ผู้เขียน หัวข้อ: ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์  (อ่าน 323 ครั้ง)

dpdsio2s4a5

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 6
    • ดูรายละเอียด
ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์
« เมื่อ: สิงหาคม 17, 2018, 02:59:20 pm »

ราชพฤกษ์
ภูมิหลังของต้นราชพฤกษ์
   จากอดีตกาลที่ผ่านมากว่า 50 ปี ทางราชการมีความพากเพียรหลายทีในการกำหนดให้มีเครื่องหมายประจำชาติไทย โดยยิ่งไปกว่านั้นการกำหนด ต้นไม้ และ ดอกไม้ ประจำชาติ เริ่มต้นที่กรมป่าไม้ได้ชวนให้ราษฎรพอใจต้นราชพฤกษ์หรือคูณมาตั้งแต่ตอนปี พุทธศักราช2494 โดยรัฐบาลลงความเห็นให้ถือวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ (arbour day) มีการชวนให้ปลูกต้นไม้ที่มีประโยชน์จำพวกต่างๆมากไม่น้อยเลยทีเดียว ในขณะเดียวกันก็ได้มีการเสนอว่า ต้นราชพฤกษ์ คงจะนับว่าเป็นต้นไม้ประจำชาติ
ราชพฤกษ์
   กระทั่งในปี พ.ศ.2506 มีการประชุมเพื่อระบุเครื่องหมายต้นไม้รวมทั้งสัตว์ประจำชาติเป็นครั้งแรก โดยกรมป่าไม้ได้เสนอให้ ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูณ ไม้มงคลที่มีคุณประโยชน์แล้วก็รู้จักกันอย่างล้นหลามเป็นต้นไม้ประจำชาติ สำหรับสัตว์ประจำชาติก็คือ ช้างเผือก สัตว์ที่มีคุณค่าเกี่ยวพันกับขนบธรรมเนียมไทยและประวัติศาสตร์ไทยมายาวนาน การเสนอตอนนั้นมิได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมาเครื่องหมายที่บอกถึงความเป็นเอกราชยจึงมีหลากหลาย ตั้งแต่สถานที่สำคัญๆ สัตว์ ดอกไม้ ที่ชาวไทยเคยชินแล้วก็พบเจอบ่อยครั้ง ดังเช่นว่า พระปรางค์วัดย่ำรุ่งฯ เรือสุพรรณหงส์ ดอกบัว ดอกมะลิ ดอกพุทธรักษา แมวไทย เช่นเดียวกับ ต้นราชพฤกษ์ และ ช้างเผือก ยังคงถูกสรรเสริญให้เป็นเครื่องหมายประจำชาติตลอดมา
            ปี พุทธศักราช2530 มีการเกื้อหนุนให้ปลูกต้นราชพฤกษ์อีกครั้ง เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยมีการช่วยเหลือให้ปลูกต้นราชพฤกษ์ทั่วราชอาณาจักรจำนวน 99,999 ต้น เวลานี้ก็เลยมีต้นราชพฤกษ์อยู่ล้นหลามทั่วทั้งประเทศไทย
            บทสรุปเรื่องสัญลักษณ์ประจำชาติดูเหมือนจะยังกำกวม กระทั่งช่วงปี พุทธศักราช2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ได้นำเรื่องดังกล่าวข้างต้นกลับมาเสนออีกที รวมทั้งมีผลสรุปเสนอให้มีการกำหนดเครื่องหมายประจำชาติ 3 สิ่งเป็น ดอกไม้ สัตว์และสถาปัตยกรรม แล้วก็การพินิจก่อนหน้านี้เสนอให้กำหนดดอกไม้ประจำชาติคือ ดอกราชพฤกษ์ สัตว์ประจำชาติหมายถึงช้างไทย แล้วก็สถาปัตยกรรมประจำชาติคือ ศาลาไทย
            เหตุที่เลือก ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติเพราะเหตุว่ามีความเหมาะสมในหลายๆด้านเป็นเป็นดอกไม้จากต้นไม้ที่ถูกเสนอให้เป็นต้นไม้ประจำชาติเมื่อครั้งที่กรมป่าไม้เสนอไว้ เป็นต้นไม้ที่มีอายุยืน แข็งแรง ปลูกขึ้นได้ดีทั่วทุกภาคของประเทศ ฯลฯไม้ท้องถิ่นที่รู้จักแพร่หลาย มีชื่อเรียกหลายชื่อต่างกันในแต่ละภาค อย่างเช่น ราชพฤกษ์ คูน อ๋อดิบ ราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลใช้ประโยชน์ในพิธีหลักๆตัวอย่างเช่น ลงหลักเมือง ลงเสาฤกษ์ ทำคฑาจอมพลรวมทั้งยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร ในช่วงฤดูร้อนราชพฤกษ์จะออกดอกสะพรั่งอีกทั้งต้น ช่อดอกมีทรงสวย สีเหลืองสวยงามเป็นเครื่องหมายของพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำประเทศ แล้วก็เป็นสีเดียวกับวันพระราชการบังเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นอกจากนี้ความสวยสดงดงามของช่อดอก และก็ความหมายที่ดียังถูกจำลองแบบแต่งแต้มไว้บนอินทรธนูของข้าราชการอีกด้วย
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
ส่งดอกไม้ประจำชาติไทย คือ ดอกราชพฤกษ์ (Golden shower) หรือ ชื่อทางด้านวิทยาศาสตร์ของ ดอกราชพฤกษ์เป็นCassia fistula
           ดอกไม้สีเหลืองอร่ามที่พบได้ทั่วไปมองเห็นได้ทั่วๆไปตามข้างถนนสายต่างๆคือสีสันของ ดอกราชพฤกษ์ หรือ ดอกคูน ต้นไม้มงคลที่ได้รับการเชิดชูให้เป็น ดอกไม้ประจำชาติไทย อีกทั้งเชื่อว่าฯลฯไม้ที่ปลูกไว้แล้วจะเสริมให้คนภายในบ้านมีเกียรติขั้นชื่อ เสียงมากเพิ่มขึ้นด้วย ยิ่งใกล้เข้าสู่เวลาแห่งการเปิดประตูต้อนรับเพื่อนบ้านอาเซียนกันแล้ว ในวันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยขอนำเนื้อหาสาระเกี่ยวกับดอกไม้ประจำชาติไทยอย่าง ดอกราชพฤกษ์ มาให้ทำความรู้จักกันจ้า
เรื่องราวดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน ฯลฯไม้ประจำถิ่นของเอเชียใต้ ตั้งแต่ประเทศปากีสถาน ประเทศอินเดีย ประเทศพม่า และก็ศรีลังกา โดยนิยมนำมาปลูกกันมากมายในเขตร้อน สามารถเจริญเติบโตได้ดีใน และเป็นที่รู้จักในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2506 แม้กระนั้นก็ยังมิได้บทสรุปชัดเจน จนกระทั่งมีการลงชื่อให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย ช่วงวันที่ 26 ตุลาคม พุทธศักราช 2544

ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เพราะเหตุว่า ต้นราชพฤกษ์ มีดอกสีเหลืองยกช่อ ดูสง่างาม ทั้งยังยังมีสีตรงกับ สีประจำวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของพระมหากษัตริย์" และมีการเซ็นชื่อให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นเยี่ยมใน 3 เครื่องหมายประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย และ 3. ดอก[url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์[/url] เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เนื่องด้วยเป็นต้นไม้ประจำถิ่นที่รู้จักกันอย่างมากมาย และก็มีอยู่ทุกภาคของเมืองไทย
  • มีประวัติเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมสำคัญๆในไทยและก็เป็นต้นพืชที่มีความมงคลที่นิยมนำมาปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้นานาประการ ตัวอย่างเช่น ใช้เป็นยารักษาโรค ทั้งยังยังใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ เป็นต้น
  • มีสีเหลืองอร่าม พุ่มไม้งามเต็มต้น เทียบเป็นเครื่องหมายแห่งพุทธศาสนา
  • แก่ยืนนาน แล้วก็แข็งแรง
ลักษณะทั่วไป
           ฯลฯไม้ขนาดกึ่งกลาง สูงประมาณ 10-20 เมตร ออกดอกเป็นช่อสีเหลืองงาม แต่ละช่อยาวราว 20-40 เซนติเมตร โดยกลีบดอกจะเป็นสีเหลือง 5 กลีบ ส่งผลยาวประมาณ 30-60 ซม. มีกลิ่นแรง และมีเม็ดที่เป็นพิษ
การปลูกดอกราชพฤกษ์
           นิยมนำมาปลูกด้วยเมล็ด โดยจะมีการเจริญวัยช้าในตอน 1-3 ปีแรก แม้กระนั้นต่อไปจะมีการเติบโตเร็วขึ้น รวมทั้งมีดอกตอนอายุประมาณ 4-5 ปี
การรักษา
           แสง : ต้องการแดดจัด หรือกลางแจ้ง รวมทั้งเจริญวัยได้ดีในที่โล่งแจ้งเป็นพิเศษ
           น้ำ : ชอบน้ำน้อย ควรรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับสภาพอากาศร้อนเจริญ
           ดิน : สามารถเติบโตเจริญในดินร่วนซุย ดินร่วนซุยคละเคล้าทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมให้ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยธรรมชาติ ในอัตรา 2-3 โลต่อต้น และควรให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
การขยายพันธุ์
           แนวทางขยายพันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยมเป็นการเพาะเม็ด โดยใช้เม็ดสดๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แต่จำต้องเลือกขลิบบริเวณด้านป้าน เพราะว่าด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ จากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งเอาไว้ผ่านวัน แล้วก็ค่อยเทน้ำออกให้เหลือปริมาณพอเพียงหล่อเลี้ยงเม็ดได้ แล้วหลังจากนั้นทิ้งไว้อีกคืนก็จะพบรากผลิออก รวมทั้งสามารถนำลงปลูกได้เลย
ความศรัทธาเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           เชื่อว่าฯลฯไม้มงคล ที่ควรปลูกไว้ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ รวมทั้งถ้าเกิดปลูกเอาไว้ในบ้านจะช่วยให้มีเกียรติตำแหน่ง เกียรติ และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยเวท โดยใช้ใบทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ เนื่องจากเป็นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลนาม http://www.disthai.com/

 

Sitemap 1 2 3