ผู้เขียน หัวข้อ: ทับทิมเป็นสมุนไพรผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงรักษา  (อ่าน 322 ครั้ง)

duooitt01vg

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 7
    • ดูรายละเอียด

ทับทิม
ทับทิม คือผลไม้ที่นิยมรับประทานอย่างแพร่หลาย โดยใช้ประโยชน์จากส่วนที่สำเร็จสดสูงที่สุดและก็ยังนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆได้แก่ น้ำทับทิม สารสกัดจากทับทิม ผลิตภัณฑ์ด้านความสวย ทั้งยังยังใช้ทำเป็นยารักษาโรคตามสูตรยาโบราณในหลายประเทศ
ทัมทิมอุสูดดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและก็สารพฤกษเคมีหลายชนิดที่มีสาระต่อร่างกาย ก็เลยเชื่อว่าบางทีอาจเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อการป้องกันโรคหรือทุเลาอาการ อาทิเช่น โรคปอดอุดกันเรื้อรังหรือทุเลาอาการหายใจติดขัดจากโรคนี้ โรคหัวใจและเส้นเลือด คอเลสเตอรอลสูง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคความดันโลหิตสูง โรคในโพรงปากแล้วก็โรคเหงือก โรคริดสีดวงทวาร โรคผิวหนัง และก็อื่นๆ
ในขณะนี้ยังมีงานศึกษาเรียนรู้ที่ศึกษาเล่าเรียนการใช้ทับทิมในต้นแบบแตกต่างกันกับการดูแลรักษาโรคที่ค่อนข้างจำกัด ทำให้ยังไม่สามารถที่จะระบุประสิทธิภาพของทับทิมต่อการดูแลรักษาโรคได้กระจ่างแจ้ง ซึ่งตัวอย่างการเล่าเรียนเรื่องทับทิมกับโรคต่างๆมีดังนี้
โรคเส้นโลหิตแดงแข็ง ทับทิมเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว อาทิเช่น สารเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) สารแทนนิน (Tannin) สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ที่มั่นใจว่าช่วยยั้งปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ลดการสร้างโฟมเซลล์ รวมทั้งลดการแข็งตัวของเส้นเลือด ก็เลยอาจช่วยลดการเสี่ยงสำหรับการเกิดโรคเส้นเลือดแดงแข็ง
จากการเรียนฤทธิ์การต้านทานสารอนุมูลอิสระของทับทิมในผู้ที่มีน้ำหนักเกินจำนวน 22 คน จากการรับประทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดทับทิม วันละ 1,000 มิลลิกรัม (มีกรดมึงลลิค 610 มิลลิกรัม) แล้วก็วัดผลจากค่า TBARS ในเลือด (Thiobarbituric Acid Reactive Substances: TBARS) ซึ่งเป็นค่าการตรวจวัดฤทธิ์สำหรับการต้านทานสารอนุมูลอิสระ เพื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนจะมีการทดสอบ พบว่าค่าดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วลดลง ก็เลยคาดว่าการกินทับทิมบางทีอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและเส้นโลหิต
นอกจากนี้ ยังมีงานค้นคว้าวิจัยอีกชิ้นให้คนไข้โรคเส้นโลหิตแดงแข็งจำนวน 15 คน ทานอาหารเสริมจากทับทิมเป็นระยะเวลามากยิ่งกว่า 1 ปีขึ้นไปรวมทั้ง 3 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบกับกลุ่มที่มิได้กินอาหารเสริม ผลปรากฏว่า กรุ๊ปที่รับประทานอาหาร 3 ปีขึ้นไป มีระดับไขมันที่ต่ำลงประมาณ 16% เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอื่น จึงทำให้เห็นว่าการกินสารสกัดจากทัมทิมมากยิ่งกว่า 3 ปี อาจมีส่วนช่วยสำหรับในการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง ทั้งนี้ ยังคงควรจะมีการศึกษาเพิ่มในระยะยาวกับกรุ๊ปการทดสอบขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ยังไม่สามารถที่จะสรุปผลของทับทิมและการรักษาโรคเส้นเลือดแดงแข็งได้อย่างแจ่มแจ้ง
