ผู้เขียน หัวข้อ: รู้ไหมว่ากระเทียมนั้นมีสรรพคุณ-เเละประโยชน์อย่างมากๆ  (อ่าน 318 ครั้ง)

joosisu2s5d4

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 6
    • ดูรายละเอียด

กระเทียม
กระเทียมกับคุณประโยชน์ต่อร่างกาย
กระเทียม เป็นพืชล้มลุกที่มีหัวลักษณะเป็นทรงกระเปาะอยู่ใต้ดินเหมือนกันกับหัวหอม ซึ่งแต่ละหัวจะประกอบด้วย 6-10 กลีบ นิยมประยุกต์ใช้เป็นเครื่องปรุงทำอาหาร กระเทียมเป็นพืชที่ค่อนข้างจะแตกต่างจากพืชทั่วไป เพราะว่าอุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์ในจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านี้กระเทียมประกอบไปด้วยสารอาหารอื่นๆอีกมากมาย อาทิเช่น อาร์จีนีน (Arginine) โอลิโกแซ็คคาไรด์ (Oligosaccharides) ฟลาโวนอยด์ (Flavoniods) และซีลีเนียม (Selenium) ซึ่งล้วนเป็นสารอาหารที่มีสาระต่อร่างกาย
กระเทียม
คนจำนวนไม่น้อยบางทีอาจจดจำกระเทียมได้จากกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล ซึ่งเป็นผลมาจากสารอัลลิสิน (Allicin) นอกเหนือจากที่จะทำให้กระเทียมมีกลิ่นที่สะดุดตาแล้ว อัลลิสินยังเป็นสารออกฤทธิ์หลักที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ แล้วก็อาจมีส่วนช่วยรักษาโรคหรือทำให้อาการต่างๆดียิ่งขึ้น โดยที่คนไม่ใช่น้อยมั่นใจว่าการรับประทานกระเทียมบางทีอาจช่วยทุเลาอาการที่เกี่ยวพันกับหัวใจและหลอดเลือด ความดันเลือด คอเลสเตอรอล บรรเทาหวัด รวมถึงใช้น้ำมันกระเทียมเป็นยาทาภายนอกเพื่อรักษาอาการติดเชื้อทางผิวหนัง เล็บ หรือช่วยรักษาอาการผมร่วงอีกด้วย
ดังนี้ข้อรับรองหรือหลักฐานด้านการแพทย์มีมากน้อยเพียงใดที่จะช่วยรับรองสรรพคุณ คุณประโยชน์ แล้วก็ความปลอดภัยของการรับประทานกระเทียมที่มีหน้าที่หรือส่วนช่วยสำหรับการรักษาโรคเหล่านี้
ความดันเลือดสูง อัลลิซินซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ที่พบได้ในกระเทียมสดหรือสินค้าเสริมอาการที่มีส่วนประกอบของกระเทียม อาจมีส่วนช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อเรียบที่เรียงตัวในเส้นโลหิตรวมทั้งทำให้เส้นเลือดขยายตัวรวมทั้งทำให้ระดับความดันโลหิตลดลดน้อยลง ซึ่งสอดคล้องกับการทดลองชิ้นหนึ่งให้ผู้เจ็บป่วยที่หรูหราความดันเลือดสูงโดยที่มีค่าความดันซิสโตลิก (Systolic Blood Pressure: SBP) มากกว่าหรือพอๆกับ 140 มิลลิตรปรอท กินกระเทียมบ่มสกัด (Aged Garlic Extract: AGE) ขนาด 960 มิลลิกรัม ตรงเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าค่าความดันซิสโตลิกลดต่ำลงมากกว่าเมื่อเทียบกับคนไข้ที่กินยาหลอก จึงอาจกล่าวได้ว่าการกินกระเทียมบ่มสกัดอาจมีคุณภาพสำหรับเพื่อการรักษาคนป่วยความดันโลหิตสูงได้ดีมากยิ่งกว่ายาหลอก
แม้กระทั่งมีการทดลองอีก 2 ชิ้นที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกระเทียมสำหรับในการลดความดันโลหิตได้ดีกว่าการใช้ยาหลอก แต่ว่าเพราะเหตุว่าผลการทดลองบางทีอาจยังไม่ถูกต้องแม่นยำเพียงพอที่จะสรุปคุณภาพของกระเทียมได้ว่าสามารถรักษาหรือลดการเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและก็เส้นโลหิตในคนเจ็บความดันเลือดสูง ก็เลยยังจำเป็นต้องเรียนเพิ่มเติมเพื่อรับรองประสิทธิภาพที่แจ่มแจ้งเพิ่มขึ้น
มะเร็ง ความเชื่อมโยงของการบริโภคกระเทียมแล้วก็การเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งยังคลุมเครือแล้วก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ซึ่งจะเห็นได้จากการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้ชาวจีนทั้งหมดศชายและเพศหญิงที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะปริมาณกว่า 5,000 คน กินสารอัลลิทริดินขนาด 200 มก.ต่อวัน ร่วมกับสารซีลีเนียมขนาด 100 ไมโครกรัมวันเว้นวัน ซึ่งล้วนเป็นสารสกัดที่ได้จากกระเทียม โดยการทำการทดลองตรงเวลา 5 ปี และเมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอกแล้วพบว่ากลุ่มที่รับประทานสารอัลลิทริดินร่วมกับสารซีลีเนียมเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกน้อยลง 33 เปอร์เซ็นต์ และมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะต่ำลงถึง 52 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ดี มีการศึกษาวิจัยอีก 19 ชิ้นแสดงให้เห็นว่า ยังไม่เจอหลักฐานที่น่าไว้ใจถึงที่กะไว้จะช่วยสนับสนุนความสัมพันธ์ของการบริโภคกระเทียมต่อการเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร โรคมะเร็งอก มะเร็งปอด หรือโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก รวมทั้งมีหลักฐานที่ออกจะจำกัดที่สนับสนุนว่าการบริโภคกระเทียมบางทีอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก โรคมะเร็งหลอดของกิน มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งในโพรงปาก หรือมะเร็งรังไข่
