ผู้เขียน หัวข้อ: บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ  (อ่าน 318 ครั้ง)

asf24a8xcv4

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 4
    • ดูรายละเอียด

บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ
บุก มาแล้ว ! บุกมาแล้ว !  รีบหนีเร็ว  เอ๊ะยังไงนี่ พวกเรากำลังดูหนังสงครามอยู่หรอ เปล่าขอรับ บุกในที่นี้มิได้ถึงข้าศึกบุก แต่หมายคือหัวบุก สมุนไพรไทยบ้านพวกเรา ต่างหาก และก็ที่จะต้องหนี ไม่ใช่คนไหนที่แหน่งใด แต่ว่าเป็นโรคฮอตได้รับความนิยมในตอนนี้อย่างโรคอ้วน โรคเบาหวาน ต่างหากที่ต้องหนีไป
บุก ส่วนที่เห็นเป็น หัวบุก ตอนแรกเรื่องของบุกในประเทศไทย มันก็ไม่ได้แพร่หลายหรือเป็นที่ได้รับความนิยมเสมือนทุกๆวันนี้เนื่องจากว่าจริงๆตอนแรกมันก็เป็นพืชประจำถิ่นอยู่ดี  คนในเขตแดนก็นำบุกมาประกอบอาหาร เหมือนเผือก ราวกับมันทั่วไปพอเริ่มมีคนมาวิจัย   สรรพคุณต่างๆของมัน เลยแปลงเป็นพืชสมุนไพรไทยยอดนิยม มีการแปรรูปเป็นรูปแบบต่างๆตั้งแต่สารสกัด บุกผง วุ้นบุก รวมทั้งอื่นๆอีกมากมาย วันนี้เองก็คงไม่ช้าเกินความจำเป็นที่จะนำทุกคนมารู้จะ พืชสมุนไพรไทย ที่เรียกว่าบุกกันแบบถึงกึ๋นมารู้จะบุกกัน
ชื่อไทย   บุก
ชื่อสามัญ  Konjac ,  devil’s tongue  (ลิ้นภูตผีปิศาจ  น่าขนลุกนะครับชื่อนี้ คาดว่ามาจากรูปแบบของดอกบุก )   , shade palm, umbrella arum
ชื่อวิทยาศาสตร์      Amorphophallus rivieri Durieu cv. Konjac
ชื่อสกุล    ARACEAE
ชื่อตามท้องถิ่น  :  บุกระอุงคก (จังหวัดชลบุรี) เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน) มันซูรัน (ภาคดลาง)  หัวบุก (จังหวัดปัตตานี) บุกคางคก  (ภาคกึ่งกลาง, เหนือ) บุกหนาม บุกหลวง (แม่ฮ่องสอน)  กระบุก (อิสาน)
เราพบบุกถึงที่เหมาะไหน
บุกเป็นพืชป่าล้มลุกที่เจอทั่วไปทุกภาคของประเทศ โดยขึ้นกับตาม ชายเขา และก็ครั้งคราวก็พบตามพื้นที่ ปลูกข้าว ดังเช่นว่าที่ปทุมธานี และนนทบุรี เป็นต้น บุกขึ้นได้ในภาวะดินทุกชนิด แม้กระนั้นจะเจริญวัยก้าวหน้าให้หัวขนาด ใหญ่ได้ในดินที่ร่วนซุย น้ำไม่ขังแล้วก็ดินที่มีฮิวมัส หรืออินทรียวัตถุสูง
ลักษณะของต้นบุก
ลักษณะของต้น บุก ชี้ให้เห็นส่วนประกอบคือใบบุก และก็หัวบุกลำต้นใต้ดิน  บุกมีลำต้นใต้ดินหรือที่พวกเราเรียกแบบง่ายๆก็คือ หัวบุก  แบบเดียวกับเรียกหัวเผือก หัวมัน ขนาดอยู่ที่ราว 25 ซม. (บางพันธ์อาจเล็กกว่านี้ )ทรงกลมแป้นลักษณะทรงเดียวกับลูกฟักทอง แต่ว่าบางสายพันธ์มีลักษณะพิเศษแตกต่างออกไป  ซึ่งส่วนนี้เอง เป็นใช้ที่สะสมอาหารของบุก
 ใบบุก  ลักษณะเสมือนใบมะละกอ มีสีเขียวเข้ม บางประเภทมีก้านใย เป็นลวดลายบางจำพวกมีหนามอ่อนๆ หรือบางครั้งบุกบางจำพวกก็มีใบมีจุดแบบไข่ปลาสีขาวด้านบน  จะเห็นว่าใบบุกมีใบลักษณะที่นานัปการมาก  แม้กระนั้นที่เด่นๆพิจารณาง่ายว่าเป็บุกเป็น จะมีก้านตรงจากกลางของหัว เมื่อโผล่จากดินแล้วแผ่กางออก 3 ทาง มีรูปทรงแผ่กว้างแบบร่ม แต่ว่าบาง ชนิดจะแปลกตรงที่กลับขึ้นข้างบนราวกับหงายร่ม โดยเหตุนี้รูปแบบของใบบุก มีหลายแบบอย่างสังกัดจำพวกของบุก
ดอกของบุกลักษณะดอกดอกเหมือนต้นหน้าวัว แต่ละประเภทมีขนาด สี แล้วก็รูป ทรงแตกต่างกัน บางชนิดมีดอกใหญ่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุกคางคก ดอกบุกมีกลิ่น เหม็นเหมือนเนื้อสัตว์เน่า บุกชนิดอื่นๆมีดอกเล็กก้านดอกจะโผล่ขึ้นตรง จากกลางหัวบุก เหมือนกันกับก้านใบ บุกมักจะมีดอกในช่วงปลายฤดูแล้ง แต่ว่าบุกสามารถออกดอกได้ในตอน เวลาต่างๆกัน ระยะเวลาสำหรับการแก่เต็มกำลัง ของดอกที่จะติดผลก็แตกต่างกัน
 ผลบุก (อย่างงกับหัวบุกนะ ) หลังจากดอก สืบพันธุ์ก็จะเกิดผล ผลอ่อนของบุก มีสีขาวอมเหลือง เพียงพออายุ ได้ 1-2 เดือน จะส่งผลสีเขียวเข้ม มีจุดดำที่ปลายเหมือนผลกล้วย ผล ของบุกจำนวนมากจะมีลักษณะคล้ายกัน แม้กระนั้นเม็ดข้างในแตกต่างกัน พบว่าโดยมากมีเมล็ดเป็นรูปทรงอูมยาว  บุกบางประเภทก็มีเมล็ดในกลม   ผลแก่ของบุกจะมีสีแดงหรือแดงส้ม

