ผู้เขียน หัวข้อ: รู้ไหมว่ากระเทียมนั้นมีสรรพคุณ-เเละประโยชน์อย่างมากๆ  (อ่าน 310 ครั้ง)

มม

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 23
    • ดูรายละเอียด

กระเทียม
กระเทียมกับประโยชน์ต่อสุขภาพ
กระเทียม เป็นพืชล้มลุกที่มีหัวลักษณะเป็นทรงกระเปาะอยู่ใต้ดินเช่นเดียวกับหัวหอม ซึ่งแต่ละหัวจะมี 6-10 กลีบ นิยมนำมาใช้เป็นเครื่องปรุงทำกับข้าว กระเทียมเป็นพืชที่ค่อนข้างจะแตกต่างจากพืชทั่วไป เนื่องจากว่าอุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์ในจำนวนมาก นอกเหนือจากนี้กระเทียมประกอบไปด้วยสารอาหารอื่นๆอีกมากมาย อย่างเช่น อาร์จีนีน (Arginine) โอลิโกแซ็คคาไรด์ (Oligosaccharides) ฟลาโวนอยด์ (Flavoniods) และก็ซีลีเนียม (Selenium) ซึ่งล้วนเป็นสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย
กระเทียม
ผู้คนจำนวนมากอาจจดจำกระเทียมได้จากกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากสารอัลลิสิน (Allicin) นอกเหนือจากการที่จะทำให้กระเทียมมีกลิ่นที่สะดุดตาแล้ว อัลลิซินยังเป็นสารออกฤทธิ์หลักที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย และก็อาจมีส่วนช่วยรักษาโรคหรือทำให้อาการต่างๆดีขึ้น โดยที่ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยเชื่อว่าการรับประทานกระเทียมบางทีอาจช่วยทุเลาอาการที่เกี่ยวเนื่องกับหัวใจและก็เส้นโลหิต ความดันโลหิต คอเลสเตอรอล ทุเลาหวัด รวมทั้งใช้น้ำมันกระเทียมเป็นยาทาภายนอกเพื่อรักษาอาการติดเชื้อทางผิวหนัง เล็บ หรือช่วยรักษาอาการผมร่วงอีกด้วย
ทั้งนี้สิ่งพิสูจน์หรือหลักฐานทางด้านการแพทย์มีมากน้อยเพียงใดที่จะช่วยรับรองสรรพคุณ คุณประโยชน์ รวมทั้งความปลอดภัยของการรับประทานกระเทียมที่มีบทบาทหรือส่วนช่วยสำหรับเพื่อการรักษาโรคเหล่านี้
ความดันเลือดสูง อัลลิซินซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ที่เจอได้ในกระเทียมสดหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาการที่มีส่วนประกอบของกระเทียม อาจมีส่วนช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อเรียบที่เรียงหน้าในหลอดเลือดแล้วก็นำมาซึ่งการทำให้หลอดเลือดขยายตัวรวมทั้งทำให้ระดับความดันโลหิตลดลดน้อยลง ซึ่งสอดคล้องกับการทดสอบชิ้นหนึ่งให้คนป่วยที่หรูหราความดันเลือดสูงโดยที่มีค่าความดันซิสโตลิก (Systolic Blood Pressure: SBP) มากยิ่งกว่าหรือเท่ากับ 140 ไม่ลลิตรปรอท รับประทานกระเทียมบ่มสกัด (Aged Garlic Extract: AGE) ขนาด 960 มก. เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าค่าความดันซิสโตลิกลดต่ำลงมากยิ่งกว่าเมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่กินยาหลอก ก็เลยอาจจะกล่าวว่าการกินกระเทียมบ่มสกัดอาจมีคุณภาพสำหรับในการรักษาคนป่วยความดันโลหิตสูงได้ดีมากว่ายาหลอก
ต่อให้มีการทดลองอีก 2 ชิ้นที่บอกให้เห็นถึงคุณภาพของกระเทียมสำหรับเพื่อการลดระดับความดันโลหิตได้ดีมากยิ่งกว่าการใช้ยาหลอก แม้กระนั้นเพราะผลการทดลองอาจยังไม่แม่นเพียงพอที่จะสรุปความสามารถของกระเทียมได้ว่าสามารถรักษาหรือลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและก็เส้นเลือดในคนป่วยความดันเลือดสูง จึงยังจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมอีกเพื่อรับรองสมรรถนะที่แน่ชัดเพิ่มขึ้น
โรคมะเร็ง ความสัมพันธ์ของการบริโภคกระเทียมรวมทั้งความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งยังไม่ชัดแจ้งและยังคงเป็นที่คัดค้านกันอยู่ ซึ่งจะเห็นได้จากการศึกษาเรียนรู้ชิ้นหนึ่งที่ให้ชาวจีนทั้งหมดศชายและผู้หญิงที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะจำนวนกว่า 5,000 คน รับประทานสารอัลลิทริดินขนาด 200 มิลลิกรัมต่อวัน ร่วมกับสารซีลีเนียมขนาด 100 ไมโครกรัมวันเว้นวัน ซึ่งล้วนเป็นสารสกัดที่ได้จากกระเทียม โดยทำการทดลองเป็นเวลา 5 ปี แล้วก็เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่รับประทานยาหลอกแล้วพบว่ากรุ๊ปที่กินสารอัลลิทริดินร่วมกับสารซีลีเนียมมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกลดลง 33 เปอร์เซ็นต์ และมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะลดน้อยลงถึง 52 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็แล้วแต่ มีการทำการศึกษาเรียนรู้อีก 19 ชิ้นแสดงให้เห็นว่า ยังไม่พบหลักฐานที่น่าไว้ใจถึงที่เหมาะจะช่วยสนับสนุนความเกี่ยวเนื่องของการบริโภคกระเทียมต่อความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร โรคมะเร็งทรวงอก มะเร็งปอด หรือโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก รวมทั้งมีหลักฐานที่ค่อนข้างจะจำกัดที่เกื้อหนุนว่าการบริโภคกระเทียมบางทีอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งหลอดอาหาร โรคมะเร็งกล่องเสียง โรคมะเร็งในช่องปาก หรือโรคมะเร็งรังไข่