ดังนี้สถาบันโรคมะเร็งแห่งชาติสหรัฐฯ (NCI) ได้กล่าวว่ากระเทียมเป็นผักชนิดหนึ่งที่อาจมีคุณลักษณะต้านโรคมะเร็ง แม้กระนั้นยังมีต้นเหตุอื่นๆตัวอย่างเช่น รูปแบบของสินค้าที่ทำจากกระเทียม หรือจำนวนความเข้มข้นที่นานัปการ อาจจะก่อให้พิสูจน์ถึงสมรรถนะของกระเทียมได้ยาก และก็เมื่อเวลาผ่านไปหรือเก็บเอาไว้ภายในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ก็อาจทำให้ประสิทธิภาพของกระเทียมหมดลงไปได้เช่นกัน
แก้หวัด หลายท่านมั่นใจว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์แล้วก็เชื้อไวรัส และก็มีการนำมาใช้เพื่อปกป้องและทุเลาอาการหวัดมาอย่างช้านาน ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาชิ้นหนึ่งที่ให้อาสาสมัครปริมาณ 146 คน รับประทานสารสกัดจากกระเทียมแบบเป็นเม็ดซึ่งประกอบไปด้วยสารอัลลิสินขนาด 180 มก.วันละ 1 ครั้ง ตรงเวลา 12 อาทิตย์ แล้วให้อาสาสมัครจดบันทึกอาการเมื่อเป็นหวัด พบว่าในกลุ่มที่รับประทานสารสกัดจากกระเทียมมีรายงานการเป็นหวัดจำนวน 24 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอกที่มีรายงานการเป็นหวัดจำนวน 65 ครั้ง ทั้งยังยังพบว่าช่วงเวลาของการเป็นหวัดในกรุ๊ปที่กินสารสกัดจากกระเทียมมีปริมาณวันที่น้อยกว่า แม้กระนั้นช่วงเวลาการฟื้นตัวจากอาการหวัดของ 2 กรุ๊ปมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ถึงแม้ว่าผลการทดลองข้างต้นจะบอกให้เห็นถึงคุณภาพของกระเทียม แต่หลักฐานการทดลองทางคลินิกยังน้อยเกินไปแล้วก็จำเป็นจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมอีกเพื่อยืนยันประสิทธิภาพของกระเทียมให้ชัดแจ้งยิ่งขึ้น
ลดน้ำหนักรวมทั้งมวลไขมัน ในคนเจ็บสภาวะไขมันพอกตับ ที่ไม่ได้เป็นผลมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ แต่ว่ามักมีต้นเหตุมาจากโรคอ้วน เบาหวานชนิดที่ 2 ความดันโลหิตสูง และก็ไขมันในเลือดสูง ซึ่งการดูแลและรักษาด้วยการกินยา การผ่าตัด หรือลดหุ่นบางทีอาจไม่พอ ถ้าไม่ดูแลประเด็นการรับประทานอาหารพร้อมกันไปด้วย การรับประทานกระเทียมจึงอาจเป็นโอกาสหนึ่งที่น่าดึงดูด เนื่องจากว่ากระเทียมเป็นพืชสมุนไพรที่อุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์และสารอาหารอื่นๆที่อาจมีคุณสมบัติคุ้มครองป้องกันภาวการณ์อ้วน ซึ่งสอดคล้องกับการค้นคว้าวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้คนไข้ไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหมดศชายและก็เพศหญิง อายุตั้งแต่ 20-70 ปี ปริมาณทั้งสิ้น 110 คน กินกระเทียมผงประเภทแคปซูลขนาด 400 มก. ซึ่งภายในประกอบไปด้วยสารอัลสิลินขนาด 1.5 มก. วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 15 อาทิตย์ โดยสามารถรับประทานอาหารได้ตามเดิม แม้กระนั้นกินกระเทียมได้ไม่เกินสัปดาห์ละ 2 กลีบ จากผลของการทดสอบทำให้เห็นว่า น้ำหนักและก็มวลร่างกายลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มที่รับประทานยาหลอก ก็เลยอาจกล่าวได้ว่าการกินกระเทียมอาจช่วยลดจำนวนไขมันในตับรวมทั้งคุ้มครองปกป้องหรือชะลอการเกิดภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้มีเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ อย่างไรก็แล้วแต่การศึกษาในอนาคตยังจำเป็นต้องวางแบบการทดสอบให้ดีขึ้นรวมทั้งควรจะเพิ่มระยะเวลาสำหรับการทดลองเพื่อรับรองประสิทธิภาพของกระเทียมให้แจ้งชัดยิ่งขึ้น
ลดระดับคอเลสเตอรอล หลักฐานเกี่ยวกับประสิทธิภาพของกระเทียมต่อการลดระดับคอเลสเตอรอลยังคงมีความขัดแย้ง จึงทำให้ยังไม่สามารถที่จะสรุปได้อย่างชัดเจน ซึ่งสอดคล้องกับการทดลองและการศึกษาเล่าเรียนโดยการทบทวนงานค้นคว้าที่เกี่ยวข้องจำนวน 29 ชิ้น ได้ทำให้เห็นว่า การรับประทานกระเทียมอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลรวมได้เล็กน้อย แต่ไม่ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลประเภทที่ดี (High-Density Lipoprotein: HDL) เพิ่มสูงมากขึ้น หรือเปล่าทำให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี (Low-Density Lipoprotein: LDL) ซึ่งเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจลดลงแต่อย่างใด ก็เลยยังจึงควรเรียนรู้เสริมเติมเพื่อหาผลสรุปและก็ยืนยันสมรรถนะของกระเทียมต่อระดับคอเลสเตอรอลที่ชัดแจ้งเพิ่มขึ้น