โรคเหงือกอักเสบ ทับทิมคือผลไม้อีกประเภทที่มีคุณสมบัติช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ก็เลยถูกนำมาใช้เป็นตัวเลือกสำหรับเพื่อการรักษาโรคเหงือก เนื่องจากว่าการรักษาหลักบางแนวทางที่ยังไม่มีคุณภาพเพียงพอสำหรับเพื่อการทุเลาอาการจากโรคมากสักเท่าไหร่รวมทั้งลดการเสี่ยงด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจากการดูแลรักษาโรคนี้โดยใช้สารเคมี
จากการทดลองทางสถานพยาบาลกับคนเจ็บโรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง ปริมาณ 40 คน เพื่อมองคุณภาพของเจลสารสกัดจากทับทิมเป็นระยะเวลา 21 วัน โดยในแต่ละกลุ่มจะใช้วิธีรักษาที่แตกต่างกัน ผลพบว่า กลุ่มที่ใช้เจลสารสกัดจากทับทิมควบคู่กับการดูแลรักษาโรคเหงือกอักเสบโดยกรรมวิธีขูดหินน้ำลาย เกลารากฟัน (Mechanical Debridement) มีลักษณะดียิ่งขึ้นภายใน 7 วันแรก เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่เหลือสำหรับการทดสอบ ซึ่งเจลสารสกัดจากทับทิมก็เลยบางทีอาจนำไปปรับใช้เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากสำหรับผู้เจ็บป่วยโรคเหงือกอักเสบควบคู่กับการดูแลและรักษาด้วยวิธีรักษาที่เป็นมาตรฐานในอนาคต
สอดคล้องกับการทดลองอีกชิ้นที่เรียนรู้สมรรถนะของน้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอกแบบอย่างเจลในการรักษาคนที่เป็นโรคเหงือกอักเสบปริมาณ 32 คน พบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ มีสุขภาพโพรงปากดียิ่งขึ้นและปัญหาโรคเหงือกอักเสบน้อยลงมากยิ่งกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก การศึกษาค้นคว้าวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากทับทิมบางทีอาจเอาไปใช้เป็นส่วนประกอบในสินค้าเพื่อการบำรุงช่องปาก เช่น ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยคุ้มครองและทุเลาอาการโรคเหงือกอักเสบ
คุ้มครองปกป้องการเกิดคราบจุลชีวัน สารสกัดจากทับทิมมีคุณภาพในการลดคราบเปื้อนจุลินทรีย์ตามผิวฟัน และก็บางทีอาจทำให้เกิดโรคทางช่องปากอีกหลายประเภท ซึ่งจากการทดลองให้อาสาสมัครที่มีสุขอนามัยในโพรงปากดี จำนวน 30 คน หยุดใช้น้ำยาบ้วนปากที่เคยใช้ปกติ แต่ว่าสลับมาใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน (Chlorhexidine) แล้วก็ยาหลอกในแต่ละกรุ๊ป โดยใช้บ้วนปาก วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน ผลพบว่าอาสาสมัครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมมีอัตราการเกิดคราบเปื้อนจุลชีวันต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญมากยิ่งกว่ายาหลอก แม้กระนั้นมีประสิทธิภาพไม่ได้มีความแตกต่างจากน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน จึงพอเพียงจะกล่าวได้ว่าสารสกัดจากทับทิมอาจลดจังหวะสำหรับการกำเนิดคราบจุลชีพข้างในช่องปาก
