ผู้เขียน หัวข้อ: กระเทียมนั้นมีสรรพคุณ-เเละประโยชน์ดีนักหนาอย่างไร  (อ่าน 384 ครั้ง)

jessica

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 34
    • ดูรายละเอียด

กระเทียม
ลักษณะทางกายภาพรวมทั้งเคมีที่ดี:
           ปริมาณน้ำไม่เกิน 68% w/w  ปริมาณเถ้ารวมไม่เกิน 2.5% w/w  จำนวนเถ้าที่ไม่ละลายในกรดไม่เกิน 1% และก็จำนวนสารสกัดเฮกเซน แอลกอฮอล์ และน้ำ ราว 0.52, 0.50 และก็ 15% w/w  ตามลำดับ เภสัชตำรับอังกฤษเจาะจงปริมาณสาร alliin ไม่น้อยกว่า 0.45 % w/w
คุณประโยชน์:
           หนังสือเรียนยาไทยใช้หัวกระเทียมเป็นยาขับลม แก้ลมจุกเสียด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ธาตุทุพพลภาพ  อาหารไม่ย่อย ขับเสมหะ ขับเหงื่อ ลดไขมัน รักษาปอด แก้ปอดพิการ  แก้อุจจาระเป็นมูกเลือด  บำรุงธาตุ  กระจัดกระจายโลหิต  ขับปัสสาวะ แก้บวมพุพอง  ขับพยาธิ  แก้ตาปลา  แก้ตาแดง น้ำตาไหล  ตาพร่า รักษาโรคลักปิดลักเปิด  รักษามะเร็งคุด   รักษาริดสีดวง แก้ไอ  คุมกำเนิด แก้สะอึก  บำบัดรักษาโรคในอก แก้พรรดึก รักษาฟันเป็นโรครำมะนาด  แก้หูอื้อ แก้อัมพาต  ลมเข้าข้อ  แก้อาการชักกระตุกของเด็ก พอกหัวเหน่าแก้ขัดค่อย รักษาวัณโรค  แก้โรคประสาท แก้โรคหืด แก้ปวดมวนในท้อง บำรุงสุขภาพทางกามคุณ  ขับโลหิตระดู  บำรุงเส้นประสาท   แก้ไข้   แก้บวมช้ำ แก้ปวดกระบอกตา แก้โรคในปาก แก้หวัดคัดจมูก   แก้ไข้เพื่อเสลด ทำให้ผมเงางาม  บำรุงเส้นผมให้ดกดำ ใช้ภายนอก รักษาแผลเรื้อรัง รักษากลากโรคเกลื้อน แก้โรคผิวหนัง  ทาด้านนอกบรรเทาลักษณะของการปวดบวมตามข้อเพราะว่าเป็นยาพอกให้ร้อน ใช้พอกตรงที่ถูกแมลง ตะขาบ แมงป่องต่อยเป็นส่วนประกอบในตำรับยาเหลืองปิดสมุทร (แก้ท้องร่วง), ยาประสะไพล (ขับน้ำคาวปลา ในสตรีข้างหลังคลอด), ยาธาตุบรรจบ (แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ  ท้องเดิน ใช้กระเทียม 3 กลีบ ทุบชงน้ำร้อน ใช้เป็นน้ำกระสายยา สำหรับยาผง)
         บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้เริ่มแรก ตามประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ในบัญชียาหลักแห่งชาติ เจาะจงการใช้กระเทียมในตำรับ “ยาแก้ลมอัมพฤกษ์” มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆในตำรับ มีคุณประโยชน์บรรเทาลักษณะของการปวดตามเอ็น กล้าม มือ เท้า ตึงหรือชา ตำรับ "ยาประสะไพล" มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆในตำรับ มีคุณประโยชน์รักษาเมนส์มาไม่บ่อยนักหรือมาน้อชูว่าปกติ บรรเทาอาการปวดเมนส์  และขับน้ำคร่ำในหญิงข้างหลังคลอดบุตร
รูปแบบรวมทั้งขนาดการใช้ยา:
กระเทียมสด 2-5 กรัมต่อวัน กระเทียมแห้ง 0.4-1.2 กรัมต่อวัน น้ำมันกระเทียม 2-5 มิลลิกรัมต่อวัน สารสกัด 300-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือแบบยาอื่นๆที่มีสาร alliin 4-12 มก.หรือสาร allicin 2-5 มก.
ขนาดและก็วิธีใช้สำหรับอาการท้องอืดท้องอืดท้องเฟ้อแน่นจุกเสียด:
ใช้กระเทียม  5-10  กลีบ ซอยละเอียด  รับประทานหลังรับประทานอาหาร หรือพร้อมอาหาร
ขนาดและก็วิธีใช้สำหรับรักษาขี้กลากเกลื้อน:
