ผู้เขียน หัวข้อ: ทับทิมเป็นสมุนไพรผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงรักษา  (อ่าน 305 ครั้ง)

pslkoo1df5ds5

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 6
    • ดูรายละเอียด

ทับทิม
ทับทิม คือผลไม้ที่นิยมกินอย่างมากมาย โดยใช้ประโยชน์จากส่วนที่ได้ผลสำเร็จสดเยอะที่สุดแล้วก็ยังนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆตัวอย่างเช่น น้ำทับทิม สารสกัดจากทับทิม สินค้าด้านความงาม ทั้งยังยังคงใช้ทำเป็นยารักษาโรคตามสูตรยาโบราณในหลายประเทศ
ทัมทิมอุสูดดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและก็สารพฤกษเคมีหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย จึงมั่นใจว่าบางทีอาจมีคุณประโยชน์สำหรับในการคุ้มครองปกป้องโรคหรือบรรเทาอาการ ยกตัวอย่างเช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังหรือบรรเทาอาการหายใจลำบากจากโรคนี้ โรคหัวใจแล้วก็เส้นเลือด คอเลสเตอรอลสูง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคความดันโลหิตสูง โรคในโพรงปากและก็โรคเหงือก โรคริดสีดวงทวาร โรคผิวหนัง รวมทั้งอื่นๆ
ในปัจจุบันยังมีงานศึกษาวิจัยที่ศึกษาเล่าเรียนการใช้ทับทิมในต้นแบบแตกต่างกันกับการดูแลรักษาโรคที่ค่อนข้างจะจำกัด ทำให้ยังไม่สามารถที่จะกำหนดประสิทธิภาพของทับทิมต่อการดูแลและรักษาโรคได้ชัดเจน ซึ่งตัวอย่างการเรียนรู้เรื่องทับทิมกับโรคต่างๆมีดังนี้
โรคหลอดเลือดแดงแข็ง ทับทิมเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว ดังเช่น สารเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) สารแทนนิน (Tannin) สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ที่เชื่อว่าช่วยยั้งปฏิกิริยาต่อต้านอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ลดการผลิตโฟมเซลล์ แล้วก็ลดการแข็งตัวของเส้นเลือด ก็เลยบางทีอาจช่วยลดการเสี่ยงสำหรับในการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง
จากการเล่าเรียนฤทธิ์การต่อต้านสารอนุมูลอิสระของทับทิมในคนที่มีน้ำหนักเกินปริมาณ 22 คน จากการทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดทับทิม วันละ 1,000 มิลลิกรัม (มีกรดเอ็งลลิค 610 มิลลิกรัม) และวัดผลจากค่า TBARS ในเลือด (Thiobarbituric Acid Reactive Substances: TBARS) ซึ่งเป็นค่าการวัดฤทธิ์ในการต้านสารอนุมูลอิสระ เพื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนจะมีการทดสอบ พบว่าค่าดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นลดลง จึงคาดว่าการรับประทานทับทิมอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจแล้วก็เส้นโลหิต
นอกจากนั้น ยังมีงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยอีกชิ้นให้คนเจ็บโรคเส้นโลหิตแดงแข็งปริมาณ 15 คน รับประทานอาหารเสริมจากทับทิมเป็นระยะเวลามากกว่า 1 ปีขึ้นไปและ 3 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ทานอาหารเสริม ผลปรากฏว่า กรุ๊ปที่รับประทานอาหาร 3 ปีขึ้นไป มีระดับไขมันที่ลดน้อยลงราว 16% เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปอื่น ก็เลยแสดงให้เห็นว่าการกินสารสกัดจากทัมทิมมากกว่า 3 ปี อาจมีส่วนช่วยสำหรับในการลดการเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง ทั้งนี้ ยังคงต้องมีการเล่าเรียนเสริมเติมในระยะยาวกับกรุ๊ปการทดสอบขนาดใหญ่เยอะขึ้น ทำให้ยังไม่สามารถสรุปผลของทับทิมและก็การดูแลและรักษาโรคหลอดเลือดแดงแข็งได้อย่างแจ่มแจ้ง
โรคเหงือกอักเสบ ทับทิมเป็นผลไม้อีกจำพวกที่มีคุณสมบัติช่วยต้านทานเชื้อแบคทีเรีย จึงถูกประยุกต์ใช้เป็นตัวเลือกสำหรับเพื่อการรักษาโรคเหงือก เนื่องจากการดูแลและรักษาหลักบางวิธีที่ยังไม่มีประสิทธิภาพพอเพียงสำหรับการบรรเทาอาการจากโรคมากมายซักเท่าไหร่รวมทั้งลดการเสี่ยงด้านของสุขภาพจากการดูแลและรักษาโรคนี้โดยใช้สารเคมี
