ผู้เขียน หัวข้อ: เห็ดหลินจือ รักษาโรคมะเร็งได้จริงหรือ?..  (อ่าน 308 ครั้ง)

af0ck1sd20cx5

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 7
    • ดูรายละเอียด

เห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือ รักษาโรคโรคมะเร็ง
อีกหนึ่งงานค้นคว้าวิจัยที่ศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับประสิทธิผลของสารโพลีแซ็คคาไรค์ในเห็ดหลินจือของผู้ในคนเจ็บมะเร็งปอด จากการวิเคาะห์พบว่า สารดังกล่าวข้างต้นมีส่วนสำหรับในการยัยยั้งลักษณะการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว
จากการศึกษาวิจัยจำนวนมากถึงประสิทธิผลทางการรักษาโรคมะเร็งของเห็ดหลินจืออาจส่งผลต่อการต้านการอักเสบในผู้เจ็บป่วยโรคมะเร็งปอดบางราย แม้กระนั้นยังคงไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรือการทดสอบทางการแพทย์ที่ให้ข้อมูลพอเพียงที่ส่งเสริมให้ใช้เห็ดหลินจือในการรักษาโรคมะเร็งอย่างเป็นทางการ
เมื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบจากการรวบงานค้นคว้าที่ศึกษาประสิทธิผลของเห็ดหลินจือเพื่อรักษาโรคมะเร็งในมนุษย์ 373 คน แม้ว่าจะพบว่าคนเจ็บตอบสนองต่อการดูแลรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือรังสีบำบัดเจริญขึ้นเมื่อรักษาร่วมกับการใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือ แต่เมื่อทดสอบการใช้เห็ดหลินจือเพียงอย่างเดียวกลับไม่มีประสิทธิผลในสำหรับเพื่อการทำให้มะเร็งลดขนาดลงประการใด
นอกจากนั้น จาการทบทวนงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยพบว่ามีงานค้นคว้า 4 ชิ้นที่มีผลลัพธ์เกื้อหนุนว่าเห็ดหลินจืออาจสัมพันธ์ต่อการปรับแก้คุณภาพชีวิตของคนเจ็บให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งในเวลาเดียวกัน ก็มีผลลัพธ์จากงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยหนึ่งที่แสดงถึงผลข้างคียงของเห็ดหลินจือ เป็นอาการคลื่นใส้แล้วก็นอนไม่หลับด้วย
ด้วยเหตุดังกล่าว จึงอาจจะบอกได้ว่า ข้อพิสูจน์ทางคุณลักษณะรวมทั้งประโยชน์ซึ่งมาจากเห็ดหลินจือยังคงมีจำกัด บาง การค้นคว้าเป็นการทดสอบขนาดเล็ก หลักฐานที่ได้ยังไม่มีคุณภาพพอเพียง หรือเป็นเพียงแค่การทดสอบในคนไข้บางกรุ๊ปเท่านั้น ประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อโรคมะเร็ง ก็เลยยังคงเป็นเรื่องการค้นคว้าที่ควรจะดำเนินงานทดสอบถัดไปเพื่อได้ได้ผลลัพ์ที่กระจ่างและเป็นประโยชน์ในวงกว้างต่อการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งได้ในอนาคต
สภาวะต่อมลูกหมากโต และการเจ็บป่วยในระบบทางเท้าปัสสาวะ
มีวิธีการทดสอบหนึ่งที่ใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือทดสอบในคนเจ็บเพศ 88 รายซึ่งมีอายุเกินกว่า 49 ปีขึ้นไป ที่มีลักษณะอาการฉี่ขัดข้อง หลังการทดลองกว่า 12 สัปดาห์ ผลที่ได้เป็น คนป่วยต่างมีระดับคะแนน IPSS ที่ ( TNE lnternational Prostate Symptom Score )ซึ่งเป็นค่าคะแนนสากลสำหรับเพื่อการวัดปัญหาในระบบทางเท้าปัสวะของคนป่วยจากการตอบปัญหา กลับไม่ปรากฏผลในเชิงความเคลื่อนไหวคุณภาพชีวิต การขับถ่ายปัสวะ หรือขนาดของต่อมลูกหมากแต่อย่างใด
ดังนั้น การทดสอบดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นจึงยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาสตร์ที่แจ้งชัดเพียงพอ จึงควรมีการค้นคว้าทดลองในด้านนี้ต่อไปในอนาคต เพื่อค้นหาหลังฐานที่เด่นชัดสำหรับเพื่อการสรุปเกี่ยวกับประสิทธิของเห็ดหลินจือต่อการรักษาภาวการณ์ต่อมลูกหมากโตหรือปัญหาสุขภาพใดๆก็ตามที่เกี่ยว
ลดปัจจัยเสี่ยงของโรคเส้นโลหิตหัวใจ
จากการวิเคราะห์ผลของการทดสอบด้านการแพทย์ 5 ราการ ซึ่งมีคนเจ็บเบาหวานประเภท 2 ร่วมทดลองกว่า 398 รายพบว่า เห็ดหลินจือไม่เป็นผลทางการรักษาในเชิงการลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพพอเพียงจะสนับสนุนผลทางการรักษาพวกนั้น และไม่มีข้อมูลที่พอเพียงสำหรับเพื่อการรับรองด้านความปลอดภัยจากการบริโภคเห็ดหลินจือเช่นกัน โดยหนึ่งในงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยพวกนั้น ได้แสดงถึงผลข้างเคียงจากการบริโภคเห็ดหลินจือในคนเจ็บบางราย เป็นอาการคลื่นใส้ ท้องร่วง หรือท้องผูก
เพราะฉะนั้นจึงควรมีการค้นคว้าทดสอบถึงความสามารถของเห็ดหลินจือสำหรับเพื่อการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆเหล่านี้เพื่อคุ้มครองป้องกันรวมทั้งการดูแลและรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจต่อไป รวมทั้งให้ได้เรื่องกระจ่างแจ้งชัดดเจนในด้านดังกล่าวมาแล้วข้างต้นเพิ่มมากขึ้น อันเป็นคุณประโยชน์ต่อแนวทางการรักษาป้องกันโรคเส้นโลหิตหัวใจแล้วก็อาการต่างๆที่เกี่ยวข้องถัดไปในอนาคต
ปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการบริโรคเห็ดหลินจืออย่างแจ่มกระจ่าง เนื่องประสิทธิผลและผลข้างคียงจากการบริโภค ด้วยเหตุดังกล่าว ผู้บริโภค ควรทำการศึกษาเรียนรู้และทำการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับเห็ดหลินจือ และก็ขอความเห็นหมอหรือเภสัชกรก่อนที่จะมีการบริโรค เพราะแม้เห็ดหลินจือในแต่ละแบบอย่างจะเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ แต่ว่าสารเคมีและส่วนประต่างอาจส่งผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อสภาพร่างกายได้เหมือนกัน