ขณะเดียวกัน การศึกษาเล่าเรียนอีกชิ้นก็ชี้ว่าสารสกัดทับทิมคงจะมีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการลดการเกิดคราบจุลชีพ ซึ่งสำหรับในการทดสอบได้เก็บคราบจุลชีพจากช่องปากของอาสาสมัครที่มีสุขภาพดีรวมทั้งกำลังจัดฟัน อายุ 9-25 ปี ปริมาณ 60 คน หลังงดแปรงฟันเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อเปรียบเทียบผลก่อนรวมทั้งหลังการใช้น้ำยาบ้วนปากประเภทแตกต่างในแต่ละกลุ่ม ตัวอย่างเช่น น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน แล้วก็ยาหลอก ปรากฏพบว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิมมีคุณภาพสำหรับเพื่อการลดรอยเปื้อนจุลินทรีย์ลงมากที่สุดประมาณ 84% รองลงมาเป็นน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน 79% และยาหลอกที่น้อยลงเพียงแต่ 11% ก็เลยอาจกล่าวได้ว่าสารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียแล้วก็เป็นตัวเลือกสำหรับเพื่อการใช้กำจัดคราบจุลินทรีย์บนผิวฟัน ดังนี้ จากข้อมูลข้างต้นยังคงจะต้องมีการต่อว่าดตามผลในระยะยาวจากการใช้สารสกัดทับทิมอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุว่าระยะเวลาในการทดลองค่อนข้างจะสั้น
ภาวการณ์คอเลสเตอรอลสูง ทับทิมมีสรรพคุณที่พูดกันว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้อย่างดีเยี่ยม จากการเรียนรู้ผลของการกินน้ำทับทิมเข้มข้น 40 กรัม ในคนไข้โรคเบาหวานชนิดที่ 2 รวมทั้งมีภาวะไขมันในเลือดสูงปริมาณ 22 คน เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์โดยระหว่างการทดสอบจะมีการเก็บข้อมูลของกินที่กินอาหารภายใน 1 วัน ทุกๆ10 วัน (รวมทั้งอาหารที่มีสารฟลาโวนอยด์) ข้างหลังจบสัปดาห์ที่ 8 พบว่าผู้ป่วยหรูหราไขมันรวม ไขมันจำพวกไม่ดี อัตราส่วนของไขมันไม่ดีกับไขมันดี แล้วก็อัตราส่วนของไขมันรวมกับไขมันดีที่มีสะสมอยู่ในเลือดลดน้อยลง แต่ว่าไม่พบการเปลี่ยนแปลงของระดับไตรกลีเซอไรด์และระดับความเข้มข้นของไขมันดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าน้ำทับทิมอาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจโดยลดระดับไขมันในผู้เจ็บป่วยเบาหวานลง แต่ยังบอกไม่ได้เด่นชัด เพราะว่าอาหารประเภทอื่นที่กินอาจมีส่วนช่วยสำหรับในการลดไขมันในเลือดได้ด้วยเหมือนกัน รวมทั้งกลุ่มการทดสอบมีขนาดเล็ก จำเป็นที่จะต้องขยายผลการเรียนรู้ในกรุ๊ปที่ใหญ่ขึ้นเพิ่ม นอกเหนือจากนั้น การดูแลรักษาสภาวะคอเลสเตอรอลสูงจะต้องมีการควบคุมของกินรวมทั้งการบริหารร่างกายไปพร้อมกัน ซึ่งบางทีอาจมีประโยชน์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดมากยิ่งขึ้น
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายอย่าง โดยเฉพาะสารโพลีฟีนอลที่พบได้มากในทับทิม จากรายงานผลที่เจอในห้องทดลองบอกว่าสารเหล่านี้มีส่วนสำคัญในการบรรเทาอาการของโรคปอดอุดกันเรื้อรังแล้วก็บางทีอาจชะลอไม่ให้โรคปรับปรุงอย่างรวดเร็ว จึงมีการเรียนคุณภาพของสารโพลีฟีนอลในคนเพิ่มเติมอีก โดยให้คนป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ปริมาณ 30 คน แบ่งเป็นกรุ๊ปที่กินน้ำทับทิม 400 มิลลิลิตร (มีสารโพลิฟีนอล 2.66 กรัม) เปรียบเทียบกับอีกกลุ่มที่รับประทานยาหลอกติดต่อกันทุกวันเป็นระยะ 5 อาทิตย์ ผลปรากฏว่า ไม่พบสารโพลิฟีนอลทั้งในเลือดและก็ฉี่ของผู้ป่วย อีกทั้งยังไม่เจอความไม่เหมือนอย่างเป็นจริงเป็นจังระหว่าง 2 กรุ๊ป ก็เลยคาดว่าทับทิมไม่น่ามีส่วนช่วยสำหรับการรักษาหรือบรรเทาโรคปอดอุดกันเรื้อรัง
โดยธรรมดาสารอาหารที่ไปสู่ร่างกายจะถูกเผาผลาญผ่านกระบวนเมตาบอลิซึมแล้วก็ตรวจพบได้ในเลือดหรือเยี่ยว แม้กระนั้นผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยกลับไม่พบสารโพลีฟีนอลจากการกิน ซึ่งบางทีอาจมีต้นเหตุจากการเสื่อมสลายสารเหล่านี้โดยจุลอินทรีย์ในระบบย่อยอาหาร จะต้องทำความเข้าใจขั้นตอนดูดซับสารอาหารที่ต่างกันก่อนจะอ้างถึงคุณประโยชน์ด้านของสุขภาพจากการรับประทาน เนื่องจากสารอาหารที่เจอในของกินที่รับประทานบางทีอาจมิได้ถูกใช้ประโยชน์คุณประโยชน์ในร่างกายมนุษย์เราทั้งหมดทั้งปวง
