ผู้เขียน หัวข้อ: รู้ไหมว่ากระเทียมนั้นมีสรรพคุณ-เเละประโยชน์อย่างมากๆ  (อ่าน 309 ครั้ง)

sdfi5dsf1q2d1

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 4
    • ดูรายละเอียด

กระเทียม
กระเทียมกับประโยชน์ต่อร่างกาย
กระเทียม เป็นไม้ล้มลุกที่มีหัวลักษณะเป็นทรงกระเปาะอยู่ใต้ดินเหมือนกันกับหัวหอม ซึ่งแต่ละหัวจะประกอบด้วย 6-10 กลีบ นิยมนำมาใช้เป็นเครื่องปรุงเข้าครัว กระเทียมเป็นพืชที่ออกจะไม่เหมือนกับพืชทั่วๆไป เพราะเหตุว่าอุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์ในจำนวนมาก นอกจากนั้นกระเทียมประกอบไปด้วยสารอาหารฯลฯ เป็นต้นว่า อาร์จีนีน (Arginine) โอลิโกแซ็คคาไรด์ (Oligosaccharides) ฟลาโวนอยด์ (Flavoniods) แล้วก็ซีลีเนียม (Selenium) ซึ่งล้วนเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย
กระเทียม
หลายท่านอาจจดจำกระเทียมได้จากกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเกิดจากสารอัลลิสิน (Allicin) นอกจากจะทำให้กระเทียมมีกลิ่นที่สะดุดตาแล้ว อัลลิซินยังเป็นสารออกฤทธิ์หลักที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ รวมทั้งอาจมีส่วนช่วยรักษาโรคหรือทำให้อาการต่างๆดียิ่งขึ้น โดยที่หลายท่านเชื่อว่าการกินกระเทียมอาจช่วยทุเลาอาการที่เกี่ยวกับหัวใจแล้วก็เส้นเลือด ความดันโลหิต คอเลสเตอรอล บรรเทาหวัด รวมทั้งใช้น้ำมันกระเทียมเป็นยาทาภายนอกเพื่อรักษาอาการติดโรคทางผิวหนัง เล็บ หรือช่วยรักษาอาการผมตกอีกด้วย
ทั้งนี้สิ่งที่ใช้พิสูจน์หรือหลักฐานด้านการแพทย์มีมากน้อยเท่าใดที่จะช่วยยืนยันคุณประโยชน์ ประโยชน์ แล้วก็ความปลอดภัยของการกินกระเทียมที่มีบทบาทหรือส่วนช่วยสำหรับการรักษาโรคเหล่านี้
ความดันเลือดสูง อัลลิสินซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ที่พบได้ในกระเทียมสดหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาการที่มีส่วนประกอบของกระเทียม อาจมีส่วนช่วยผ่อนคลายของกล้ามเนื้อเรียบที่เรียงหน้าในเส้นเลือดและก็ส่งผลให้เส้นเลือดขยายตัวและทำให้ระดับความดันเลือดลดต่ำลง ซึ่งสอดคล้องกับการทดลองชิ้นหนึ่งให้ผู้ป่วยที่หรูหราความดันเลือดสูงโดยที่มีค่าความดันซิสโตลิก (Systolic Blood Pressure: SBP) มากยิ่งกว่าหรือพอๆกับ 140 ไม่ลลิตรปรอท กินกระเทียมบ่มสกัด (Aged Garlic Extract: AGE) ขนาด 960 มก. ตรงเวลา 12 อาทิตย์ พบว่าค่าความดันซิสโตลิกลดลดลงมากยิ่งกว่าเมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่กินยาหลอก จึงอาจจะบอกได้ว่าการกินกระเทียมบ่มสกัดอาจมีสมรรถนะในการรักษาผู้เจ็บป่วยความดันเลือดสูงได้ดีกว่ายาหลอก
ต่อให้มีการทดสอบอีก 2 ชิ้นที่บ่งบอกถึงถึงสมรรถนะของกระเทียมในการลดความดันเลือดได้ดียิ่งไปกว่าการใช้ยาหลอก แต่ว่าด้วยเหตุว่าผลการทดลองบางทีอาจยังไม่ถูกต้องเพียงพอที่จะสรุปคุณภาพของกระเทียมได้ว่าสามารถรักษาหรือลดการเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและก็หลอดเลือดในคนเจ็บความดันโลหิตสูง ก็เลยยังจึงควรศึกษาเล่าเรียนเพิ่มเติมอีกเพื่อรับรองสมรรถนะที่แน่ชัดยิ่งขึ้น
โรคมะเร็ง ความเกี่ยวเนื่องของการบริโภคกระเทียมรวมทั้งความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งยังไม่กระจ่างแล้วก็ยังคงเป็นที่โต้เถียงกันอยู่ ซึ่งจะมองเห็นได้จากการศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้ชาวจีนทั้งสิ้นศชายแล้วก็ผู้หญิงที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะจำนวนกว่า 5,000 คน รับประทานสารอัลลิทริดินขนาด 200 มก.ต่อวัน ร่วมกับสารซีลีเนียมขนาด 100 ไมโครกรัมวันเว้นวัน ซึ่งล้วนเป็นสารสกัดที่ได้จากกระเทียม โดยการทำการทดสอบเป็นเวลา 5 ปี และเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่รับประทานยาหลอกแล้วพบว่ากลุ่มที่รับประทานสารอัลลิทริดินร่วมกับสารซีลีเนียมเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกลดน้อยลง 33 เปอร์เซ็นต์ แล้วก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารต่ำลงถึง 52 เปอร์เซ็นต์
แต่ มีการศึกษาค้นคว้าอีก 19 ชิ้นทำให้เห็นว่า ยังไม่พบหลักฐานที่น่าไว้ใจถึงที่เหมาะจะช่วยสนับสนุนความเกี่ยวเนื่องของการบริโภคกระเทียมต่อความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งหน้าอก โรคมะเร็งปอด หรือโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก และก็มีหลักฐานที่ค่อนข้างจะจำกัดที่เกื้อหนุนว่าการบริโภคกระเทียมบางทีอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งไส้ โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งหลอดของกิน มะเร็งกล่องเสียง โรคมะเร็งในโพรงปาก หรือมะเร็งรังไข่