จากการทดสอบทางคลินิกกับคนป่วยโรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง จำนวน 40 คน เพื่อมองประสิทธิภาพของเจลสารสกัดจากทับทิมเป็นระยะเวลา 21 วัน โดยในแต่ละกลุ่มจะใช้วิธีรักษาที่แตกต่างกัน ผลพบว่า กรุ๊ปที่ใช้เจลสารสกัดจากทับทิมพร้อมกันกับการรักษาโรคเหงือกอักเสบโดยขั้นตอนการขูดหินน้ำลาย เกลารากฟัน (Mechanical Debridement) มีลักษณะอาการดีขึ้นด้านใน 7 วันแรก เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่เหลือสำหรับการทดสอบ ซึ่งเจลสารสกัดจากทับทิมจึงบางทีอาจนำไปประยุกต์ใช้เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลโพรงปากสำหรับคนป่วยโรคเหงือกอักเสบควบคู่กับการดูแลรักษาด้วยวิธีรักษาที่เป็นมาตรฐานในอนาคต
สอดคล้องกับการทดสอบอีกชิ้นที่ศึกษาประสิทธิภาพของน้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอกแบบเจลสำหรับการรักษาคนที่เป็นโรคเหงือกอักเสบจำนวน 32 คน พบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 4 อาทิตย์ มีสุขภาพโพรงปากดียิ่งขึ้นและก็ปัญหาโรคเหงือกอักเสบลดลงมากกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก งานวิจัยชิ้นนี้แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากทับทิมอาจใช้ประโยชน์เป็นส่วนประกอบในสินค้าสำหรับการบำรุงโพรงปาก เป็นต้นว่า ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยคุ้มครองและบรรเทาอาการโรคเหงือกอักเสบ
คุ้มครองการเกิดคราบจุลชีพ สารสกัดจากทับทิมมีประสิทธิภาพสำหรับการลดรอยเปื้อนจุลอินทรีย์ตามผิวฟัน รวมทั้งบางทีอาจนำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคทางโพรงปากอีกหลากหลายประเภท ซึ่งจากการทดลองให้อาสาสมัครที่มีสุขลักษณะในช่องปากดี จำนวน 30 คน หยุดใช้น้ำยาบ้วนปากที่เคยใช้ปกติ แต่ว่าสลับมาใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน (Chlorhexidine) แล้วก็ยาหลอกในแต่ละกลุ่ม โดยใช้บ้วนปาก วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน ผลพบว่าอาสาสมัครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมมีอัตราการเกิดคราบจุลินทรีย์น้อยลงอย่างเป็นจริงเป็นจังมากยิ่งกว่ายาหลอก แต่ว่ามีประสิทธิภาพไม่ได้แตกต่างจากน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน ก็เลยพอเพียงจะบอกได้ว่าสารสกัดจากทับทิมอาจลดจังหวะสำหรับการเกิดคราบจุลินทรีย์ด้านในโพรงปาก
ช่วงเวลาเดียวกัน การศึกษาเล่าเรียนอีกชิ้นก็ชี้ว่าสารสกัดทับทิมคงจะมีส่วนช่วยในการลดการเกิดรอยเปื้อนจุลินทรีย์ ซึ่งสำหรับการทดลองได้เก็บรอยเปื้อนจุลชีวันจากโพรงปากของอาสาสมัครที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงและก็กำลังจัดฟัน อายุ 9-25 ปี จำนวน 60 คน ข้างหลังงดแปรงฟันเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อเทียบผลก่อนและก็หลังการใช้น้ำยาบ้วนปากชนิดแตกต่างกันในแต่ละกลุ่ม ดังเช่น น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน รวมทั้งยาหลอก ปรากฏพบว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิมมีคุณภาพสำหรับการลดคราบเปื้อนจุลอินทรีย์ลงมากที่สุดราวๆ 84% รองลงมาเป็นน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน 79% และยาหลอกที่ต่ำลงเพียง 11% ก็เลยอาจจะกล่าวว่าสารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและก็เป็นตัวเลือกสำหรับเพื่อการใช้กำจัดคราบจุลอินทรีย์บนผิวฟัน ทั้งนี้ จากข้อมูลข้างต้นยังคงจะต้องมีการต่อว่าดตามผลในระยะยาวจากการใช้สารสกัดทับทิมอย่างสม่ำเสมอ เพราะว่าช่วงเวลาสำหรับการทดลองออกจะสั้น