ทั้งนี้สถาบันมะเร็งแห่งชาติอเมริกา (NCI) ได้กล่าวว่ากระเทียมเป็นผักที่อาจมีคุณสมบัติต่อต้านมะเร็ง แต่ยังมีต้นสายปลายเหตุอื่นๆดังเช่นว่า ลักษณะของผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากกระเทียม หรือจำนวนความเข้มข้นที่มากมาย อาจจะทำให้พิสูจน์ถึงความสามารถของกระเทียมได้ยาก และก็เมื่อเวลาผ่านไปหรือเก็บไว้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ก็อาจจะเป็นผลให้ความสามารถของกระเทียมสิ้นสุดไปได้เหมือนกัน
แก้หวัด ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต้านทานเชื้อจุลินทรีย์แล้วก็เชื้อไวรัส แล้วก็มีการนำมาใช้เพื่อป้องกันและทุเลาอาการหวัดมาอย่างช้านาน ซึ่งสอดคล้องกับการเรียนรู้ชิ้นหนึ่งที่ให้อาสาสมัครปริมาณ 146 คน รับประทานสารสกัดจากกระเทียมชนิดเม็ดซึ่งประกอบไปด้วยสารอัลลิสินขนาด 180 มก.วันละ 1 ครั้ง ตรงเวลา 12 อาทิตย์ แล้วให้อาสาสมัครจดบันทึกอาการเมื่อเป็นหวัด พบว่าในกลุ่มที่รับประทานสารสกัดจากกระเทียมมีรายงานการเป็นหวัดจำนวน 24 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่กินยาหลอกที่มีรายงานการเป็นหวัดปริมาณ 65 ครั้ง ทั้งยังยังพบว่าระยะเวลาของการเป็นหวัดในกลุ่มที่กินสารสกัดจากกระเทียมมีปริมาณวันที่น้อยกว่า แต่ช่วงเวลาการฟื้นฟูสภาพจากอาการหวัดของอีกทั้ง 2 กลุ่มมีความไม่เหมือนกันเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ ถึงแม้ผลการทดสอบข้างต้นจะบอกให้เห็นถึงคุณภาพของกระเทียม แต่หลักฐานการทดลองทางคลินิกยังน้อยเกินไปและก็จำเป็นจะต้องศึกษาเล่าเรียนเพิ่มอีกเพื่อรับรองคุณภาพของกระเทียมให้ชัดแจ้งยิ่งขึ้น
ลดความอ้วนและก็มวลไขมัน ในคนไข้ภาวการณ์ไขมันพอกตับ ที่มิได้มีเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ แม้กระนั้นมักมีสาเหตุมาจากโรคอ้วน เบาหวานจำพวกที่ 2 ความดันเลือดสูง แล้วก็ไขมันในเลือดสูง ซึ่งการดูแลและรักษาด้วยการกินยา การผ่าตัด หรือลดน้ำหนักอาจน้อยเกินไป ถ้าหากไม่ดูแลหัวข้อการกินอาหารควบคู่ไปด้วย การกินกระเทียมก็เลยบางทีอาจเป็นหนทางหนึ่งที่น่าดึงดูด เพราะว่ากระเทียมเป็นพืชสมุนไพรที่อุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์และก็สารอาหารอื่นๆที่อาจมีคุณสมบัติปกป้องภาวะอ้วน ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้คนเจ็บไขมันพอกตับที่มิได้เป็นผลมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ทั้งสิ้นศชายและผู้หญิง อายุตั้งแต่ 20-70 ปี ปริมาณทั้งมวล 110 คน รับประทานกระเทียมผงจำพวกแคปซูลขนาด 400 มิลลิกรัม ซึ่งข้างในประกอบไปด้วยสารอัลซิลินขนาด 1.5 มก. วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 15 สัปดาห์ โดยสามารถทานอาหารได้ตามธรรมดา แต่กินกระเทียมได้ไม่เกินสัปดาห์ละ 2 กลีบ จากผลของการทดลองชี้ให้เห็นว่า น้ำหนักและก็มวลร่างกายลดลงอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับกรุ๊ปที่กินยาหลอก จึงอาจจะกล่าวว่าการกินกระเทียมบางทีอาจช่วยลดจำนวนไขมันในตับรวมทั้งคุ้มครองหรือชะลอการเกิดภาวะไขมันพอกตับที่มิได้เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ อย่างไรก็ตามการเรียนรู้ในอนาคตยังจำเป็นจะต้องดีไซน์การทดสอบให้ดีขึ้นรวมทั้งควรเพิ่มระยะเวลาในการทดลองเพื่อยืนยันประสิทธิภาพของกระเทียมให้แจ้งชัดยิ่งขึ้น
ลดระดับคอเลสเตอรอล หลักฐานเกี่ยวกับคุณภาพของกระเทียมต่อการลดระดับคอเลสเตอรอลยังคงขัดแย้ง จึงทำให้ยังไม่อาจจะสรุปได้อย่างชัดเจน ซึ่งสอดคล้องกับการทดสอบรวมทั้งการเล่าเรียนโดยการทบทวนงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยที่เกี่ยวข้องจำนวน 29 ชิ้น ได้แสดงให้เห็นว่า การรับประทานกระเทียมบางทีอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลรวมได้เล็กน้อย แต่ว่าไม่นำมาซึ่งการทำให้ระดับคอเลสเตอรอลประเภทที่ดี (High-Density Lipoprotein: HDL) เพิ่มสูงมากขึ้น ไหมทำให้ระดับคอเลสเตอรอลประเภทที่ไม่ดี (Low-Density Lipoprotein: LDL) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจลดน้อยลงแต่อย่างใด จึงยังต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อหาข้อสรุปและก็รับรองสมรรถนะของกระเทียมต่อระดับคอเลสเตอรอลที่ชัดเจนเพิ่มขึ้น

