหรือส่งผลต่อเนื่องไปยังหลังการผ่าตัด
การกินทับทิมควบคู่กับยาบางประเภทอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ดังเช่นว่า ยาที่เกี่ยวเนื่องกับหลักการทำงานของตับโดยเอนไซม์ตับ Cytochrome ชนิด P450 2D6 หรือชนิด P450 3A4 ยาลดระดับความดันโลหิตหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาโรสุวาสแตติเตียนน ผู้ที่กินยาเป็นประจำหรือมีโรคประจำตัวควรขอความเห็นหมอก่อนจะมีการรับประทานเพื่อให้เกิดความปลอดภัย

Tags : สมุนไพรทับทิม

wef7172

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 8
    • ดูรายละเอียด
Re: ทับทิมเป็นสมุนไพรผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงรักษา
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 08:28:14 am »
ประโยชน์ของทับทิม/สรรพคุณของทับทัม

 

Sitemap 1 2 3