ผู้เขียน หัวข้อ: กระเทียมนั้นมีสรรพคุณ-เเละประโยชน์ดีนักหนาอย่างไร  (อ่าน 321 ครั้ง)

มม

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 23
    • ดูรายละเอียด

กระเทียม
ลักษณะทางกายภาพและก็เคมีที่ดี:
           ปริมาณน้ำไม่เกิน 68% w/w  จำนวนขี้เถ้ารวมไม่เกิน 2.5% w/w  จำนวนขี้เถ้าที่ไม่ละลายในกรดไม่เกิน 1% และปริมาณสารสกัดเฮกเซน แอลกอฮอล์ และน้ำ โดยประมาณ 0.52, 0.50 แล้วก็ 15% w/w  ตามลำดับ เภสัชตำรับอังกฤษระบุปริมาณสาร alliin ไม่น้อยกว่า 0.45 % w/w
สรรพคุณ:
           หนังสือเรียนยาไทยใช้หัวกระเทียมเป็นยาขับลม แก้ลมจุกเสียด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ธาตุพิการ  อาหารไม่ย่อย ขับเสลด ขับเหงื่อ ลดไขมัน รักษาปอด แก้ปอดพิการ  แก้อุจจาระเป็นมูกเลือด  บำรุงธาตุ  กระจัดกระจายเลือด  ขับปัสสาวะ แก้บวมพุพอง  ขับพยาธิ  แก้ตาปลา  แก้ตาแดง ร้องไห้  ตาฟาง รักษาโรคลักปิดลักเปิด  รักษาโรคมะเร็งคุด   รักษาริดสีดวง แก้ไอ  คุมกำเนิด แก้สะอึก  บำบัดโรคในอก แก้พรรดึก รักษาฟันเป็นโรครำมะนาด  แก้หูอื้อ แก้อัมพาต  ลมเข้าข้อ  แก้อาการชักของเด็ก พอกหัวเหน่าแก้ขัดค่อย รักษาวัณโรค  แก้โรคประสาท แก้โรคหืด แก้ปวดมวนในท้อง บำรุงสุขภาพทางกามคุณ  ขับเลือดรอบเดือน  บำรุงเส้นประสาท   แก้ไข้   แก้ฟกช้ำดำเขียว แก้ปวดกระบอกตา แก้โรคในปาก แก้หวัดคัดจมูก   แก้ไข้เพื่อเสลด ทำให้ผมเงางาม  บำรุงเส้นผมให้ดกดำ ใช้ด้านนอก รักษาแผลเรื้อรัง รักษาขี้กลากเกลื้อน แก้โรคผิวหนัง  ทาภายนอกทุเลาลักษณะของการปวดบวมตามข้อเนื่องจากว่าเป็นยาพอกให้ร้อน ใช้พอกตรงที่ถูกแมลง ตะขาบ แมงป่องต่อยเป็นส่วนประกอบในตำรับยาเหลืองปิดสมุทร (แก้ท้องเดิน), ยาประสะไพล (ขับน้ำคร่ำ ในสตรีหลังคลอด), ยาธาตุบรรจบ (แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ  ท้องเสีย ใช้กระเทียม 3 กลีบ ตีชงน้ำร้อน ใช้เป็นน้ำกระสายยา สำหรับยาผง)
         บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์วิชาความรู้เริ่มแรก ตามประกาศคณะกรรมการปรับปรุงระบบยาแห่งชาติ ในบัญชียาหลักแห่งชาติ กำหนดการใช้กระเทียมในตำรับ “ยาแก้ลมอัมพฤกษ์” มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆในตำรับ มีสรรพคุณบรรเทาลักษณะของการปวดตามเส้นเอ็น กล้ามเนื้อ มือ เท้า ตึงหรือชา ตำรับ "ยาประสะไพล" มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆในตำรับ มีคุณประโยชน์รักษารอบเดือนมาไม่บ่อยนักหรือมาน้อยกว่าปกติ ทุเลาลักษณะของการปวดประจำเดือน  รวมทั้งขับน้ำคาวปลาในหญิงหลังคลอดบุตร
แบบอย่างและขนาดการใช้ยา:
กระเทียมสด 2-5 กรัมต่อวัน กระเทียมแห้ง 0.4-1.2 กรัมต่อวัน น้ำมันกระเทียม 2-5 มก.ต่อวัน สารสกัด 300-1,000 มก.ต่อวัน หรือรูปแบบยาอื่นๆที่มีสาร alliin 4-12 มก.หรือสาร allicin 2-5 มิลลิกรัม
ขนาดและก็การใช้สำหรับอาการท้องอืดท้องเฟ้อแน่นจุกเสียด:
ใช้กระเทียม  5-10  กลีบ ซอยละเอียด  รับประทานหลังอาหาร หรือพร้อมของกิน
ขนาดและวิธีใช้สำหรับรักษาขี้กลากโรคเกลื้อน:
                   ฝานกระเทียมถูบ่อยๆบริเวณที่เป็น  หรือตำแล้วขยี้ทาบริเวณที่เป็น  วันละ 2 ครั้ง ก่อนที่จะป้ายยาใช้ไม้บางๆเล็กๆที่ได้ฆ่าเชื้อโรคแล้ว (โดยการแช่ในแอลกอฮอล์ 70%  หรือต้มในน้ำเดือด 10-15 นาที) ขูดรอบๆที่เป็น ให้ผิวหนังแดงๆก่อนทา เพื่อให้ตัวยาซึมลงไปเจริญขึ้น เมื่อหายแล้วให้ทายาต่ออีก 7-10 วัน
