ผู้เขียน หัวข้อ: ทับทิมเป็นสมุนไพรผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงรักษา  (อ่าน 338 ครั้ง)

a123

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 27
    • ดูรายละเอียด

ทับทิม
ทับทิม คือผลไม้ที่นิยมรับประทานอย่างแพร่หลาย โดยใช้ประโยชน์จากส่วนที่เป็นผลสดสูงที่สุดรวมทั้งยังนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆเช่น น้ำทับทิม สารสกัดจากทับทิม ผลิตภัณฑ์ด้านความงดงาม ทั้งยังยังคงใช้ทำเป็นยารักษาโรคตามสูตรยาโบราณในหลายประเทศ
ทัมทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารพฤกษเคมีหลากหลายประเภทที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย ก็เลยมั่นใจว่าอาจมีประโยชน์ในการปกป้องโรคหรือทุเลาอาการ อาทิเช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังหรือทุเลาอาการหายใจติดขัดจากโรคนี้ โรคหัวใจรวมทั้งหลอดเลือด คอเลสเตอรอลสูง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคความดันโลหิตสูง โรคในโพรงปากแล้วก็โรคเหงือก โรคริดสีดวงทวาร โรคผิวหนัง แล้วก็อื่นๆ
ในตอนนี้ยังมีงานศึกษาเรียนรู้วิจัยที่เรียนรู้การใช้ทับทิมในต้นแบบแตกต่างกันกับการดูแลรักษาโรคที่ค่อนข้างจำกัด ทำให้ยังไม่สามารถที่จะกำหนดความสามารถของทับทิมต่อการรักษาโรคได้กระจ่างแจ้ง ซึ่งตัวอย่างการศึกษาเล่าเรียนเรื่องทับทิมกับโรคต่างๆมีดังนี้
โรคเส้นเลือดแดงแข็ง ทับทิมคือผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว อย่างเช่น สารเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) สารแทนนิน (Tannin) สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ที่เชื่อว่าช่วยยั้งปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ลดการผลิตโฟมเซลล์ รวมทั้งลดการแข็งตัวของเส้นโลหิต ก็เลยอาจช่วยลดความเสี่ยงสำหรับในการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง
จากการศึกษาฤทธิ์การต้านสารอนุมูลอิสระของทับทิมในคนที่มีน้ำหนักเกินปริมาณ 22 คน จากการทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดทับทิม วันละ 1,000 มิลลิกรัม (มีกรดมึงลลิค 610 มิลลิกรัม) และก็ประเมินผลจากค่า TBARS ในเลือด (Thiobarbituric Acid Reactive Substances: TBARS) ซึ่งเป็นค่าการตรวจวัดฤทธิ์สำหรับการต้านทานสารอนุมูลอิสระ เพื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนการทดสอบ พบว่าค่าดังที่กล่าวมาแล้วลดลง ก็เลยคาดว่าการรับประทานทับทิมบางทีอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและก็เส้นเลือด
ยิ่งกว่านั้น ยังมีการค้นคว้าวิจัยอีกชิ้นให้ผู้ป่วยโรคเส้นเลือดแดงแข็งปริมาณ 15 คน ทานอาหารเสริมจากทับทิมเป็นระยะเวลามากยิ่งกว่า 1 ปีขึ้นไปและก็ 3 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่มิได้รับประทานอาหารเสริม ผลปรากฏว่า กลุ่มที่ทานอาหาร 3 ปีขึ้นไป มีระดับไขมันที่ลดลงราว 16% เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอื่น ก็เลยแสดงให้เห็นว่าการกินสารสกัดจากทัมทิมมากกว่า 3 ปี อาจมีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเส้นโลหิตแดงแข็ง ดังนี้ ยังคงจะต้องมีการเรียนรู้เพิ่มเติมในระยะยาวกับกรุ๊ปการทดลองขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้น ทำให้ยังไม่สามารถที่จะสรุปผลของทับทิมรวมทั้งการรักษาโรคหลอดเลือดแดงแข็งได้อย่างเห็นได้ชัด
โรคเหงือกอักเสบ ทับทิมเป็นผลไม้อีกชนิดที่มีคุณสมบัติช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย จึงถูกนำมาใช้เป็นตัวเลือกสำหรับการรักษาโรคเหงือก เนื่องด้วยการดูแลรักษาหลักบางวิธีที่ยังไม่มีคุณภาพเพียงพอในการบรรเทาอาการจากโรคมากมายซักเท่าไหร่รวมทั้งลดการเสี่ยงด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจากการรักษาโรคนี้โดยใช้สารเคมี