ภาวะคอเลสเตอรอลสูง ทับทิมมีสรรพคุณที่พูดกันว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้เป็นอย่างดี จากการเรียนรู้ผลของการดื่มน้ำทับทิมเข้มข้น 40 กรัม ในคนไข้เบาหวานชนิดที่ 2 รวมทั้งมีภาวะไขมันในเลือดสูงปริมาณ 22 คน เป็นระยะเวลา 8 อาทิตย์โดยระหว่างการทดลองจะมีการเก็บข้อมูลอาหารที่ทานอาหารข้างใน 1 วัน ทุกๆ10 วัน (รวมถึงของกินที่มีสารฟลาโวนอยด์) ข้างหลังจบสัปดาห์ที่ 8 พบว่าผู้ป่วยหรูหราไขมันรวม ไขมันชนิดไม่ดี อัตราส่วนของไขมันไม่ดีกับไขมันดี แล้วก็อัตราส่วนของไขมันรวมกับไขมันดีที่มีสะสมอยู่ในเลือดต่ำลง แม้กระนั้นไม่พบความเคลื่อนไหวของระดับไตรกลีเซอไรด์และระดับความเข้มข้นของไขมันดี ซึ่งทำให้เห็นว่าน้ำทับทิมอาจมีส่วนช่วยลดการเสี่ยงของโรคหัวใจโดยลดระดับไขมันในคนเจ็บเบาหวานลง แต่ยังบอกมิได้เด่นชัด เนื่องจากอาหารประเภทอื่นที่รับประทานอาจมีส่วนช่วยสำหรับในการลดไขมันในเลือดได้เช่นกัน และกรุ๊ปการทดลองมีขนาดเล็ก จำเป็นต้องขยายผลการเรียนรู้ในกรุ๊ปที่ใหญ่ขึ้นเพิ่มเติมอีก นอกเหนือจากนั้น การดูแลรักษาภาวะคอเลสเตอรอลสูงควรจะมีการควบคุมของกินรวมทั้งการออกกำลังกายไปพร้อมกัน ซึ่งบางทีอาจมีคุณประโยชน์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดมากขึ้น
โรคปอดอุดกันเรื้อรัง ทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายอย่าง โดยยิ่งไปกว่านั้นสารโพลีฟีนอลที่พบได้ทั่วไปในทับทิม จากรายงานผลที่เจอในห้องทดลองระบุว่าสารกลุ่มนี้มีส่วนสำคัญสำหรับเพื่อการบรรเทาอาการโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังรวมทั้งบางทีอาจชะลอไม่ให้โรคพัฒนาอย่างเร็ว จึงมีการเล่าเรียนคุณภาพของสารโพลีฟีนอลในคนเพิ่มเติม โดยให้คนไข้โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ปริมาณ 30 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่กินน้ำทับทิม 400 มล. (มีสารโพลิฟีนอล 2.66 กรัม) เปรียบเทียบกับอีกกลุ่มที่รับประทานยาหลอกติดต่อกันวันแล้ววันเล่าเป็นระยะ 5 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า ไม่เจอสารโพลิฟีนอลอีกทั้งในเลือดและก็เยี่ยวของคนป่วย อีกทั้งยังไม่พบความต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่าง 2 กลุ่ม จึงคาดว่าทับทิมไม่น่ามีส่วนช่วยในการรักษาหรือทุเลาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
โดยปกติสารอาหารที่เข้าสู่ร่างกายจะถูกเผาผลาญผ่านกระบวนเมตาบอลิซึมและก็ตรวจพบได้ในเลือดหรือปัสสาวะ แม้กระนั้นผลการศึกษาวิจัยกลับไม่เจอสารโพลีฟีนอลจากการกิน ซึ่งอาจมีสาเหตุจากการเสื่อมสลายสารกลุ่มนี้โดยจุลชีพในระบบการทำงานด้านการย่อยอาหาร จึงควรทำความเข้าใจแนวทางการดูดซึมสารอาหารที่ต่างกันก่อนจะอ้างถึงผลดีด้านสุขภาพจากการกิน ด้วยเหตุว่าสารอาหารที่พบในของกินที่กินบางทีอาจมิได้ถูกนำไปใช้คุณประโยชน์ในร่างกายมนุษย์เราทั้งหมด
โรคและอาการอื่นๆอย่างเช่น โรคเส้นเลือดหัวใจ การหย่อนยานความสามารถทางเพศ เจ็บกล้ามหลังการออกกำลังกาย กรุ๊ปอาการอ้วนลงพุง โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแสงแดด การต่อว่าดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) ท้องเดิน โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง และก็อื่นๆยังจำเป็นที่จะต้องศึกษาค้นคว้าวิจัยเพิ่มอีกเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับคุณภาพและความปลอดภัยของทับทิมสำหรับในการรักษาโรค

ข้อมูลทางโภชนศาสตร์ของผลทับทิม 100 กรัม (โดยประมาณ)
น้ำ 77.93 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 1.67 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.70 กรัม
เส้นใย 4.0 กรัม
น้ำตาล 13.67 กรัม
แคลเซียม 10 มก.
