ผู้เขียน หัวข้อ: เห็ดหลินจือ รักษาโรคมะเร็งได้จริงหรือ?..  (อ่าน 317 ครั้ง)

onee021s149aa

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 7
    • ดูรายละเอียด

เห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือ รักษาโรคมะเร็ง
อีกหนึ่งงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยที่เรียนเกี่ยวกับประสิทธิผลของสารโพลีแซ็คคาไรค์ในเห็ดหลินจือของผู้ในคนป่วยโรคมะเร็งปอด จากการวิเคาะห์พบว่า สารดังที่กล่าวถึงแล้วมีส่วนสำหรับในการยัยยั้งรูปแบบการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว
จากการศึกษาวิจัยมากมายถึงประสิทธิผลทางการรักษาโรคโรคมะเร็งของเห็ดหลินจืออาจมีผลต่อการต้านการอักเสบในคนเจ็บมะเร็งปอดบางราย แต่ว่ายังคงไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรือการทดสอบทางด้านการแพทย์ที่ให้ข้อมูลเพียงพอที่สนับสนุนให้ใช้เห็ดหลินจือสำหรับในการรักษาโรคมะเร็งอย่างเป็นทางการ
เมื่อพินิจพิจารณาเปรียบจากการรวบงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยที่เล่าเรียนประสิทธิผลของเห็ดหลินจือเพื่อรักษาโรคโรคมะเร็งในมนุษย์ 373 คน แม้ว่าจะพบว่าคนเจ็บตอบสนองต่อการดูแลและรักษาด้วยเคมีบำบัดรักษาหรือรังสีบำบัดรักษาก้าวหน้าขึ้นเมื่อรักษาร่วมกับการใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือ แม้กระนั้นเมื่อทดสอบการใช้เห็ดหลินจือเพียงอย่างเดียวกลับไม่มีประสิทธิผลในสำหรับเพื่อการทำให้มะเร็งลดขนาดลงประการใด
นอกเหนือจากนั้น จาการทวนงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยพบว่ามีการค้นคว้าวิจัย 4 ชิ้นที่มีผลลัพธ์ส่งเสริมว่าเห็ดหลินจืออาจสโมสรต่อการปรับแต่งคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ และก็ในขณะเดียวกัน ก็ส่งผลลัพธ์จากงานศึกษาเรียนรู้หนึ่งที่แสดงถึงผลข้างคียงของเห็ดหลินจือ เป็นอาการคลื่นใส้และก็นอนไม่หลับด้วย
ฉะนั้น จึงอาจจะบอกได้ว่า ข้อยืนยันทางคุณสมบัติและคุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากเห็ดหลินจือยังคงมีจำกัด บาง งานศึกษาเรียนรู้เป็นการทดสอบขนาดเล็ก หลักฐานที่ได้ยังไม่มีคุณภาพเพียงพอ หรือเป็นเพียงแต่การทดลองในคนป่วยบางกลุ่มเท่านั้น ประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อโรคมะเร็ง จึงยังคงเป็นหัวข้อการค้นคว้าที่ควรจะทำงานทดลองต่อไปเพื่อได้สำเร็จลัพ์ที่แจ่มแจ้งรวมทั้งเป็นประโยชน์ในวงกว้างต่อการรักษาผู้ป่วยมะเร็งได้ในอนาคต
สภาวะต่อมลูกหมากโต รวมทั้งการเจ็บป่วยในระบบทางเท้าเยี่ยว
มีแนวทางการทดลองหนึ่งที่ใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือทดสอบในคนไข้เพศ 88 รายซึ่งแก่เกินกว่า 49 ปีขึ้นไป ที่มีอาการปัสสาวะขัดข้อง หลังการทดสอบกว่า 12 สัปดาห์ ผลสรุปที่ได้คือ ผู้ป่วยต่างหรูหราคะแนน IPSS ที่ดียิ่งขึ้น ( TNE lnternational Prostate Symptom Score )ซึ่งเป็นค่าคะแนนสากลในการวัดปัญหาในระบบทางเท้าปัสวะของผู้เจ็บป่วยจากการตอบปัญหา กลับไม่ปรากฏผลในเชิงการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิต การขับถ่ายปัสวะ หรือขนาดของต่อมลูกหมากแต่อย่างใด
ด้วยเหตุผลดังกล่าว การทดสอบดังที่กล่าวมาข้างต้นก็เลยยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาสตร์ที่กระจ่างแจ้งเพียงพอ จำเป็นต้องมีการค้นคว้าทดสอบในด้านนี้ต่อไปในอนาคต เพื่อค้นหาข้างหลังฐานที่แจ่มกระจ่างในการสรุปเกี่ยวกับประสิทธิของเห็ดหลินจือต่อการรักษาภาวการณ์ต่อมลูกหมากโตหรือปัญหาสุขภาพอะไรก็ตามที่เกี่ยว
ลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคเส้นเลือดหัวใจ
จากการวิเคราะห์ผลการทดลองด้านการแพทย์ 5 ราการ ซึ่งมีผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานชนิด 2 ร่วมทดสอบกว่า 398 รายพบว่า เห็ดหลินจือไม่เป็นผลทางการรักษาในเชิงการลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่มีหลักฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพพอเพียงจะสนับสนุนผลทางการรักษาเหล่านั้น และไม่มีข้อมูลที่พอเพียงสำหรับในการรับรองด้านความปลอดภัยจากการบริโภคเห็ดหลินจืออย่างเดียวกัน โดยหนึ่งในงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยเหล่านั้น ได้แสดงถึงผลข้างเคียงจากการบริโภคเห็ดหลินจือในผู้เจ็บป่วยบางราย เป็นอาการคลื่นใส้ ท้องเดิน หรือท้องผูก
ฉะนั้นจำเป็นต้องมีการค้นคว้าทดลองถึงคุณภาพของเห็ดหลินจือสำหรับเพื่อการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆเหล่านี้เพื่อคุ้มครองป้องกันรวมทั้งการดูแลและรักษาโรคเส้นเลือดหัวใจต่อไป แล้วก็ให้ได้ความแจ่มแจ้งชัดดเจนในด้านดังที่กล่าวมาข้างต้นเยอะขึ้น อันเป็นคุณประโยชน์ต่อแนวทางการรักษาป้องกันโรคเส้นโลหิตหัวใจและอาการต่างๆที่เกี่ยวต่อไปในอนาคต
ปริมาณที่สมควรสำหรับในการบริโรคเห็ดหลินจืออย่างแจ่มกระจ่าง เนื่องประสิทธิผลรวมทั้งผลข้างคียงจากการบริโภค โดยเหตุนั้น ผู้ซื้อ ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเห็ดหลินจือ แล้วก็ปรึกษาหมอหรือเภสัชกรก่อนการบริโรค ด้วยเหตุว่าแม้เห็ดหลินจือในแต่ละรูปแบบจะเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ แต่สารเคมีและก็ส่วนประต่างอาจส่งผลใกล้กันที่เกิดอันตรายต่อสภาพทางด้านร่างกายได้ด้วยเหมือนกัน

