ผู้เขียน หัวข้อ: ทับทิมเป็นสมุนไพรผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงรักษา  (อ่าน 318 ครั้ง)

af0ck1sd20cx5

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 7
    • ดูรายละเอียด

ทับทิม
ทับทิม คือผลไม้ที่นิยมกินอย่างมากมาย โดยใช้ประโยชน์จากส่วนที่สำเร็จสดสูงที่สุดแล้วก็ยังนำไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆเป็นต้นว่า น้ำทับทิม สารสกัดจากทับทิม สินค้าด้านความสวย ทั้งยังใช้ทำเป็นยารักษาโรคตามสูตรยาโบราณในหลายประเทศ
ทัมทิมอุสูดดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและก็สารพฤกษเคมีหลายประเภทที่มีประโยชน์ต่อสภาพทางด้านร่างกาย จึงมั่นใจว่าบางทีอาจมีประโยชน์ในการป้องกันโรคหรือทุเลาอาการ เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังหรือบรรเทาอาการหายใจติดขัดจากโรคนี้ โรคหัวใจรวมทั้งเส้นเลือด คอเลสเตอรอลสูง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคความดันเลือดสูง โรคในโพรงปากแล้วก็โรคเหงือก โรคริดสีดวงทวาร โรคผิวหนัง รวมทั้งอื่นๆ
ในขณะนี้ยังมีงานศึกษาค้นคว้าวิจัยที่เรียนรู้การใช้ทับทิมในแบบต่างกันกับการดูแลและรักษาโรคที่ออกจะจำกัด ทำให้ยังไม่อาจจะกำหนดสมรรถนะของทับทิมต่อการดูแลรักษาโรคได้กระจ่าง ซึ่งตัวอย่างการเล่าเรียนเรื่องทับทิมกับโรคต่างๆมีดังนี้
โรคเส้นเลือดแดงแข็ง ทับทิมเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว เช่น สารเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) สารแทนนิน (Tannin) สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ที่เชื่อว่าช่วยยับยั้งปฏิกิริยาต่อต้านอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ลดการผลิตโฟมเซลล์ รวมทั้งลดการแข็งตัวของเส้นโลหิต จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงในการกำเนิดโรคเส้นโลหิตแดงแข็ง
จากการเล่าเรียนฤทธิ์การต้านสารอนุมูลอิสระของทับทิมในคนที่มีน้ำหนักเกินปริมาณ 22 คน จากการรับประทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดทับทิม วันละ 1,000 มก. (ประกอบด้วยกรดเอ็งลลิค 610 มิลลิกรัม) แล้วก็ประเมินผลจากค่า TBARS ในเลือด (Thiobarbituric Acid Reactive Substances: TBARS) ซึ่งเป็นค่าการวัดฤทธิ์ในการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ เพื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนที่จะมีการทดลอง พบว่าค่าดังที่กล่าวถึงแล้วลดลง จึงคาดว่าการกินทับทิมบางทีอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจแล้วก็หลอดเลือด
นอกเหนือจากนั้น ยังมีงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยอีกชิ้นให้คนป่วยโรคเส้นโลหิตแดงแข็งจำนวน 15 คน กินอาหารเสริมจากทับทิมเป็นระยะเวลามากยิ่งกว่า 1 ปีขึ้นไปรวมทั้ง 3 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่มิได้รับประทานอาหารเสริม ผลปรากฏว่า กลุ่มที่รับประทานอาหาร 3 ปีขึ้นไป มีระดับไขมันที่ลดน้อยลงประมาณ 16% เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปอื่น ก็เลยทำให้เห็นว่าการกินสารสกัดจากทัมทิมมากยิ่งกว่า 3 ปี อาจมีส่วนช่วยสำหรับการลดการเสี่ยงของการเกิดโรคเส้นเลือดแดงแข็ง ทั้งนี้ ยังคงควรมีการศึกษาเพิ่มเติมในระยะยาวกับกรุ๊ปการทดลองขนาดใหญ่มากขึ้น ทำให้ยังไม่อาจจะสรุปผลของทับทิมรวมทั้งการรักษาโรคเส้นเลือดแดงแข็งได้อย่างชัดเจน