โดยปกติ ปริมาณการบริโภคเห็ดหลินจือ/วันเช่น
-เห็ดหลินจืออบแห้ง ไม่สมควรบริโภคเกิน 1.5-9 กรัม/วัน
-ผงสารสกัดเห็ดหลินจือ ไม่ควรบริโภคเกิน 1-1.5 กรัม
-สารละลายเห็ดหลินจือ ไม่สมควรบริโภคเกิน 1 มิลลิลิตร/วัน
ความปลอดภัยในการบริโภคเห็ดหลินจือ
แม้ว่าจะมีการพิสูจน์ถึงคุณค่าในบางด้านที่บางทีอาจเกิดขึ้นได้จากการบริโภคเห็ดหลินจือ แต่ว่าผู้บริโภคก็ควรศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับเห็ดหลินจือ และก็ขอคำแนะนำหมอหรือเภสัชกรก่อนที่จะมีการบริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรรอบคอบในด้านปริมาณรวมทั้งรูปแบบเห็ดหลินจือที่บริโภค ด้วยเหตุว่าบางทีอาจเป็นผลข้างเคียงต่อสุขภาพได้ในวันหลัง
โดยข้อควรตรึกตรองสำหรับการบริโภคเห็ดหลินจือเป็นต้นว่า
ลูกค้าทั่วไป.......
-ควรบริโภคเห็ดหลินจือในจำนวนที่พอดี
-การบริโภคสารสกัดจากเห็ดหลินจือติดต่อกันนานเกินกว่า 1 ปี อาจจะเป็นผลให้เป็นอันตรายต่อร่างกายได้
-การบริโภคสารสกัดจากเห็ดหลินจือติดต่อกันนานเกินกว่า 1 ปี อาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้
-การบริโภคสารสกัดเห็ดหลินจืออาจนำไปสู่ผลข้างเคียงได้ ยกตัวอย่างเช่น ปากแห้ง คอแห้ง คันจมูก เลือดกำเดาไหล ท้องไส้ปั่นป่วน ถ่ายเป็นเลือด
-การดื่มเหล้าองุ่นเห็ดหลินจืออาจก่อให้เกิดผลกระทบเป็นอาการผื่นคัน
-การสูดหายใจเอาเซลล์สืบพันธุ์ หรือ สปอร์ (Spores) ของเห็ดหลินจือเข้าไปอาจจะส่งผลให้เกิดอาการแพ้
คนที่ควรจะระวังสำหรับเพื่อการบริโภคเป็นพิษ
ผู้ที่ครรภ์ หรือกำลังให้นมลูก ถึงแม้ยังไม่มีการรับรองผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ในกรุ๊ปลูกค้านี้แต่ว่าผู้ที่มีครรภ์รวมทั้งผู้ที่กำลังให้นมลูกควรจะหลีกเลี่ยงการบริโภคเห็ดหลินจือ เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกายของตนเองแล้วก็ลูกน้อย
คนที่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด การบริโภคเห็ดหลินจือในจำนวนมาก อาจเพิ่มการเสี่ยงสำหรับการเกิดภาวะมีเลือดออกในผู้เจ็บป่วยบางรายที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัด ด้วยเหตุดังกล่าว เพื่อลดความเสี่ยง ผู้เจ็บป่วยควรหยุดบริโภคเห็ดหลินจือ อย่างต่ำ 2 อาทิตย์ก่อนวันผ่าตัด
ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ
ความดันเลือดต่ำ เห็ดหลินจืออาจส่งผลให้ความดันโลหิตต่ำลง ดังนั้น คนเจ็บภาวะความดันโลหิตต่ำควรต้องหลีกเลี่ยงการบริโภคเห็ดหลินจือ
ภาวการณ์เกล็ดเลือดต่ำ การบริโภคเห็ดหลินจือในจำนวนมากอาจเพิ่มความเสี่ยงสำหรับในการเกิดภาวะมีเลือดออกในคนที่มีเกล็ดเลือดต่ำ ดังนั้นผู้ป่วยภาวะเกล็ดเลือดต่ำจึงไม่ควรบริโภคเห็ดหลินจือ
ภาวการณ์มีเลือดออกไม่ดีเหมือนปกติ การบริโภคเห็ดหลินจือในปริมาณมาก อาจเพิ่มความเสี่ยงสำหรับการเกิดภาวะมีเลือดออกในผู้เจ็บป่วยบางราย โดยเฉพาะในคนที่มีภาวะเลือกออกแตกต่างจากปกติอยู่แล้ว http://www.disthai.com/

 

Sitemap 1 2 3