ผู้เขียน หัวข้อ: กระเทียมนั้นมีสรรพคุณ-เเละประโยชน์ดีนักหนาอย่างไร  (อ่าน 326 ครั้ง)

t5t45y56

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 5
    • ดูรายละเอียด

กระเทียม
ลักษณะด้านกายภาพและก็เคมีที่ดี:
           ปริมาณน้ำไม่เกิน 68% w/w  ปริมาณเถ้ารวมไม่เกิน 2.5% w/w  จำนวนขี้เถ้าที่ไม่ละลายในกรดไม่เกิน 1% รวมทั้งปริมาณสารสกัดเฮกเซน แอลกอฮอล์ แล้วก็น้ำ ประมาณ 0.52, 0.50 แล้วก็ 15% w/w  เป็นลำดับ เภสัชตำรับอังกฤษระบุจำนวนสาร alliin ไม่น้อยกว่า 0.45 % w/w
สรรพคุณ:
           ตำราเรียนยาไทยใช้หัวกระเทียมเป็นยาขับลม แก้ลมจุกเสียด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ธาตุทุพพลภาพ  อาหารไม่ย่อย ขับเสมหะ ขับเหงื่อ ลดไขมัน รักษาปอด แก้ปอดพิการ  แก้อุจจาระเป็นมูกเลือด  บำรุงธาตุ  กระจายเลือด  ขับเยี่ยว แก้บวมพุพอง  ขับพยาธิ  แก้ตาปลา  แก้ตาแดง ร้องไห้  ตามัว รักษาโรคลักปิดลักเปิด  รักษามะเร็งคุด   รักษาริดสีดวง แก้ไอ  คุมกำเนิด แก้สะอึก  บำบัดโรคในอก แก้พรรดึก รักษาฟันเป็นรำมะนาด  แก้หูอื้อ แก้อัมพาต  ลมเข้าข้อ  แก้อาการชักของเด็ก พอกหัวเหน่าแก้ขัดค่อย รักษาวัณโรค  แก้โรคประสาท แก้โรคหืด แก้ปวดมวนในท้อง บำรุงสุขภาพทางกามคุณ  ขับโลหิตรอบเดือน  บำรุงเส้นประสาท   แก้ไข้   แก้บวมช้ำ แก้ปวดกระบอกตา แก้โรคในปาก แก้หวัดคัดจมูก   แก้ไข้เพื่อเสมหะ ทำให้ผมเงาสวย  บำรุงเส้นผมให้ดกดำ ใช้ภายนอก รักษาแผลเรื้อรัง รักษากลากโรคเกลื้อน แก้โรคผิวหนัง  ทาด้านนอกบรรเทาอาการปวดบวมตามข้อเนื่องจากเป็นยาพอกให้ร้อน ใช้พอกตรงที่ถูกแมลง ตะขาบ แมงป่องต่อยเป็นองค์ประกอบในตำรับยาเหลืองปิดสมุทร (แก้ท้องร่วง), ยาประสะไพล (ขับน้ำคาวปลา ในสตรีหลังคลอด), ยาธาตุบรรจบ (แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ  ท้องเดิน ใช้กระเทียม 3 กลีบ ทุบชงน้ำร้อน ใช้เป็นน้ำกระสายยา สำหรับยาผง)
         บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้เริ่มแรก ตามประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ระบุการใช้กระเทียมในตำรับ “ยาแก้ลมอัมพฤกษ์” มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆในตำรับ มีคุณประโยชน์บรรเทาลักษณะของการปวดตามเอ็น กล้าม มือ เท้า ตึงหรือชา ตำรับ "ยาประสะไพล" มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆในตำรับ มีสรรพคุณรักษาระดูมาไม่บ่อยนักหรือมาน้อยกว่าปกติ บรรเทาอาการปวดประจำเดือน  แล้วก็ขับน้ำคร่ำในหญิงข้างหลังคลอดลูก
ต้นแบบและก็ขนาดวิธีใช้ยา:
กระเทียมสด 2-5 กรัมต่อวัน กระเทียมแห้ง 0.4-1.2 กรัมต่อวัน น้ำมันกระเทียม 2-5 มิลลิกรัมต่อวัน สารสกัด 300-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือแบบอย่างยาอื่นๆที่มีสาร alliin 4-12 มก.หรือสาร allicin 2-5 มิลลิกรัม
ขนาดและการใช้สำหรับอาการท้องอืดท้องเฟ้อแน่นจุกเสียด:
ใช้กระเทียม  5-10  กลีบ ซอยละเอียด  รับประทานหลังรับประทานอาหาร หรือพร้อมของกิน
ขนาดรวมทั้งการใช้สำหรับรักษากลากโรคเกลื้อน:
                   ฝานกระเทียมถูเสมอๆบริเวณที่เป็น  หรือตำแล้วขยี้ทาบริเวณที่เป็น  วันละ 2 ครั้ง ก่อนจะทายาใช้ไม้บางๆเล็กๆที่ได้ฆ่าเชื้อโรคแล้ว (โดยการแช่ในแอลกอฮอล์ 70%  หรือต้มในน้ำเดือด 10-15 นาที) ขูดบริเวณที่เป็น ให้ผิวหนังแดงๆก่อนทา เพื่อตัวยาซึมลงไปเจริญขึ้น เมื่อหายแล้วให้ป้ายยาต่ออีก 7-10 วัน