ดังนี้สถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NCI) ได้พูดว่ากระเทียมเป็นผักชนิดหนึ่งที่อาจมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง แม้กระนั้นยังมีปัจจัยอื่นๆอาทิเช่น ลักษณะของสินค้าที่ทำจากกระเทียม หรือปริมาณความเข้มข้นที่นานาประการ อาจจะทำให้พิสูจน์ถึงความสามารถของกระเทียมได้ยาก และเมื่อเวลาผ่านไปหรือเก็บเอาไว้ภายในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ก็อาจจะส่งผลให้สมรรถนะของกระเทียมเสื่อมสลายไปได้เหมือนกัน
แก้หวัด ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยมั่นใจว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต้านทานเชื้อจุลินทรีย์แล้วก็เชื้อไวรัส และมีการประยุกต์ใช้เพื่อคุ้มครองปกป้องรวมทั้งบรรเทาอาการหวัดมาอย่างนาน ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาเล่าเรียนชิ้นหนึ่งที่ให้อาสาสมัครจำนวน 146 คน กินสารสกัดจากกระเทียมรูปแบบเม็ดซึ่งประกอบไปด้วยสารอัลลิซินขนาด 180 มิลลิกรัมวันละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 12 สัปดาห์ แล้วให้อาสาสมัครจดบันทึกอาการเมื่อเป็นหวัด พบว่าในกรุ๊ปที่กินสารสกัดจากกระเทียมมีรายงานการเป็นหวัดปริมาณ 24 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกรุ๊ปที่กินยาหลอกที่มีรายงานการเป็นหวัดปริมาณ 65 ครั้ง ทั้งยังยังพบว่าระยะเวลาของการเป็นหวัดในกลุ่มที่กินสารสกัดจากกระเทียมมีจำนวนวันที่น้อยกว่า แต่ว่าช่วงเวลาการฟื้นฟูสภาพจากอาการหวัดของอีกทั้ง 2 กรุ๊ปมีความไม่เหมือนกันเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ แม้ผลของการทดสอบข้างต้นจะบอกให้เห็นถึงคุณภาพของกระเทียม แม้กระนั้นหลักฐานการทดสอบทางคลินิกยังไม่พอแล้วก็จำต้องศึกษาเพิ่มเพื่อรับรองสมรรถนะของกระเทียมให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ลดความอ้วนและก็มวลไขมัน ในคนป่วยภาวะไขมันพอกตับ ที่ไม่ได้มีต้นเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ แต่มักเกิดจากโรคอ้วน โรคเบาหวานประเภทที่ 2 ความดันเลือดสูง แล้วก็ไขมันในเลือดสูง ซึ่งการรักษาด้วยการรับประทานยา การผ่าตัด หรือลดหุ่นอาจไม่พอ หากไม่ดูแลเรื่องการกินอาหารควบคู่ไปด้วย การรับประทานกระเทียมจึงบางทีอาจเป็นโอกาสหนึ่งที่น่าสนใจ เนื่องจากว่ากระเทียมเป็นพืชสมุนไพรที่อุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์และสารอาหารอื่นๆที่อาจมีคุณสมบัติคุ้มครองภาวการณ์อ้วน ซึ่งสอดคล้องกับการวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้ผู้ป่วยไขมันพอกตับที่ไม่ได้มีเหตุที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ทั้งปวงศชายรวมทั้งผู้หญิง อายุตั้งแต่ 20-70 ปี ปริมาณทั้งปวง 110 คน รับประทานกระเทียมผงจำพวกแคปซูลขนาด 400 มิลลิกรัม ซึ่งด้านในประกอบไปด้วยสารอัลสิลินขนาด 1.5 มก. วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 15 อาทิตย์ โดยสามารถทานอาหารได้ตามเดิม แต่กินกระเทียมได้ไม่เกินอาทิตย์ละ 2 กลีบ จากผลของการทดลองแสดงให้เห็นว่า น้ำหนักและมวลร่างกายลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอก ก็เลยอาจพูดได้ว่าการกินกระเทียมอาจช่วยลดปริมาณไขมันในตับรวมทั้งคุ้มครองป้องกันหรือชะลอการเกิดสภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ อย่างไรก็ตามการเรียนรู้ในอนาคตยังจำเป็นต้องวางแบบการทดสอบให้ดีขึ้นแล้วก็ควรเพิ่มช่วงเวลาสำหรับเพื่อการทดลองเพื่อยืนยันประสิทธิภาพของกระเทียมให้กระจ่างแจ้งยิ่งขึ้น
ลดระดับคอเลสเตอรอล หลักฐานเกี่ยวกับความสามารถของกระเทียมต่อการลดระดับคอเลสเตอรอลยังคงมีความขัดแย้ง ก็เลยทำให้ยังไม่อาจจะสรุปได้อย่างชัดเจน ซึ่งสอดคล้องกับการทดสอบแล้วก็การเรียนรู้โดยการทบทวนงานศึกษาค้นคว้าวิจัยที่เกี่ยวพันจำนวน 29 ชิ้น ได้ชี้ให้เห็นว่า การรับประทานกระเทียมบางทีอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลรวมได้นิดหน่อย แต่ว่าไม่ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลจำพวกที่ดี (High-Density Lipoprotein: HDL) เพิ่มสูงมากขึ้น หรือเปล่าทำให้ระดับคอเลสเตอรอลประเภทที่ไม่ดี (Low-Density Lipoprotein: LDL) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจต่ำลงแต่อย่างใด ก็เลยยังจึงควรเล่าเรียนเพิ่มอีกเพื่อหาผลสรุปแล้วก็รับรองความสามารถของกระเทียมต่อระดับคอเลสเตอรอลที่เด่นชัดยิ่งขึ้น