ความปลอดภัยสำหรับเพื่อการรับประทานกระเทียม
การรับประทานกระเทียมออกจะปลอดภัยถ้าเกิดรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม แต่ว่าอาจจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ ตัวอย่างเช่น ปากเหม็น มีกลิ่นเต่า รู้สึกแสบร้อนที่บริเวณปากหรือที่กระเพาะ แสบร้อนกึ่งกลางอก ท้องขึ้น อ้วก อ้วก หรือท้องร่วง อาการเหล่านี้บางทีอาจทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อรับประทานกระเทียมสด ทั้งยังการใช้กระเทียมสดทาหรือสัมผัสที่รอบๆผิวหนังอาจส่งผลให้กำเนิดอาการแสบร้อนและระคายเคืองได้
สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังสำหรับในการกินกระเทียมโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลในกลุ่มต่อไปนี้
ผู้ที่กำลังมีท้องหรือคนที่อยู่ในตอนให้นมลูก การกินกระเทียมในช่วงการมีครรภ์ค่อนข้างไม่มีอันตรายถ้ากินเป็นของกินหรือในจำนวนที่เหมาะสม แต่ว่าบางทีอาจไม่ปลอดภัยแม้รับประทานกระเทียมเป็นยารักษาโรค อีกทั้งยังไม่มีช้อมูลที่น่าไว้วางใจพอเพียงเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่บริเวณผิวหนังในตอนการมีท้องหรือให้นมบุตร
เด็ก การรับประทานกระเทียมในจำนวนที่สมควรและก็ในระยะสั้นๆบางทีอาจไม่มีอันตรายสำหรับเด็ก แต่ว่าการใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจจะทำให้กำเนิดอาการแสบร้อนและก็ระคายเคือง
คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะหรือการย่อยของอาหาร อาจจะก่อให้เกิดการระคายเคืองพื้นที่เดินอาหารได้
คนที่มีความดันเลือดต่ำ การรับประทานกระเทียมอาจทำให้ระดับความดันเลือดลดลดน้อยลงมากยิ่งกว่าธรรมดา
ผู้ที่วางแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรหยุดกินกระเทียมก่อนการผ่าตัดขั้นต่ำ 2 อาทิตย์เนื่องจากอาจส่งผลให้เลือดออกมากและมีผลต่อความดันเลือดในระหว่างการผ่าตัด และผู้ที่มีสภาวะเลือดออกผิดปกติไม่สมควรรับประทานกระเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระเทียมสด เนื่องจากอาจเพิ่มการเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
ผู้ที่อยู่ในระหว่างการรับประทานยารักษาโรค เป็นต้นว่า ไอโซไนอะซิด ด้วยเหตุว่ากระเทียมบางทีอาจลดการดูดซึมของยาภายในร่างกายรวมทั้งมีผลต่อคุณภาพลักษณะการทำงานของยา รวมถึงไม่สมควรกินกระเทียมในระหว่างใช้ยาดังนี้
ยารักษาการติดเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องหรือโรคภูมิคุมกันบกพร่อง
ยาคุมกำเนิด
ยาต้านทานการแข็งตัวของเลือด
ยาต้านทานเกล็ดเลือด
http://www.disthai.com/

 

Sitemap 1 2 3