ขนาดและวิธีการใช้สำหรับแก้ไอ:
                   แบบเรียนยาไทยให้ใช้กระเทียม และก็ขิงสดอย่างละเท่ากันตำละเอียด ละลายน้ำอ้อยสด คั้นเอาน้ำจิบแก้ไอ กัดเสมหะ ทำให้เสลดแห้ง ตำรายาไทยบางตำรับให้คั้นกระเทียมกับน้ำมะนาวเติมเกลือใช้จิดหรือปัดกวาดคอ
องค์ประกอบทางเคมี:
           น้ำมันหอมระเหย ราว 0.1-0.4% มีส่วนประกอบหลักคือ allicin  ajoene  alliin  allyldisulfide diallyldisulfide ซึ่งเป็นสารประกอบกลุ่มกลุ่ม organosulfur  สารในกลุ่มนี้ที่เจอในกระเทียมยกตัวอย่างเช่น  สารกลุ่ม S-(+)-alkyl-L-cysteine sulfoxides , alliin 1% , methiin 0.2% , isoalliin 0.06% และ cycloalliin 0.1% แล้วก็สารที่ไม่ระเหยเป็น สารกลุ่ม gamma-L-glutamyl-S-alkyl-L-cysteines , gamma-glutamyl-S-trans-1-propenylcysteine 0.6% และ gamma-glutamyl-S-allylcysteine รวมราว 82% ของสารกลุ่ม organosulpur ทั้งสิ้น ส่วนสารกลุ่ม thiosulfinates (allicin) สารกลุ่ม ajoenes (E-ajoene รวมทั้ง Z-ajoene) สารกลุ่ม vinyldithiins (2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)-1,2-dithiin) และก็สารกรุ๊ป sulfides (diallyl disulfide , diallyl trisulfide) ซึ่งเป็นสารที่มิได้พบในธรรมชาติแต่ว่าเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการย่อยสลายของสาร allin ซึ่งถูกย่อยสลายด้วยเอนไซม์ alliinase ต่อไปก็เลยมีการรวมตัวกันใหม่ได้สาร allicin ซึ่งเป็นสารที่ไม่เสถียร สลายตัวได้สารกลุ่ม sulfides อื่นๆด้วยเหตุผลดังกล่าวกระเทียมที่ผ่านขั้นตอนสกัด การกลั่นน้ำมัน หรือความร้อน สารประกอบส่วนมากที่พบเป็นสารกรุ๊ป diallyl sulfide , diallyl disulfide , diallyl trisulfide และ diallyl tetrasulfide ส่วนกระเทียมที่ผ่านกระบวนการหมักในน้ำมัน สารประกอบที่พบส่วนใหญ่เป็น 2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)1,2-dithiin , E-ajoene รวมทั้ง Z-ajoene ปริมาณของ alliin ที่เจอในกระเทียมสด ราว 0.25-1.15% สารกรุ๊ปอื่นๆที่พบ เช่น สารมูก รวมทั้ง albumin, scordinins, saponins 0.07% , beta-sitosterol 0.0015%, steroids, triterpenoids แล้วก็ flavonoids
การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา: 
ฤทธิ์ป้องกันตับจากสารพิษ
      การทดลองป้อนสาร diallyl disulfide (DADS) จากกระเทียมให้แก่หนูขาว ขนาดวันละ 50 รวมทั้ง 100 มก./กก. น้ำหนักตัว ในหนูแต่ละกลุ่ม นานติดต่อกัน 5 วัน ก่อนเหนี่ยวนำให้ตับเกิดการเสียหายด้วยสาร carbon tetrachloride (CCl4) พบว่า DADS ทั้งคู่ขนาดสามารถปกป้องตับเป็นพิษได้ การตรวจตราลักษณะทางจุลกายส่วนศาสตร์พบว่าสามารถยั้งความเสื่อมโทรมของเซลล์ตับ โดยลดการทำงานของเอนไซม์ aspartate transaminase (AST) และก็ alanine transaminase (ALT) ในตับลงได้ ลดการแสดงออกของโปรตีนที่เกี่ยวโยงในกระบวนการอักเสบ แล้วก็การเสียชีวิตของเซลล์ตับ ตัวอย่างเช่น Bax, cytochrome C, caspase-3, nuclear factor-kappa B, I kappa B alpha ยิ่งไปกว่านี้ยังมีผลเพิ่มการแสดงออกของโปรตีน และโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่เกี่ยวพันในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ เป็นต้นว่า catalase, superoxide dismutase, glutathione peroxidase, glutathione