ความปลอดภัยสำหรับในการรับประทานกระเทียม
การรับประทานกระเทียมค่อนข้างจะปลอดภัยถ้ากินในปริมาณที่เหมาะสม แม้กระนั้นอาจทำให้เป็นผลข้างเคียงได้ ดังเช่นว่า ปากเหม็น มีกลิ่นเต่า รู้สึกแสบร้อนที่รอบๆปากหรือที่กระเพาะอาหาร แสบร้อนกลางอก ท้องเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเดิน อาการกลุ่มนี้บางทีอาจทวีความร้ายแรงขึ้นเมื่อกินกระเทียมสด อีกทั้งการใช้กระเทียมสดทาหรือสัมผัสที่รอบๆผิวหนังอาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนแล้วก็เคืองได้
ข้อควรไตร่ตรองในการรับประทานกระเทียมโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลในกรุ๊ปต่อแต่นี้ไป
คนที่กำลังมีท้องหรือผู้ที่อยู่ในตอนให้นมลูก การรับประทานกระเทียมในช่วงการมีครรภ์ค่อนข้างจะไม่มีอันตรายแม้กินเป็นอาหารหรือในจำนวนที่สมควร แต่อาจไม่ปลอดภัยแม้กินกระเทียมเป็นยารักษาโรค ทั้งยังยังไม่มีช้อมูลที่น่าไว้ใจเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่รอบๆผิวหนังในตอนการมีท้องหรือให้นมลูก
เด็ก การกินกระเทียมในปริมาณที่สมควรและในระยะสั้นๆบางทีอาจไม่เป็นอันตรายสำหรับเด็ก แม้กระนั้นการใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจจะเป็นผลให้เกิดอาการแสบร้อนและเคือง
คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือการย่อยอาหาร อาจจะทำให้มีการระคายที่เดินอาหารได้
ผู้ที่มีความดันเลือดต่ำ การรับประทานกระเทียมอาจส่งผลให้ระดับความดันเลือดลดลดลงมากยิ่งกว่าปกติ
คนที่คิดแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรจะหยุดกินกระเทียมก่อนการผ่าตัดอย่างต่ำ 2 อาทิตย์เนื่องจากอาจจะทำให้เลือดออกมากรวมทั้งมีผลต่อความดันโลหิตในระหว่างการผ่าตัด รวมทั้งคนที่มีภาวการณ์เลือดออกไม่ปกติไม่ควรรับประทานกระเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระเทียมสด ด้วยเหตุว่าบางทีอาจเพิ่มการเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
คนที่อยู่ในระหว่างการกินยารักษาโรค ยกตัวอย่างเช่น ไอโซไนอะซิด เพราะว่ากระเทียมบางทีอาจลดการดูดซึมของยาภายในร่างกายและส่งผลต่อสมรรถนะรูปแบบการทำงานของยา รวมทั้งไม่ควรรับประทานกระเทียมในระหว่างใช้ยาดังต่อไปนี้
ยารักษาการติดโรคไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องหรือโรคภูมิคุมกันบกพร่อง
ยาคุมกำเนิด
ยาต้านทานการแข็งตัวของเลือด
ยาต้านทานเกล็ดเลือด
http://www.disthai.com/

 

Sitemap 1 2 3