โรคแล้วก็อาการอื่นๆอย่างเช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ การหย่อนยานสมรรถนะทางเพศ เจ็บกล้ามหลังการบริหารร่างกาย กรุ๊ปอาการอ้วนอ้วน โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแสงแดด การติดเชื้อทริวัวโมแนส (Trichomoniasis) ท้องร่วง โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง รวมทั้งอื่นๆยังควรต้องศึกษาค้นคว้าศึกษาค้นคว้าเพิ่มเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับคุณภาพรวมทั้งความปลอดภัยของทับทิมในการรักษาโรค

ข้อมูลทางโภชนศาสตร์ของผลทับทิม 100 กรัม (โดยประมาณ)
น้ำ 77.93 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 1.67 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.70 กรัม
เส้นใย 4.0 กรัม
น้ำตาล 13.67 กรัม
แคลเซียม 10 มิลลิกรัม
เหล็ก 0.30 มก.
แมงกานีส 12 มก.
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 236 มก.
โซเดียม 3 มิลลิกรัม
สังกะสี 0.35 มิลลิกรัม
วิตามินซี 10.2 มิลลิกรัม
วิตามินบี 1 0.067 มก.
วิตามินบี 2 0.053 มก.
วิตามินบี 3 0.293 มก.
วิตามินบี 6 0.075 มก.
โฟเลต 38 ไมโครกรัม
วิตามินอี 0.60 มิลลิกรัม
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม
ความปลอดภัยสำหรับเพื่อการรับประทานทับทิมหรือสินค้าจากทับทิม
โดยทั่วไปการรับประทานน้ำทับทิมค่อนข้างมีความปลอดภัย แม้กระนั้นในบางรายที่มีอาการแพ้ผลสดของทับทิมอาจเป็นผลใกล้กันจากการกินน้ำทับทิมได้
รากทับทิมประกอบด้วยสารที่เป็นพิษต่อสภาพร่างกาย การกินรากและก็ลำต้นของทับทิมในจำนวนมากบางทีอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมค่อนข้างจะไม่เป็นอันตรายในการกินหรือนำมาใช้กับผิวหนัง แต่ว่าอาจจะก่อให้กำเนิดอาการแพ้เล็กน้อยในบางราย อย่างเช่น อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจไม่สะดวก
การรับประทานน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงท้องหรืออยู่ในตอนให้นมลูก แม้กระนั้นยังไม่มีรายงานยืนยันความปลอดภัยสำหรับการกินหรือใช้ทับทิมในต้นแบบอื่น เช่น สารสกัดจากทับทิม จำเป็นที่จะต้องขอความเห็นหมอก่อนที่จะมีการกินทุกครั้ง
น้ำทับทิมอาจก่อให้ความดันเลือดลดลดลงน้อย ซึ่งอาจจะเป็นผลให้คนป่วยที่มีภาวะความดันต่ำอาการกำเริบ
คนที่มีอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้จากการรับประทานทับทิม
คนเจ็บที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดควรหยุดกินทับทิมอย่างน้อย 2 อาทิตย์ เนื่องจากว่าทับทิมส่งผลให้ความดันเลือดต่ำลง จึงบางทีอาจกระทบต่อความดันโลหิตในขณะผ่าตัดหรือมีผลต่อเนื่องไปยังหลังการผ่าตัด
การกินทับทิมควบคู่กับยาบางชนิดอาจจะทำให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ได้แก่ ยาที่เกี่ยวข้องกับลักษณะการทำงานของตับโดยเอนไซม์ตับ Cytochrome จำพวก P450 2D6 หรือประเภท P450 3A4 ยาลดระดับความดันเลือดหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาโรสุวาสแตตำหนิน ผู้ที่กินยาบ่อยๆหรือมีโรคประจำตัวควรจะขอความเห็นหมอก่อนการกินเพื่อให้เกิดความปลอดภัย

 

Sitemap 1 2 3