เหล็ก 0.30 มก.
แมงกานีส 12 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 236 มิลลิกรัม
โซเดียม 3 มิลลิกรัม
สังกะสี 0.35 มิลลิกรัม
วิตามินซี 10.2 มก.
วิตามินบี 1 0.067 มิลลิกรัม
วิตามินบี 2 0.053 มิลลิกรัม
วิตามินบี 3 0.293 มก.
วิตามินบี 6 0.075 มก.
โฟเลต 38 ไมโครกรัม
วิตามินอี 0.60 มก.
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม
ความปลอดภัยสำหรับการกินทับทิมหรือสินค้าจากทับทิม
โดยทั่วไปการรับประทานน้ำทับทิมออกจะมีความปลอดภัย แต่ว่าในบางรายที่มีลักษณะอาการแพ้ผลสดของทับทิมอาจเป็นผลใกล้กันจากการกินน้ำทับทิมได้
รากทับทิมมีสารที่เป็นพิษต่อสถาพทางร่างกาย การกินรากแล้วก็ลำต้นของทับทิมในปริมาณมากอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมค่อนข้างปลอดภัยสำหรับเพื่อการกินหรือนำมาใช้กับผิวหนัง แม้กระนั้นอาจส่งผลให้เกิดอาการแพ้บางส่วนในบางราย ดังเช่น อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจลำบาก
การรับประทานน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงท้องหรืออยู่ในตอนให้นมลูก แต่ว่ายังไม่มีรายงานรับรองความปลอดภัยสำหรับเพื่อการกินหรือใช้ทับทิมในแบบอื่น ดังเช่น สารสกัดจากทับทิม ควรต้องขอคำแนะนำแพทย์ก่อนที่จะมีการรับประทานทุกคราว
น้ำทับทิมอาจจะเป็นผลให้ความดันโลหิตลดลดน้อยลงเล็กน้อย ซึ่งอาจก่อให้ผู้ป่วยที่มีภาวการณ์ความดันต่ำอาการแย่ลง
ผู้ที่มีลักษณะอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีการเสี่ยงที่จะกำเนิดอาการแพ้จากการกินทับทิม
คนไข้ที่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดควรหยุดรับประทานทับทิมอย่างน้อย 2 อาทิตย์ ด้วยเหตุว่าทับทิมส่งผลให้ความดันโลหิตต่ำลง ก็เลยบางทีอาจกระทบต่อความดันโลหิตในขณะผ่าตัดหรือส่งผลต่อเนื่องไปยังหลังการผ่าตัด
การรับประทานทับทิมควบคู่กับยาบางประเภทอาจส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา เช่น ยาที่เกี่ยวโยงกับหลักการทำงานของตับโดยเอนไซม์ตับ Cytochrome ชนิด P450 2D6 หรือจำพวก P450 3A4 ยาลดความดันเลือดหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาโรสุวาสแตตำหนิน คนที่รับประทานยาเป็นประจำหรือมีโรคประจำตัวควรขอความเห็นหมอก่อนจะมีการกินเพื่อความปลอดภัย

 

Sitemap 1 2 3