                   ฝานกระเทียมถูบ่อยๆรอบๆที่เป็น  หรือตำแล้วขยี้ทาบริเวณที่เป็น  วันละ 2 ครั้ง ก่อนที่จะป้ายยาใช้ไม้บางๆเล็กๆที่ได้ฆ่าเชื้อโรคแล้ว (โดยการแช่ในแอลกอฮอล์ 70%  หรือต้มในน้ำเดือด 10-15 นาที) ขูดรอบๆที่เป็น ให้ผิวหนังแดงๆก่อนทา เพื่อตัวยาซึมลงไปเจริญขึ้น เมื่อหายแล้วให้ทายาต่ออีก 7-10 วัน
ขนาดและการใช้สำหรับแก้ไอ:
                   ตำรายาไทยให้ใช้กระเทียม รวมทั้งขิงสดอย่างละเสมอกันตำละเอียด ละลายน้ำอ้อยสด คั้นเอาน้ำจิบแก้ไอ กัดเสมหะ ทำให้เสลดแห้ง หนังสือเรียนยาไทยบางตำรับให้คั้นกระเทียมกับน้ำมะนาวเพิ่มเกลือใช้จิดหรือกวาดคอ
ส่วนประกอบทางเคมี:
           น้ำมันหอมระเหย ประมาณ 0.1-0.4% มีส่วนประกอบหลักคือ allicin  ajoene  alliin  allyldisulfide diallyldisulfide ซึ่งเป็นสารประกอบกลุ่มกรุ๊ป organosulfur  สารในกลุ่มนี้ที่พบในกระเทียมอาทิเช่น  สารกลุ่ม S-(+)-alkyl-L-cysteine sulfoxides , alliin 1% , methiin 0.2% , isoalliin 0.06% และ cycloalliin 0.1% แล้วก็สารที่ไม่ระเหยเป็น สารกลุ่ม gamma-L-glutamyl-S-alkyl-L-cysteines , gamma-glutamyl-S-trans-1-propenylcysteine 0.6% และก็ gamma-glutamyl-S-allylcysteine รวมราว 82% ของสารกลุ่ม organosulpur ทั้งปวง ส่วนสารกลุ่ม thiosulfinates (allicin) สารกลุ่ม ajoenes (E-ajoene และก็ Z-ajoene) สารกรุ๊ป vinyldithiins (2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)-1,2-dithiin) และก็สารกลุ่ม sulfides (diallyl disulfide , diallyl trisulfide) ซึ่งเป็นสารที่มิได้พบในธรรมชาติแต่เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการสลายตัวของสาร allin ซึ่งถูกย่อยสลายด้วยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี alliinase หลังจากนั้นก็เลยมีการรวมตัวกันใหม่ได้สาร allicin ซึ่งเป็นสารที่ไม่เสถียร เสื่อมสภาพได้สารกลุ่ม sulfides อื่นๆโดยเหตุนั้นกระเทียมที่ผ่านกรรมวิธีสกัด การกลั่นน้ำมัน หรือความร้อน สารประกอบจำนวนมากที่พบเป็นสารกรุ๊ป diallyl sulfide , diallyl disulfide , diallyl trisulfide แล้วก็ diallyl tetrasulfide ส่วนกระเทียมที่ผ่านขั้นตอนหมักในน้ำมัน สารประกอบที่พบส่วนมากเป็น 2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)1,2-dithiin , E-ajoene และ Z-ajoene จำนวนของ alliin ที่เจอในกระเทียมสด โดยประมาณ 0.25-1.15% สารกลุ่มอื่นๆที่เจอ ยกตัวอย่างเช่น สารมูก และ albumin, scordinins, saponins 0.07% , beta-sitosterol 0.0015%, steroids, triterpenoids และ flavonoids
การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา: 
ฤทธิ์คุ้มครองปกป้องตับจากพิษ
      การทดสอบป้อนสาร diallyl disulfide (DADS) จากกระเทียมให้แก่หนูขาว ขนาดวันละ 50 และ 100 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว ในหนูแต่ละกลุ่ม นานต่อเนื่องกัน 5 วัน ก่อนเหนี่ยวนำให้ตับเกิดการเสียหายด้วยสาร carbon tetrachloride (CCl4) พบว่า DADS ทั้งคู่ขนาดสามารถคุ้มครองปกป้องตับเป็นพิษได้ การตรวจตราลักษณะทางจุลกายวิภาคศาสตร์พบว่าสามารถยับยั้งความย่ำแย่ของเซลล์ตับ โดยลดรูปแบบการทำงานของโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี aspartate transaminase (AST) และ alanine transaminase (ALT) ในตับลงได้ ลดการแสดงออกของโปรตีนที่เกี่ยวเนื่องในกรรมวิธีการอักเสบ รวมทั้งการตายของเซลล์ตับ ได้แก่ Bax, cytochrome C, caspase-3, nuclear factor-kappa B, I kappa B alpha นอกเหนือจากนี้ยังส่งผลเพิ่มการแสดงออกของโปรตีน แล้วก็โปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่เกี่ยวข้องในแนวทางการต้านอนุมูลอิสระ อาทิเช่น catalase, superoxide dismutase, glutathione peroxidase, glutathione reductase, glutathione S-transferase ผลจากการศึกษาเล่าเรียนทำให้เห็นว่า สาร DADS จากกระเทียมมีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระและป้องกันตับจากพิษ โดยกลไกกระตุ้นแนวทางการทำงานของ nuclear factor E2-related factor 2 (Nrf2) ซึ่งเป็น transcription factor หรือโปรตีนที่ควบคุมการแสดงออกของยีนที่ปฏิบัติภารกิจปกป้องรักษาเซลล์ และเนื้อเยื่อจากอนุมูลออกซิเจนที่รวดเร็วต่อปฏิกิริยา การกระตุ้น Nrf2 มีผลเหนี่ยวนำการสร้างเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ และก็สร้างเอนไซม์ในระบบการกำจัดพิษออกจากร่างกายในขั้นตอนที่ 2 (detoxifying Phase II  enzyme) รวมทั้งยับยั้ง nuclear factor-kappa B ส่งผลให้ลดการผลิตสารที่เกี่ยวพันกับการอักเสบลง รวมทั้งปกป้องตับจากสารพิษได้ (Lee, et al, 2014)
ฤทธิ์ต้านทานการอักเสบ
      เรียนฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบของสารสกัดน้ำโดยไม่ผ่านความร้อน (raw garlic) รวมทั้งสารสกัดกระเทียมที่ผ่านการต้มแล้ว เอามาทดสอบในหลอดทดลอง โดยใช้เนื้อเยื่อของกระต่าย พบว่า raw garlic สามารถยั้งเอนไซม์ cyclooxygenase (ที่นำมาซึ่งการผลิตสารอักเสบ) แบบ non-competitive และ irreversible จากการศึกษาเล่าเรียนพบว่า raw garlic สามารถยับยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี cyclooxygenase ได้ โดยมีค่า IC50 ต่อเกล็ดเลือด,ปอด แล้วก็หลอดเลือดแดงในกระต่ายเท่ากับ 0.35, 1.10 และ 0.90 mg ในช่วงเวลาที่กระเทียมที่ต้มแล้วมีฤทธิ์ยับยั้ง cyclooxygenase ได้บางส่วนเมื่อเปรียบเทียบกับกระเทียมที่ไม่ผ่านความร้อน เนื่องด้วยส่วนประกอบสำคัญในกระเทียมนั้นถูกทำลายในขณะที่ให้ความร้อน จากผลวิจัยชี้ให้เห็นว่ากระเทียมน่าจะมีประโยชน์สำหรับในการคุ้มครองป้องกันโรคหลอดเลือดตันได้ (Ali, 1995)
      จากการรวบรวมงานค้นคว้าวิจัย ที่ศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์ต้านทานการอักเสบของกระเทียม โดยสรุปพบว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบผ่านหลายกลไก ดังต่อไปนี้เป็น ต้านการอักเสบผ่าน T-cell lymphocytes โดยไปยั้ง SDF1a-chemokine-induced chemotaxis ส่งผลให้การมารวมกลุ่มกันของสารที่ทำให้มีการเกิดการอักเสบน้อยลง, ยับยั้ง transendothelial migration of neutrophils มีผลให้ลดการเคลื่อนที่ของเม็ดเลือดขาวประเภท neutrophil ในแนวทางการอักเสบลง, ยั้งการหลั่งสาร TNFα ซึ่งเป็นสารเริ่มต้นในขั้นตอนอักเสบ, กดการผลิตอนุมูลไนโตรเจนที่คล่องแคล่วต่อการเกิดปฏิกิริยาการอักเสบ และก็การทำงานผ่าน ERK1/2 ทั้งยัง 2 กลไก ตัวอย่างเช่น การขัดขวาง phosphatase-activity (directly related with ERK1/2 phosphorylation) แล้วก็การเพิ่ม phosphorylation of ERK1/2 kinase (ผ่านทาง p21ras protein thioallylation) มีผลทำให้การอักเสบต่ำลง (Martins, et al, 2016)

ฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย
      การทดลองความสามารถสำหรับเพื่อการต้านเชื้อ Escherichia coli ซึ่งป็นเชื้อก่อโรคทางเดินอาหาร ของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล  อะซิโตน  แล้วก็การสกัดสดโดยแนวทางกดดันแบบเย็น โดยใช้วิธี microdilution broth susceptibility test พบว่าการสกัดสดมีค่า MIC แล้วก็ค่า MBC ต่ำที่สุด (3.125กรัมต่อลิตร) รวมทั้งรองลงมาคือ สารสกัดจากตัวทำละลาย เอทานอล เมทานอล รวมทั้งอะซิโตน ให้ค่า MIC และ MBC เท่ากัน (6.25กรัมต่อลิตร) หมายความว่าสารสกัดสดมีสมบัติสำหรับในการยั้ง และทำลายเชื้อแบคทีเรียยอดเยี่ยม เนื่องจากในกระเทียมสดมี allin เป็นสารประกอบกำมะถันที่สำคัญ เมื่อกระเทียมสดถูกบด หรือผ่านขั้นตอนแปรรูป allinase จะถูกปลดปล่อยออกมาจากข้างใน vacuole ของเซลล์ รวมทั้งอาศัยน้ำเป็นกลไกสำหรับในการทำปฏิกิริยาได้เป็น allicin ซึ่งเป็นสารที่มีความสามารถสำหรับในการยั้งเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งกระบวนการสกัดสดช่วยทำให้การทำปฏิกิริยาระหว่างสาร allin รวมทั้ง allinase ดีขึ้น เนื่องจากจะต้องใช้เวลาสำหรับเพื่อการบีบคาดคั้นน้ำกระเทียมซึ่งช่วงเวลาดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นช่วยทำให้วิธีการทำปฏิกิริยาระหว่างสารมากเพิ่มขึ้น อาจจะส่งผลให้ได้ allicin มากขึ้น (ภรดี และรังสินี, 2554)
ฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระ
         เมื่อนำสารสกัดกระเทียมที่ได้จากการบ่มสกัด (aged garlic extract (AGE) ด้วย 20 % เอทานอล เป็นเวลา 20 เดือน ที่อุณหภูมิห้อง เอามาทดสอบการต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของไลโปโปรตีนจำพวกความหนาแน่นต่ำ หรือต่อต้านการเกิด oxidized LDL (ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดสภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง) โดยนำ LDL ที่แยกได้จากคนมาทดสอบในสภาวะที่มีหรือเปล่ามี AGE โดยใช้ CuSO4 แล้วก็ 5-lipoxygenase รั้งนำให้กำเนิด oxidized LDL รวมทั้งทดลองสารสกัดของ AGE ผลของการทดลองพบว่า AGE มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระโดยลดการสร้าง superoxide ion (อนุมูลอิสระของออกซิเจน) แล้วก็ลดการเกิด lipid peroxide (ขบวนการออกซิเดชันของไขมัน)  โดย AGE 10%v/v เมื่อใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย สามารถยั้งการเกิด superoxide ได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ของ AGE ได้ผล 34%  ฤทธิ์ลดการเกิด lipid peroxidation ของ LDL พบว่าสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ลดการเกิด lipid peroxidation ที่เกิดขึ้นจากการเหนี่ยวนำของ Cu2+ และก็ 5-lipoxygenase ได้ 81% และก็ 37% เป็นลำดับ สรุปได้ว่า AGE ส่งผลยับยั้งการเกิด oxidation ของ LDL โดยลดการผลิต superoxide รวมทั้งยับยั้งการเกิด lipid peroxide  ฉะนั้น AGE ก็เลยอาจมีบทบาทในการปกป้องการเกิดภาวการณ์เส้นโลหิตแดงแข็งตัว (atherosclerotic disease) ได้ (Dillon, et al, 2003)
      การเรียนฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล  อะซิโตน  แล้วก็การสกัดสดโดยวิธีบีบคั้นแบบเย็น ทดสอบโดยกระบวนการยับยั้งอนุมูลอิสระ DPPH, การต้านออกสิไดส์จากสาร hydrogen peroxide (hydrogen peroxide (H2O2) scavenging activity ผลของการทดลองฤทธิ์ยั้งอนุมูลอิสระ DPPH พบว่าการสกัดกระเทียมด้วยตัวทำละลายอะซิโตน ให้ค่า IC50 ต่ำที่สุด พอๆกับ 3.58±0.02 mg/ml รองลงมา ตัวอย่างเช่น สารสกัดเมทานอล เอทานอล รวมทั้งการสกัดสด เป็นลำดับ โดยมีค่า IC50 เท่ากับ 3.72±0.03, 4.47±0.20 รวมทั้ง 55.36±3.96 mg/ml เป็นลำดับ  ผลของการต่อต้านสารออกซิไดซ์ที่ร้ายแรง ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) พบว่าสารสกัดด้วยตัวทำละลายเมทานอล มีโภคทรัพย์การต้านออกสิไดส์ของสาร H http://www.disthai.com/

jessica

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 34
    • ดูรายละเอียด
ขายยาสมุนไพร

 

Sitemap 1 2 3