reductase, glutathione S-transferase ผลจากการเล่าเรียนแสดงให้เห็นว่า สาร DADS จากกระเทียมมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระรวมทั้งปกป้องตับจากพิษ โดยกลไกกระตุ้นหลักการทำงานของ nuclear factor E2-related factor 2 (Nrf2) ซึ่งเป็น transcription factor หรือโปรตีนที่ควบคุมการแสดงออกของยีนที่ทำหน้าที่ปกป้องเซลล์ และเนื้อเยื่อจากอนุมูลออกสิเจนที่คล่องแคล่วต่อปฏิกิริยา การกระตุ้น Nrf2 มีผลเหนี่ยวนำการผลิตเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ และสร้างโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีในระบบการกำจัดพิษออกมาจากร่างกายในขั้นตอนที่ 2 (detoxifying Phase II  enzyme) และยับยั้ง nuclear factor-kappa B ส่งผลให้ลดการสร้างสารที่เกี่ยวพันกับการอักเสบลง และปกป้องตับจากสารพิษได้ (Lee, et al, 2014)
ฤทธิ์ต้านการอักเสบ
      ศึกษาฤทธิ์ต้านทานการอักเสบของสารสกัดน้ำโดยไม่ผ่านความร้อน (raw garlic) และก็สารสกัดกระเทียมที่ผ่านการต้มแล้ว นำมาทดสอบในหลอดทดสอบ โดยใช้เนื้อเยื่อของกระต่าย พบว่า raw garlic สามารถยับยั้งเอนไซม์ cyclooxygenase (ที่นำไปสู่การสร้างสารอักเสบ) แบบ non-competitive และก็ irreversible จากการศึกษาพบว่า raw garlic สามารถยั้งเอนไซม์ cyclooxygenase ได้ โดยมีค่า IC50 ต่อเกล็ดเลือด,ปอด รวมทั้งหลอดเลือดแดงในกระต่ายพอๆกับ 0.35, 1.10 และ 0.90 mg ในช่วงเวลาที่กระเทียมที่ต้มแล้วมีฤทธิ์ยั้ง cyclooxygenase ได้น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับกระเทียมที่ไม่ผ่านความร้อน เนื่องจากองค์ประกอบสำคัญในกระเทียมนั้นถูกทำลายในขณะที่ให้ความร้อน จากผลการศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่ากระเทียมคงจะมีคุณประโยชน์สำหรับในการคุ้มครองโรคเส้นเลือดอุดตันได้ (Ali, 1995)
      จากการรวบรวมการค้นคว้า ที่ศึกษาฤทธิ์ต้านทานการอักเสบของกระเทียม โดยสรุปพบว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบผ่านหลายกลไก ดังนี้คือ ต้านการอักเสบผ่าน T-cell lymphocytes โดยไปยับยั้ง SDF1a-chemokine-induced chemotaxis ส่งผลให้การมารวมกลุ่มกันของสารที่ทำให้เกิดการอักเสบลดน้อยลง, ยับยั้ง transendothelial migration of neutrophils มีผลให้ลดการเคลื่อนที่ของเม็ดเลือดขาวประเภท neutrophil ในกระบวนการอักเสบลง, ยั้งการหลั่งสาร TNFα ซึ่งเป็นสารเริ่มในขั้นตอนอักเสบ, กดการผลิตอนุมูลไนโตรเจนที่ว่องไวต่อการเกิดปฏิกิริยาการอักเสบ รวมทั้งการทำงานผ่าน ERK1/2  2 กลไก ตัวอย่างเช่น การยับยั้ง phosphatase-activity (directly related with ERK1/2 phosphorylation) และการเพิ่ม phosphorylation of ERK1/2 kinase (ผ่านทาง p21ras protein thioallylation) มีผลทำให้การอักเสบน้อยลง (Martins, et al, 2016)

ฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรีย
      การทดสอบความสามารถสำหรับการต้านเชื้อ Escherichia coli ซึ่งป็นเชื้อก่อโรคทางเดินอาหาร ของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล  อะซิโตน  และการสกัดสดโดยแนวทางบังคับแบบเย็น โดยใช้วิธี microdilution broth susceptibility test พบว่าการสกัดสดมีค่า MIC แล้วก็ค่า MBC ต่ำที่สุด (3.125กรัมต่อลิตร) และก็รองลงมาคือ สารสกัดจากตัวทำละลาย เอทานอล เมทานอล แล้วก็อะซิโตน ให้ค่า MIC แล้วก็ MBC เสมอกัน (6.25กรัมต่อลิตร) แสดงว่าสารสกัดสดมีทรัพย์สมบัติสำหรับการยั้ง รวมทั้งฆ่าเชื้อโรคแบคทีเรียดีเยี่ยมที่สุด เหตุเพราะในกระเทียมสดมี allin เป็นสารประกอบกำมะถันที่สำคัญ เมื่อกระเทียมสดถูกบด หรือผ่านวิธีการดัดแปลง allinase จะถูกปลดปล่อยออกมาจากด้านใน vacuole ของเซลล์ และก็อาศัยน้ำเป็นกลไกในการทำปฏิกิริยาได้เป็น allicin ซึ่งเป็นสารที่มีความเข้าใจในการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งกรรมวิธีการสกัดสดช่วยให้แนวทางการทำปฏิกิริยาระหว่างสาร allin และก็ allinase  เพราะเหตุว่าจะต้องใช้เวลาสำหรับในการบีบเค้นน้ำกระเทียมซึ่งระยะเวลาดังกล่าวข้างต้นช่วยให้วิธีการทำปฏิกิริยาระหว่างสารมากยิ่งขึ้น อาจจะทำให้ได้ allicin มากขึ้น (ภรงาม และรังสินี, 2554)
ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
         เมื่อนำสารสกัดกระเทียมที่ได้จากการบ่มสกัด (aged garlic extract (AGE) ด้วย 20 % เอทานอล ตรงเวลา 20 เดือน ที่อุณหภูมิปกติ เอามาทดสอบการต่อต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของไลโปโปรตีนชนิดความหนาแน่นต่ำ หรือต้านทานการเกิด oxidized LDL (ซึ่งเป็นต้นเหตุหนึ่งที่ส่งผลให้เกิดภาวการณ์เส้นโลหิตแดงแข็งตัว) โดยนำ LDL ที่แยกได้จากคนมาทดสอบในภาวะที่มีหรือไม่มี AGE โดยใช้ CuSO4 และก็ 5-lipoxygenase เหนี่ยวนำให้กำเนิด oxidized LDL และทดลองสารสกัดของ AGE ผลของการทดลองพบว่า AGE มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระโดยลดการสร้าง superoxide ion (อนุมูลอิสระของออกซิเจน) รวมทั้งลดการเกิด lipid peroxide (ขบวนการออกซิเดชันของไขมัน)  โดย AGE 10%v/v เมื่อใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย สามารถยับยั้งการเกิด superoxide ได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ของ AGE ให้ผล 34%  ฤทธิ์ลดการเกิด lipid peroxidation ของ LDL พบว่าสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ลดการเกิด lipid peroxidation ที่เกิดขึ้นมาจากการเหนี่ยวนำของ Cu2+ และก็ 5-lipoxygenase ได้ 81% แล้วก็ 37% เป็นลำดับ สรุปได้ว่า AGE มีผลยับยั้งการเกิด oxidation ของ LDL โดยลดการสร้าง superoxide และก็ยั้งการเกิด lipid peroxide  ด้วยเหตุดังกล่าว AGE ก็เลยอาจมีบทบาทสำหรับเพื่อการคุ้มครองป้องกันการเกิดสภาวะเส้นเลือดแดงแข็งตัว (atherosclerotic disease) ได้ (Dillon, et al, 2003)
      การศึกษาฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล  อะซิโตน  และก็การสกัดสดโดยวิธีบังคับแบบเย็น ทดสอบโดยกรรมวิธีการยั้งอนุมูลอิสระ DPPH, การต้านออกซิไดส์จากสาร hydrogen peroxide (hydrogen peroxide (H2O2) scavenging activity ผลของการทดสอบฤทธิ์ยับยั้งอนุมูลอิสระ DPPH พบว่าการสกัดกระเทียมด้วยตัวทำละลายอะซิโตน ให้ค่า IC50 น้อยที่สุด เท่ากับ 3.58±0.02 mg/ml รองลงมา อาทิเช่น สารสกัดเมทานอล เอทานอล และการสกัดสด ตามลำดับ โดยมีค่า IC50 เท่ากับ 3.72±0.03, 4.47±0.20 และ 55.36±3.96 mg/ml ตามลำดับ  ผลของการต่อต้านสารออกซิไดซ์ที่รุนแรง ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) พบว่าสารสกัดด้วยตัวทำละลายเมทานอล มีโภคทรัพย์การต้านออกสิไดส์ของสาร H http://www.disthai.com/

 

Sitemap 1 2 3