ขนาดและวิธีการใช้สำหรับแก้ไอ:
                   หนังสือเรียนยาไทยให้ใช้กระเทียม และก็ขิงสดอย่างละเท่ากันตำละเอียด ละลายน้ำอ้อยสด คั้นเอาน้ำจิบแก้ไอ กัดเสลด ทำให้เสลดแห้ง ตำรายาไทยบางตำรับให้คั้นกระเทียมกับน้ำมะนาวเพิ่มเติมเกลือใช้จิดหรือปัดกวาดคอ
ส่วนประกอบทางเคมี:
           น้ำมันหอมระเหย โดยประมาณ 0.1-0.4% มีส่วนประกอบหลักคือ allicin  ajoene  alliin  allyldisulfide diallyldisulfide ซึ่งเป็นสารประกอบกรุ๊ปกรุ๊ป organosulfur  สารในกลุ่มนี้ที่เจอในกระเทียมตัวอย่างเช่น  สารกรุ๊ป S-(+)-alkyl-L-cysteine sulfoxides , alliin 1% , methiin 0.2% , isoalliin 0.06% รวมทั้ง cycloalliin 0.1% รวมทั้งสารที่ไม่ระเหยเป็น สารกรุ๊ป gamma-L-glutamyl-S-alkyl-L-cysteines , gamma-glutamyl-S-trans-1-propenylcysteine 0.6% และ gamma-glutamyl-S-allylcysteine รวมประมาณ 82% ของสารกรุ๊ป organosulpur ทั้งหมด ส่วนสารกลุ่ม thiosulfinates (allicin) สารกลุ่ม ajoenes (E-ajoene รวมทั้ง Z-ajoene) สารกรุ๊ป vinyldithiins (2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)-1,2-dithiin) และก็สารกรุ๊ป sulfides (diallyl disulfide , diallyl trisulfide) ซึ่งเป็นสารที่มิได้เจอในธรรมชาติแต่มีสาเหตุจากการสลายตัวของสาร allin ซึ่งถูกสลายตัวด้วยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี alliinase ต่อไปจึงมีการรวมตัวกันใหม่ได้สาร allicin ซึ่งเป็นสารที่ไม่เสถียร ย่อยสลายได้สารกลุ่ม sulfides อื่นๆด้วยเหตุนั้นกระเทียมที่ผ่านกรรมวิธีสกัด การกลั่นน้ำมัน หรือความร้อน สารประกอบโดยมากที่พบเป็นสารกรุ๊ป diallyl sulfide , diallyl disulfide , diallyl trisulfide และก็ diallyl tetrasulfide ส่วนกระเทียมที่ผ่านกระบวนการหมักในน้ำมัน สารประกอบที่พบโดยมากเป็น 2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)1,2-dithiin , E-ajoene และก็ Z-ajoene จำนวนของ alliin ที่เจอในกระเทียมสด ราว 0.25-1.15% สารกรุ๊ปอื่นๆที่เจอ เช่น สารเมือก และก็ albumin, scordinins, saponins 0.07% , beta-sitosterol 0.0015%, steroids, triterpenoids รวมทั้ง flavonoids
การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา: 
ฤทธิ์ปกป้องตับจากพิษ
      การทดลองป้อนสาร diallyl disulfide (DADS) จากกระเทียมให้แก่หนูขาว ขนาดวันละ 50 แล้วก็ 100 มก./กก. น้ำหนักตัว ในหนูแต่ละกรุ๊ป นานติดต่อกัน 5 วัน ก่อนเหนี่ยวนำให้ตับเกิดการเสียหายด้วยสาร carbon tetrachloride (CCl4) พบว่า DADS ทั้งสองขนาดสามารถคุ้มครองปกป้องตับเป็นพิษได้ การตรวจดูลักษณะทางจุลกายส่วนศาสตร์พบว่าสามารถยับยั้งความทรุดโทรมของเซลล์ตับ โดยลดการทำงานของโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี aspartate transaminase (AST) และก็ alanine transaminase (ALT) ในตับลงได้ ลดการแสดงออกของโปรตีนที่เกี่ยวในกรรมวิธีการอักเสบ และการถึงแก่กรรมของเซลล์ตับ เป็นต้นว่า Bax, cytochrome C, caspase-3, nuclear factor-kappa B, I kappa B alpha นอกเหนือจากนั้นยังส่งผลเพิ่มการแสดงออกของโปรตีน และเอนไซม์ที่เกี่ยวเนื่องในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ catalase, superoxide dismutase, glutathione peroxidase, glutathione reductase, glutathione