ความปลอดภัยในการรับประทานกระเทียม
การรับประทานกระเทียมออกจะไม่มีอันตรายถ้ารับประทานในจำนวนที่สมควร แต่ว่าอาจจะก่อให้เกิดผลใกล้กันได้ อย่างเช่น ปากเหม็น มีกลิ่นเต่า รู้สึกแสบร้อนที่บริเวณปากหรือที่กระเพาะ แสบร้อนกึ่งกลางอก ท้องเฟ้อ อ้วก อ้วก หรือท้องร่วง อาการเหล่านี้บางทีอาจทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อกินกระเทียมสด ทั้งยังการใช้กระเทียมสดทาหรือสัมผัสที่บริเวณผิวหนังอาจจะทำให้เกิดอาการแสบร้อนรวมทั้งระคายได้
ข้อควรตรึกตรองสำหรับในการรับประทานกระเทียมโดยเฉพาะบุคคลในกลุ่มต่อแต่นี้ไป
คนที่กำลังตั้งครรภ์หรือคนที่อยู่ในตอนให้นมบุตร การกินกระเทียมในช่วงการตั้งครรภ์ค่อนข้างจะไม่เป็นอันตรายถ้าหากรับประทานเป็นของกินหรือในปริมาณที่สมควร แต่ว่าอาจไม่ปลอดภัยถ้าเกิดรับประทานกระเทียมเป็นยารักษาโรค ทั้งยังไม่มีช้อมูลที่น่าเชื่อถือพอเพียงเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่บริเวณผิวหนังในตอนการมีครรภ์หรือให้นมลูก
เด็ก การรับประทานกระเทียมในจำนวนที่สมควรรวมทั้งในระยะสั้นๆอาจปลอดภัยสำหรับเด็ก แม้กระนั้นการใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจจะก่อให้เกิดอาการแสบร้อนแล้วก็ระคาย
คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะหรือการย่อยอาหาร อาจจะเป็นผลให้มีการเคืองพื้นที่เดินอาหารได้
ผู้ที่มีความดันเลือดต่ำ การกินกระเทียมอาจส่งผลให้ระดับความดันโลหิตลดลดลงมากกว่าธรรมดา
คนที่คิดแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรหยุดรับประทานกระเทียมก่อนการผ่าตัดขั้นต่ำ 2 สัปดาห์เพราะว่าอาจจะเป็นผลให้เลือดออกมากรวมทั้งส่งผลต่อความดันเลือดในระหว่างการผ่าตัด และผู้ที่มีภาวการณ์เลือดออกแตกต่างจากปกติไม่ควรกินกระเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระเทียมสด เพราะเหตุว่าอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ผู้ที่อยู่ในระหว่างการกินยารักษาโรค เป็นต้นว่า ไอโซไนอะสิด เนื่องจากกระเทียมบางทีอาจลดการดูดซึมของยาในร่างกายและก็มีผลต่อคุณภาพการทำงานของยา รวมทั้งไม่ควรรับประทานกระเทียมในระหว่างใช้ยาดังต่อไปนี้
ยารักษาการติดเชื้อโรคไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องหรือโรคเอดส์
ยาคุม
ยาต้านทานการแข็งตัวของเลือด
ยาต่อต้านเกล็ดเลือด
http://www.disthai.com/

 

Sitemap 1 2 3