โดยทั่วไป ปริมาณการบริโภคเห็ดหลินจือ/วันได้แก่
-เห็ดหลินจืออบแห้ง ไม่สมควรบริโภคเกิน 1.5-9 กรัม/วัน
-ผงสารสกัดเห็ดหลินจือ ไม่ควรบริโภคเกิน 1-1.5 กรัม
-สารละลายเห็ดหลินจือ ไม่ควรบริโภคเกิน 1 มิลลิลิตร/วัน
ความปลอดภัยสำหรับในการบริโภคเห็ดหลินจือ
แม้จะมีการพิสูจน์ถึงคุณค่าในบางด้านที่บางทีอาจเกิดขึ้นได้จากการบริโภคเห็ดหลินจือ แม้กระนั้นผู้บริโภคก็ควรทำการศึกษาเรียนรู้และทำการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับเห็ดหลินจือ และขอความเห็นหมอหรือเภสัชกรก่อนที่จะมีการบริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรระมัดระวังในด้านปริมาณรวมทั้งรูปแบบเห็ดหลินจือที่บริโภค เพราะบางทีอาจเป็นผลข้างเคียงต่อสุขภาพได้ในคราวหลัง
โดยข้อควรพิจารณาสำหรับในการบริโภคเห็ดหลินจือยกตัวอย่างเช่น
คนซื้อทั่วๆไป.......
-ควรบริโภคเห็ดหลินจือในปริมาณที่พอดี
-การบริโภคสารสกัดจากเห็ดหลินจือติดต่อกันเป็นเวลานานเกินกว่า 1 ปี อาจส่งผลให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้
-การบริโภคสารสกัดจากเห็ดหลินจือติดต่อกันเป็นเวลานานเกินกว่า 1 ปี อาจจะส่งผลให้ได้รับอันตรายต่อร่างกายได้
-การบริโภคสารสกัดเห็ดหลินจืออาจก่อเกิดผลข้างเคียงได้ อาทิเช่น ปากแห้ง คอแห้ง คันจมูก เลือดกำเดาไหล ท้องไส้ปั่นป่วน ถ่ายเป็นเลือด
-การดื่มเหล้าองุ่นเห็ดหลินจืออาจก่อให้เกิดผลกระทบเป็นอาการผื่นคัน
-การดมหายใจเอาเซลล์แพร่พันธุ์ หรือ สปอร์ (Spores) ของเห็ดหลินจือเข้าไปอาจจะเป็นผลให้กำเนิดอาการแพ้
คนที่ควรจะระวังสำหรับในการบริโภคเป็นพิษ
คนที่ครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร แม้ยังไม่มีการพิสูจน์ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ในกลุ่มผู้ซื้อนี้แต่ว่าคนที่มีท้องรวมทั้งคนที่กำลังให้นมบุตรควรหลบหลีกการบริโภคเห็ดหลินจือ เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของตนและลูกน้อย
ผู้ที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัด การบริโภคเห็ดหลินจือในปริมาณมาก บางทีอาจเพิ่มความเสี่ยงสำหรับการเกิดภาวะมีเลือดออกในคนไข้บางรายที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด ด้วยเหตุนี้ เพื่อลดการเสี่ยง ผู้เจ็บป่วยควรจะหยุดบริโภคเห็ดหลินจือ ขั้นต่ำ 2 สัปดาห์ก่อนวันผ่าตัด
ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ
ความดันเลือดต่ำ เห็ดหลินจืออาจทำให้ความดันเลือดต่ำลง ด้วยเหตุนี้ ผู้ป่วยภาวการณ์ความดันเลือดต่ำจะต้องหลบหลีกการบริโภคเห็ดหลินจือ
ภาวการณ์เกล็ดเลือดต่ำ การบริโภคเห็ดหลินจือในจำนวนมากบางทีอาจเพิ่มความเสี่ยงสำหรับในการเกิดภาวะมีเลือดออกในคนที่มีเกล็ดเลือดต่ำ เพราะฉะนั้นผู้ป่วยสภาวะเกล็ดเลือดต่ำจึงไม่ควรบริโภคเห็ดหลินจือ
สภาวะมีเลือดออกผิดปกติ การบริโภคเห็ดหลินจือในปริมาณมาก อาจเพิ่มความเสี่ยงสำหรับเพื่อการเกิดภาวะมีเลือดออกในคนเจ็บบางราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีภาวการณ์เลือกออกไม่ดีเหมือนปกติอยู่แล้ว http://www.disthai.com/

 

Sitemap 1 2 3