โรคเหงือกอักเสบ ทับทิมคือผลไม้อีกประเภทที่มีคุณสมบัติช่วยต้านทานเชื้อแบคทีเรีย จึงถูกนำมาใช้เป็นตัวเลือกสำหรับเพื่อการรักษาโรคเหงือก เนื่องจากว่าการรักษาหลักบางวิธีที่ยังไม่มีสมรรถนะพอเพียงสำหรับเพื่อการบรรเทาอาการจากโรคมากซักเท่าไหร่แล้วก็ลดการเสี่ยงด้านสุขภาพจากการดูแลและรักษาโรคนี้โดยใช้สารเคมี
จากการทดลองทางสถานพยาบาลกับผู้เจ็บป่วยโรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง ปริมาณ 40 คน เพื่อดูความสามารถของเจลสารสกัดจากทับทิมเป็นระยะเวลา 224 ชั่วโมง โดยในแต่ละกรุ๊ปจะใช้วิธีรักษาที่แตกต่าง ผลพบว่า กลุ่มที่ใช้เจลสารสกัดจากทับทิมควบคู่กับการดูแลรักษาโรคเหงือกอักเสบโดยวิธีการขูดหินน้ำลาย เกลารากฟัน (Mechanical Debridement) มีอาการดียิ่งขึ้นด้านใน 7 วันแรก เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่เหลือสำหรับเพื่อการทดลอง ซึ่งเจลสารสกัดจากทับทิมก็เลยบางทีอาจนำไปปรับใช้เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลโพรงปากสำหรับคนไข้โรคเหงือกอักเสบควบคู่กับการดูแลและรักษาด้วยวิธีรักษาที่เป็นมาตรฐานในอนาคต
สอดคล้องกับการทดสอบอีกชิ้นที่ศึกษาสมรรถนะของน้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ใช้ยาหลอกแบบอย่างเจลสำหรับในการรักษาผู้ที่เป็นโรคเหงือกอักเสบปริมาณ 32 คน พบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม วันละ 3 ครั้ง ตรงเวลา 4 อาทิตย์ มีสุขภาพโพรงปากดียิ่งขึ้นและก็ปัญหาโรคเหงือกอักเสบต่ำลงมากกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก การศึกษาชิ้นนี้ทำให้เห็นว่าสารสกัดจากทับทิมอาจนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาช่องปาก ตัวอย่างเช่น ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยปกป้องและก็บรรเทาลักษณะโรคเหงือกอักเสบ
ป้องกันการเกิดคราบเปื้อนจุลชีพ สารสกัดจากทับทิมมีคุณภาพสำหรับในการลดคราบจุลชีพตามผิวฟัน และก็บางทีอาจนำมาซึ่งโรคทางช่องปากอีกหลากหลายประเภท ซึ่งจากการทดสอบให้อาสาสมัครที่มีสุขอนามัยในโพรงปากดี จำนวน 30 คน หยุดใช้น้ำยาบ้วนปากที่เคยใช้ปกติ แต่สลับมาใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน (Chlorhexidine) รวมทั้งยาหลอกในแต่ละกลุ่ม โดยใช้บ้วนปาก วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน ผลพบว่าอาสาสมัครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมมีอัตราการเกิดคราบเปื้อนจุลินทรีย์ลดลงอย่างเป็นจริงเป็นจังมากยิ่งกว่ายาหลอก แต่มีคุณภาพไม่มีความต่างจากน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน ก็เลยพอเพียงจะบอกได้ว่าสารสกัดจากทับทิมอาจลดโอกาสสำหรับเพื่อการเกิดรอยเปื้อนจุลชีวันภายในโพรงปาก
เวลาเดียวกัน การศึกษาเล่าเรียนอีกชิ้นก็ชี้ว่าสารสกัดทับทิมคงจะมีส่วนช่วยสำหรับการลดการเกิดคราบจุลอินทรีย์ ซึ่งในการทดสอบได้เก็บรอยเปื้อนจุลินทรีย์จากช่องปากของอาสาสมัครที่มีสุขภาพแข็งแรงแล้วก็กำลังจัดฟัน อายุ 9-25 ปี ปริมาณ 60 คน หลังงดเว้นแปรงฟันเป็นระยะเวลา 1 วัน เพื่อเปรียบเทียบผลก่อนและหลังการใช้น้ำยาบ้วนปากประเภทต่างกันในแต่ละกลุ่ม ยกตัวอย่างเช่น น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน และก็ยาหลอก ปรากฏพบว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิมมีประสิทธิภาพในการลดรอยเปื้อนจุลชีวันลงมากที่สุดราวๆ 84% รองลงมาเป็นน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน 79% และก็ยาหลอกที่ต่ำลงเพียง 11% จึงอาจจะกล่าวว่าสารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรียและเป็นตัวเลือกสำหรับในการใช้กำจัดคราบจุลชีพบนผิวฟัน ทั้งนี้ จากข้อมูลข้างต้นยังคงควรจะมีการตำหนิดตามผลในระยะยาวจากการใช้สารสกัดทับทิมโดยตลอด เนื่องจากว่าระยะเวลาในการทดสอบค่อนข้างสั้น