จากการทดลองทางคลินิกกับผู้เจ็บป่วยโรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง จำนวน 40 คน เพื่อดูความสามารถของเจลสารสกัดจากทับทิมเป็นระยะเวลา 21 วัน โดยในแต่ละกลุ่มจะใช้แนวทางรักษาที่ต่างกัน ผลพบว่า กรุ๊ปที่ใช้เจลสารสกัดจากทับทิมพร้อมกันกับการรักษาโรคเหงือกอักเสบโดยแนวทางการขูดหินน้ำลาย เกลารากฟัน (Mechanical Debridement) มีลักษณะอาการดียิ่งขึ้นภายใน 7 วันแรก เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่เหลือในการทดสอบ ซึ่งเจลสารสกัดจากทับทิมจึงอาจนำไปประยุกต์ใช้เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลโพรงปากสำหรับคนป่วยโรคเหงือกอักเสบพร้อมกันกับการรักษาด้วยแนวทางรักษาที่เป็นมาตรฐานในอนาคต
สอดคล้องกับการทดสอบอีกชิ้นที่เรียนประสิทธิภาพของน้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอกต้นแบบเจลสำหรับในการรักษาคนที่เป็นโรคเหงือกอักเสบจำนวน 32 คน พบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม วันละ 3 ครั้ง ตรงเวลา 4 สัปดาห์ มีสุขภาพโพรงปากดียิ่งขึ้นและก็ปัญหาโรคเหงือกอักเสบน้อยลงมากกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก การศึกษาชิ้นนี้ทำให้เห็นว่าสารสกัดจากทับทิมบางทีอาจใช้ประโยชน์เป็นส่วนประกอบในสินค้าสำหรับการบำรุงช่องปาก ดังเช่นว่า ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยป้องกันและบรรเทาลักษณะโรคเหงือกอักเสบ
คุ้มครองป้องกันการเกิดรอยเปื้อนจุลชีพ สารสกัดจากทับทิมมีประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการลดคราบจุลอินทรีย์ตามผิวฟัน และก็อาจทำให้เกิดโรคทางช่องปากอีกหลากหลายประเภท ซึ่งจากการทดลองให้อาสาสมัครที่มีสุขอนามัยในโพรงปากดี จำนวน 30 คน หยุดใช้น้ำยาบ้วนปากที่เคยใช้ธรรมดา แต่สลับมาใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน (Chlorhexidine) รวมทั้งยาหลอกในแต่ละกรุ๊ป โดยใช้บ้วนปาก วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 5 วัน ผลพบว่าอาสาสมัครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมมีอัตราการเกิดคราบจุลินทรีย์ต่ำลงอย่างเป็นจริงเป็นจังมากกว่ายาหลอก แต่มีประสิทธิภาพไม่มีความแตกต่างจากน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน ก็เลยพอจะบอกได้ว่าสารสกัดจากทับทิมบางทีอาจลดช่องทางสำหรับเพื่อการเกิดรอยเปื้อนจุลชีพด้านในโพรงปาก
ขณะเดียวกัน การเรียนอีกชิ้นก็ชี้ว่าสารสกัดทับทิมน่าจะมีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการลดการเกิดคราบเปื้อนจุลชีพ ซึ่งสำหรับเพื่อการทดสอบได้เก็บคราบเปื้อนจุลชีวันจากช่องปากของอาสาสมัครที่มีสุขภาพแข็งแรงและก็กำลังจัดฟัน อายุ 9-25 ปี ปริมาณ 60 คน หลังงดเว้นแปรงฟันเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อเปรียบเทียบผลก่อนและก็ข้างหลังการใช้น้ำยาบ้วนปากจำพวกไม่เหมือนกันในแต่ละกรุ๊ป ยกตัวอย่างเช่น น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน และก็ยาหลอก ปรากฏพบว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิมมีคุณภาพสำหรับในการลดรอยเปื้อนจุลินทรีย์ลงมากที่สุดราวๆ 84% รองลงมาเป็นน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน 79% แล้วก็ยาหลอกที่ต่ำลงเพียงแค่ 11% ก็เลยอาจจะบอกได้ว่าสารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียแล้วก็เป็นตัวเลือกสำหรับในการใช้ขจัดคราบจุลินทรีย์บนผิวฟัน ดังนี้ จากข้อมูลข้างต้นยังคงต้องมีการต่อว่าดตามผลในระยะยาวจากการใช้สารสกัดทับทิมโดยตลอด เนื่องมาจากช่วงเวลาในการทดลองค่อนข้างสั้น