S-transferase ผลจากการเรียนทำให้เห็นว่า สาร DADS จากกระเทียมมีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระรวมทั้งปกป้องรักษาตับจากพิษ โดยกลไกกระตุ้นการทำงานของ nuclear factor E2-related factor 2 (Nrf2) ซึ่งเป็น transcription factor หรือโปรตีนที่ควบคุมการแสดงออกของยีนที่ปฏิบัติภารกิจคุ้มครองเซลล์ รวมทั้งเยื่อจากอนุมูลออกซิเจนที่รวดเร็วต่อปฏิกิริยา การกระตุ้น Nrf2 มีผลเหนี่ยวนำการสร้างเอนไซม์ต่อต้านอนุมูลอิสระ และสร้างเอนไซม์ในระบบการกำจัดสารพิษออกจากร่างกายในขั้นตอนที่ 2 (detoxifying Phase II  enzyme) และยั้ง nuclear factor-kappa B ส่งผลให้ลดการสร้างสารที่เกี่ยวเนื่องกับการอักเสบลง รวมทั้งป้องกันตับจากสารพิษได้ (Lee, et al, 2014)
ฤทธิ์ต้านทานการอักเสบ
      ศึกษาฤทธิ์ต้านทานการอักเสบของสารสกัดน้ำโดยไม่ผ่านความร้อน (raw garlic) และก็สารสกัดกระเทียมที่ผ่านการต้มแล้ว นำมาทดสอบในหลอดทดลอง โดยใช้เนื้อเยื่อของกระต่าย พบว่า raw garlic สามารถยับยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี cyclooxygenase (ที่กระตุ้นให้เกิดการสร้างสารอักเสบ) แบบ non-competitive รวมทั้ง irreversible จากการเรียนพบว่า raw garlic สามารถยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี cyclooxygenase ได้ โดยมีค่า IC50 ต่อเกล็ดเลือด,ปอด และก็เส้นเลือดแดงในกระต่ายพอๆกับ 0.35, 1.10 แล้วก็ 0.90 mg ในเวลาที่กระเทียมที่ต้มแล้วมีฤทธิ์ยั้ง cyclooxygenase ได้นิดหน่อยเมื่อเปรียบเทียบกับกระเทียมที่ไม่ผ่านความร้อน เนื่องด้วยส่วนประกอบสำคัญในกระเทียมนั้นถูกทำลายในขณะให้ความร้อน จากผลวิจัยทำให้เห็นว่ากระเทียมคงจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อการปกป้องโรคเส้นโลหิตตันได้ (Ali, 1995)
      จากการรวบรวมงานค้นคว้า ที่ศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์ต้านการอักเสบของกระเทียม โดยสรุปพบว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบผ่านหลายกลไก ดังต่อไปนี้เป็น ต้านการอักเสบผ่าน T-cell lymphocytes โดยไปยับยั้ง SDF1a-chemokine-induced chemotaxis มีผลให้การมารวมกรุ๊ปกันของสารที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดการอักเสบลดน้อยลง, ยั้ง transendothelial migration of neutrophils ส่งผลให้ลดการเคลื่อนที่ของเม็ดเลือดขาวจำพวก neutrophil ในขั้นตอนอักเสบลง, ยับยั้งการหลั่งสาร TNFα ซึ่งเป็นสารเริ่มต้นในกรรมวิธีอักเสบ, กดการสร้างอนุมูลไนโตรเจนที่ว่องต่อการเกิดปฏิกิริยาการอักเสบ รวมทั้งการทำงานผ่าน ERK1/2  2 กลไก ดังเช่น การขัดขวาง phosphatase-activity (directly related with ERK1/2 phosphorylation) รวมทั้งการเพิ่ม phosphorylation of ERK1/2 kinase (ผ่านทาง p21ras protein thioallylation) ส่งผลทำให้การอักเสบลดลง (Martins, et al, 2016)

ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย
      การทดสอบความสามารถในการต่อต้านเชื้อ Escherichia coli ซึ่งป็นเชื้อก่อโรคทางเดินอาหาร ของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล  อะซิโตน  และการสกัดสดโดยแนวทางบีบบังคับแบบเย็น โดยใช้แนวทาง microdilution broth susceptibility test พบว่าการสกัดสดมีค่า MIC และค่า MBC น้อยที่สุด (3.125กรัมต่อลิตร) แล้วก็รองลงมาเป็น สารสกัดจากตัวทำละลาย เอทานอล เมทานอล รวมทั้งอะซิโตน ให้ค่า MIC แล้วก็ MBC เสมอกัน (6.25กรัมต่อลิตร) แปลว่าสารสกัดสดมีทรัพย์สินสำหรับเพื่อการยั้ง และฆ่าเชื้อโรคแบคทีเรียดีที่สุด เหตุเพราะในกระเทียมสดมี allin เป็นสารประกอบกำมะถันที่สำคัญ เมื่อกระเทียมสดถูกบด หรือผ่านกรรมวิธีการแปรรูป allinase จะถูกปลดปล่อยออกมาจากภายใน vacuole ของเซลล์ แล้วก็อาศัยน้ำเป็นกลไกในการทำปฏิกิริยาได้เป็น allicin ซึ่งเป็นสารที่มีความเข้าใจในการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งขั้นตอนสกัดสดช่วยให้วิธีการทำปฏิกิริยาระหว่างสาร allin และก็ allinase  เพราะว่าจะต้องใช้เวลาสำหรับในการบีบเค้นน้ำกระเทียมซึ่งช่วงเวลาดังที่กล่าวมาแล้วช่วยทำให้วิธีการทำปฏิกิริยาระหว่างสารเยอะขึ้น อาจส่งผลให้ได้ allicin เพิ่มขึ้น (ภรเจริญ รวมทั้งรังสินี, 2554)
ฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระ
         เมื่อนำสารสกัดกระเทียมที่ได้จากการบ่มสกัด (aged garlic extract (AGE) ด้วย 20 % เอทานอล เป็นเวลา 20 เดือน ที่อุณหภูมิห้อง เอามาทดลองการต้านทานการเกิดปฏิกิริยาขบวนการออกซิเดชันของไลโปโปรตีนจำพวกความหนาแน่นต่ำ หรือต้านการเกิด oxidized LDL (ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดภาวะเส้นเลือดแดงแข็งตัว) โดยนำ LDL ที่แยกได้จากคนมาทดลองในสภาวะที่มีไหมมี AGE โดยใช้ CuSO4 แล้วก็ 5-lipoxygenase รั้งนำให้กำเนิด oxidized LDL แล้วก็ทดสอบสารสกัดของ AGE ผลการทดลองพบว่า AGE มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระโดยลดการผลิต superoxide ion (อนุมูลอิสระของออกซิเจน) และก็ลดการเกิด lipid peroxide (ขบวนการออกซิเดชันของไขมัน)  โดย AGE 10%v/v เมื่อใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย สามารถยับยั้งการเกิด superoxide ได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ของ AGE ได้ผล 34%  ฤทธิ์ลดการเกิด lipid peroxidation ของ LDL พบว่าสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ลดการเกิด lipid peroxidation ที่เกิดขึ้นจากการเหนี่ยวนำของ Cu2+ แล้วก็ 5-lipoxygenase ได้ 81% แล้วก็ 37% ตามลำดับ สรุปได้ว่า AGE ส่งผลยั้งการเกิด oxidation ของ LDL โดยลดการผลิต superoxide รวมทั้งยั้งการเกิด lipid peroxide  ด้วยเหตุดังกล่าว AGE ก็เลยอาจมีหน้าที่สำหรับในการคุ้มครองการเกิดภาวะเส้นเลือดแดงแข็ง (atherosclerotic disease) ได้ (Dillon, et al, 2003)
      การศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล  อะซิโตน  รวมทั้งการสกัดสดโดยวิธีบีบคั้นแบบเย็น ทดสอบโดยขั้นตอนการยับยั้งอนุมูลอิสระ DPPH, การต้านออกสิไดส์จากสาร hydrogen peroxide (hydrogen peroxide (H2O2) scavenging activity ผลการทดลองฤทธิ์ยั้งอนุมูลอิสระ DPPH พบว่าการสกัดกระเทียมด้วยตัวทำละลายอะซิโตน ให้ค่า IC50 น้อยที่สุด พอๆกับ 3.58±0.02 mg/ml รองลงมา ดังเช่น สารสกัดเมทานอล เอทานอล รวมทั้งการสกัดสด ตามลำดับ โดยมีค่า IC50 เท่ากับ 3.72±0.03, 4.47±0.20 แล้วก็ 55.36±3.96 mg/ml เป็นลำดับ  ผลการต้านทานสารออกซิไดซ์ที่รุนแรง ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) พบว่าสารสกัดด้วยตัวทำละลายเมทานอล มีทรัพย์สมบัติการต้านออกซิไดส์ของสาร H http://www.disthai.com/

 

Sitemap 1 2 3