ภาวการณ์คอเลสเตอรอลสูง ทับทิมมีสรรพคุณที่กล่าวกันว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้อย่างดีเยี่ยม จากการเรียนผลการกินน้ำทับทิมเข้มข้น 40 กรัม ในคนเจ็บโรคเบาหวานประเภทที่ 2 และก็มีสภาวะไขมันในเลือดสูงปริมาณ 22 คน เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์โดยระหว่างการทดสอบจะมีการเก็บข้อมูลอาหารที่กินอาหารด้านใน 24 ชั่วโมง ทุกๆ10 วัน (รวมถึงอาหารที่มีสารฟลาโวนอยด์) หลังจบอาทิตย์ที่ 8 พบว่าผู้ป่วยหรูหราไขมันรวม ไขมันจำพวกไม่ดี อัตราส่วนของไขมันไม่ดีกับไขมันดี แล้วก็อัตราส่วนของไขมันรวมกับไขมันดีที่มีสะสมอยู่ในเลือดลดลง แต่ว่าไม่เจอการเปลี่ยนแปลงของระดับไตรกลีเซอไรด์รวมทั้งระดับความเข้มข้นของไขมันดี ซึ่งชี้ให้เห็นว่าน้ำทับทิมอาจมีส่วนช่วยลดการเสี่ยงของโรคหัวใจโดยลดระดับไขมันในผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานลง แต่ว่ายังบอกไม่ได้แจ่มแจ้ง เนื่องด้วยของกินชนิดอื่นที่รับประทานอาจมีส่วนช่วยสำหรับการลดไขมันในเลือดได้เช่นเดียวกัน และก็กลุ่มการทดลองมีขนาดเล็ก ควรต้องขยายผลการศึกษาในกรุ๊ปที่ใหญ่ขึ้นเพิ่ม ยิ่งกว่านั้น การรักษาภาวะคอเลสเตอรอลสูงควรมีการควบคุมอาหารแล้วก็การออกกำลังกายไปพร้อมกัน ซึ่งอาจมีประโยชน์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดเยอะขึ้น
โรคปอดอุดกันเรื้อรัง ทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายอย่าง โดยยิ่งไปกว่านั้นสารโพลีฟีนอลที่พบบ่อยในทับทิม จากรายงานผลที่พบในห้องทดลองบอกว่าสารพวกนี้มีส่วนสำคัญในการทุเลาลักษณะโรคปอดอุดกันเรื้อรังแล้วก็บางทีอาจชะลอไม่ให้โรคปรับปรุงอย่างเร็ว ก็เลยมีการเล่าเรียนความสามารถของสารโพลีฟีนอลในคนเพิ่มเติมอีก โดยให้ผู้ป่วยโรคปอดอุดกันเรื้อรัง ปริมาณ 30 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่ดื่มน้ำทับทิม 400 มิลลิลิตร (มีสารโพลิฟีนอล 2.66 กรัม) เปรียบเทียบกับอีกกลุ่มที่กินยาหลอกติดต่อกันแต่ละวันเป็นระยะ 5 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า ไม่พบสารโพลิฟีนอลทั้งยังในเลือดรวมทั้งปัสสาวะของคนป่วย ทั้งยังไม่พบความแตกต่างอย่างเป็นจริงเป็นจังระหว่าง 2 กลุ่ม จึงคาดว่าทับทิมไม่น่ามีส่วนช่วยสำหรับการรักษาหรือบรรเทาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
โดยธรรมดาสารอาหารที่เข้าสู่ร่างกายจะถูกเผาผลาญผ่านกระบวนเมตาบอลิซึมแล้วก็ตรวจเจอได้ในเลือดหรือฉี่ แม้กระนั้นผลการศึกษาเรียนรู้กลับไม่พบสารโพลีฟีนอลจากการกิน ซึ่งอาจมีต้นเหตุมาจากการย่อยสลายสารเหล่านี้โดยจุลินทรีย์ในระบบย่อยอาหาร ควรต้องทำความเข้าใจแนวทางการดูดซับสารอาหารที่ไม่เหมือนกันก่อนที่จะอ้างถึงผลดีด้านของสุขภาพจากการกิน เพราะว่าสารอาหารที่พบในอาหารที่รับประทานอาจมิได้ถูกเอาไปใช้ประโยชน์ภายในร่างกายคนเราทั้งผอง
โรคแล้วก็อาการอื่นๆได้แก่ โรคเส้นเลือดหัวใจ การหย่อนสมรรถนะทางเพศ เจ็บกล้ามเนื้อข้างหลังการออกกำลังกาย กรุ๊ปอาการอ้วนอ้วน โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแสงแดด การตำหนิดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) ท้องร่วง โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง แล้วก็อื่นๆยังจะต้องทำการศึกษาเรียนรู้วิจัยเพิ่มเติมเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับคุณภาพรวมทั้งความปลอดภัยของทับทิมสำหรับการรักษาโรค