ภาวะคอเลสเตอรอลสูง ทับทิมมีสรรพคุณที่กล่าวกันว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้เป็นอย่างดี จากการเล่าเรียนผลการกินน้ำทับทิมเข้มข้น 40 กรัม ในผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 แล้วก็มีภาวะไขมันในเลือดสูงปริมาณ 22 คน เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์โดยระหว่างการทดสอบจะมีการเก็บข้อมูลของกินที่รับประทานอาหารด้านใน 1 วัน ทุกๆ10 วัน (รวมทั้งของกินที่มีสารฟลาโวนอยด์) หลังจบสัปดาห์ที่ 8 พบว่าคนเจ็บมีระดับไขมันรวม ไขมันชนิดไม่ดี อัตราส่วนของไขมันไม่ดีกับไขมันดี รวมทั้งอัตราส่วนของไขมันรวมกับไขมันดีที่มีสะสมอยู่ในเลือดลดน้อยลง แม้กระนั้นไม่เจอการเปลี่ยนแปลงของระดับไตรกลีเซอไรด์และระดับความเข้มข้นของไขมันดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าน้ำทับทิมอาจมีส่วนช่วยลดการเสี่ยงของโรคหัวใจโดยลดระดับไขมันในคนป่วยเบาหวานลง แต่ว่ายังบอกมิได้แน่ชัด เพราะว่าอาหารชนิดอื่นที่กินอาจมีส่วนช่วยสำหรับในการลดไขมันในเลือดได้เหมือนกัน รวมทั้งกลุ่มการทดสอบมีขนาดเล็ก จำเป็นต้องขยายผลการเล่าเรียนในกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นเพิ่มเติม นอกเหนือจากนี้ การดูแลและรักษาสภาวะคอเลสเตอรอลสูงต้องมีการควบคุมของกินและการบริหารร่างกายไปพร้อมกัน ซึ่งบางทีอาจมีประโยชน์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดมากขึ้นเรื่อยๆ
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายประเภท โดยยิ่งไปกว่านั้นสารโพลีฟีนอลที่พบบ่อยในทับทิม จากรายงานผลที่เจอในห้องแลปกล่าวว่าสารพวกนี้มีส่วนสำคัญสำหรับการทุเลาลักษณะของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังและก็บางทีอาจชะลอไม่ให้โรคปรับปรุงอย่างรวดเร็ว จึงมีการเรียนคุณภาพของสารโพลีฟีนอลในคนเพิ่มเติม โดยให้คนป่วยโรคปอดอุดกันเรื้อรัง จำนวน 30 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่กินน้ำทับทิม 400 มล. (มีสารโพลิฟีนอล 2.66 กรัม) เปรียบเทียบกับอีกกลุ่มที่รับประทานยาหลอกติดต่อกันแต่ละวันเป็นระยะ 5 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า ไม่พบสารโพลิฟีนอลในเลือดรวมทั้งเยี่ยวของคนไข้ อีกทั้งยังไม่พบไม่เหมือนกันอย่างมีนัยสำคัญระหว่าง 2 กลุ่ม จึงคาดว่าทับทิมไม่น่ามีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการรักษาหรือทุเลาโรคปอดอุดกันเรื้อรัง
โดยทั่วไปสารอาหารที่เข้าสู่ร่างกายจะถูกเผาผลาญผ่านกระบวนเมตาบอลิซึมรวมทั้งตรวจพบได้ในเลือดหรือเยี่ยว แต่ว่าผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยกลับไม่เจอสารโพลีฟีนอลจากการกิน ซึ่งบางทีอาจมีต้นเหตุที่เกิดจากการสลายตัวสารกลุ่มนี้โดยจุลชีวันในระบบที่ทำหน้าที่สำหรับการย่อยอาหาร จึงควรทำความเข้าใจแนวทางการซับสารอาหารที่ไม่เหมือนกันก่อนจะกล่าวอ้างถึงผลดีด้านสุขภาพจากการรับประทาน เนื่องจากว่าสารอาหารที่พบในอาหารที่กินอาจไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์คุณประโยชน์ในร่างกายคนเราทั้งสิ้น
โรคและก็อาการอื่นๆอาทิเช่น โรคเส้นโลหิตหัวใจ การหย่อนยานสมรรถนะทางเพศ เจ็บกล้ามเนื้อหลังการบริหารร่างกาย กลุ่มอาการอ้วนลงพุง โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแสงอาทิตย์ การตำหนิดเชื้อทริวัวโมแนส (Trichomoniasis) ท้องร่วง โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง และก็อื่นๆยังจำเป็นจะต้องทำการค้นคว้าศึกษาค้นคว้าเพิ่มอีกเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับสมรรถนะแล้วก็ความปลอดภัยของทับทิมสำหรับเพื่อการรักษาโรค

ข้อมูลทางโภชนศาสตร์ของผลทับทิม 100 กรัม (โดยประมาณ)
น้ำ 77.93 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 1.67 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.70 กรัม
เส้นใย 4.0 กรัม
น้ำตาล 13.67 กรัม
แคลเซียม 10 มก.
เหล็ก 0.30 มิลลิกรัม
แมงกานีส 12 มก.
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 236 มิลลิกรัม
โซเดียม 3 มิลลิกรัม
สังกะสี 0.35 มิลลิกรัม
วิตามินซี 10.2 มิลลิกรัม
วิตามินบี 1 0.067 มก.
วิตามินบี 2 0.053 มก.
วิตามินบี 3 0.293 มก.
วิตามินบี 6 0.075 มิลลิกรัม
โฟเลต 38 ไมโครกรัม
วิตามินอี 0.60 มิลลิกรัม
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม
ความปลอดภัยสำหรับในการกินทับทิมหรือสินค้าจากทับทิม
โดยธรรมดาการรับประทานน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัย แต่ในบางรายที่มีลักษณะแพ้ผลสดของทับทิมบางทีอาจเกิดผลข้างๆจากการกินน้ำทับทิมได้
รากทับทิมประกอบด้วยสารที่เป็นพิษต่อสุขภาพ การรับประทานรากและก็ลำต้นของทับทิมในปริมาณมากอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมค่อนข้างจะไม่เป็นอันตรายสำหรับในการกินหรือประยุกต์ใช้กับผิวหนัง แต่อาจส่งผลให้เกิดอาการแพ้นิดหน่อยในบางราย เป็นต้นว่า อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจติดขัด
การรับประทานน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงมีครรภ์หรืออยู่ในตอนให้นมบุตร แต่ว่ายังไม่มีรายงานยืนยันความปลอดภัยในการรับประทานหรือใช้ทับทิมในแบบอย่างอื่น ดังเช่น สารสกัดจากทับทิม จึงควรขอคำแนะนำหมอก่อนจะมีการกินทุกคราว
น้ำทับทิมอาจส่งผลให้ความดันโลหิตลดต่ำลงน้อย ซึ่งอาจจะส่งผลให้คนไข้ที่มีภาวะความดันต่ำอาการเกิดขึ้นอีก
ผู้ที่มีอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีการเสี่ยงที่จะกำเนิดอาการแพ้จากการกินทับทิม
คนเจ็บที่จำต้องเข้ารับการผ่าตัดควรหยุดกินทับทิมอย่างน้อย 2 อาทิตย์ เนื่องจากทับทิมทำให้ความดันเลือดต่ำลง จึงอาจกระทบต่อความดันเลือดในขณะผ่าตัดหรือมีผลต่อเนื่องไปยังหลังการผ่าตัด
การกินทับทิมพร้อมกันกับยาบางจำพวกอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา อย่างเช่น ยาที่เกี่ยวกับหลักการทำงานของตับโดยเอนไซม์ตับ Cytochrome ประเภท P450 2D6 หรือประเภท P450 3A4 ยาลดความดันเลือดหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันเลือดสูง ยาโรสุวาสแตติเตียนน ผู้ที่กินยาเสมอๆหรือมีโรคประจำตัวควรจะขอความเห็นหมอก่อนที่จะมีการรับประทานเพื่อความปลอดภัย

 

Sitemap 1 2 3