ข้อมูลทางโภชนศาสตร์ของผลทับทิม 100 กรัม (โดยประมาณ)
น้ำ 77.93 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 1.67 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.70 กรัม
เส้นใย 4.0 กรัม
น้ำตาล 13.67 กรัม
แคลเซียม 10 มิลลิกรัม
เหล็ก 0.30 มิลลิกรัม
แมงกานีส 12 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 36 มก.
โพแทสเซียม 236 มิลลิกรัม
โซเดียม 3 มิลลิกรัม
สังกะสี 0.35 มก.
วิตามินซี 10.2 มก.
วิตามินบี 1 0.067 มก.
วิตามินบี 2 0.053 มิลลิกรัม
วิตามินบี 3 0.293 มิลลิกรัม
วิตามินบี 6 0.075 มก.
โฟเลต 38 ไมโครกรัม
วิตามินอี 0.60 มก.
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม
ความปลอดภัยสำหรับการกินทับทิมหรือสินค้าจากทับทิม
โดยปกติการกินน้ำทับทิมออกจะมีความปลอดภัย แต่ในบางรายที่มีลักษณะแพ้ผลสดของทับทิมบางทีอาจเป็นผลข้างๆจากการดื่มน้ำทับทิมได้
รากทับทิมมีสารที่เป็นพิษต่อสุขภาพ การรับประทานรากและลำต้นของทับทิมในจำนวนมากอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมค่อนข้างจะไม่เป็นอันตรายสำหรับการกินหรือประยุกต์ใช้กับผิวหนัง แต่อาจทำให้เกิดอาการแพ้บางส่วนในบางราย เช่น อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจลำบาก
การรับประทานน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงมีครรภ์หรืออยู่ในตอนให้นมบุตร แม้กระนั้นยังไม่มีรายงานรับรองความปลอดภัยในการกินหรือใช้ทับทิมในต้นแบบอื่น อาทิเช่น สารสกัดจากทับทิม ควรต้องขอความเห็นแพทย์ก่อนที่จะมีการรับประทานทุกหน
น้ำทับทิมอาจจะก่อให้ความดันโลหิตลดลดลงเล็กน้อย ซึ่งอาจจะส่งผลให้ผู้ป่วยที่มีภาวการณ์ความดันต่ำอาการแย่ลง
ผู้ที่มีลักษณะอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีการเสี่ยงที่จะกำเนิดอาการแพ้จากการรับประทานทับทิม
ผู้เจ็บป่วยที่จำต้องเข้ารับการผ่าตัดควรหยุดรับประทานทับทิมอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เหตุเพราะทับทิมทำให้ความดันเลือดต่ำลง ก็เลยอาจกระทบต่อความดันเลือดในขณะผ่าตัดหรือส่งผลต่อเนื่องไปยังข้างหลังการผ่าตัด
การรับประทานทับทิมควบคู่กับยาบางชนิดอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา อย่างเช่น ยาที่เกี่ยวกับการทำงานของตับโดยเอนไซม์ตับ Cytochrome จำพวก P450 2D6 หรือชนิด P450 3A4 ยาลดระดับความดันโลหิตหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาโรสุวาสแตติน คนที่กินยาเสมอๆหรือมีโรคประจำตัวควรขอคำแนะนำแพทย์ก่อนที่จะมีการรับประทานเพื่อให้เกิดความปลอดภัย

Tags : สมุนไพรทับทิม

 

Sitemap 1 2 3