บุกกับการนำมาทำกับข้าว
เป็นพืชอาหารพื้นบ้านซึ่งชาวไทยนำเอาก้านใบมาแกงส้ม ลวกจิ้มน้ำพริก     ท่อนหัวบุกมีการนำไปดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขตามแต่ละภูมิภาค อย่างเช่นทางภาคอีสาน มีการทำขนมที่เรียกว่าขนมบุก แกงบวชมันบุก แกงอีสาน (แกงลาว)   ภาคตะวันออกจะมีการฝาน หัวบุกเป็นแผ่น บางบาง แล้วนำมานึ่งรับประทานกับข้าว ทางภาคเหนือโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนดอย มักนำมา ปิ้งกิน ภาคกึ่งกลางมักนำหัวบุกที่ฝานเป็นชิ้นบางๆมาแช่น้ำปูน แช่น้ำก่อนล้างหลายๆครั้งและหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปทำเป็นอาหารว่าง
*บุกมีหลายประเภทหลายประเภท อาจขมรวมทั้งเป็นพิษ ทุกประเภทมีผลึกแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate) ทั้งที่ก้านใบแล้วก็หัว ซึ่งอาจจะทำให้คัน ก่อนนำมาประกอบอาหารจำต้องต้มซะก่อน ไม่เช่นนั้นรับประทานเข้าไปทำให้คันปากแล้วก็ลิ้นพอง
ของกินที่ดัดแปลงมาจากบุก
ตอนนี้มีการนำบุกมาดัดแปลง ทั้งในลักษณะของเส้นบุก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ดัดแปลงจากส่วนหัวบุก มีแบบเส้นใส สามารถเอามาปรุงเป็นของกินจานอร่อยได้ ผมว่าคนไหนกันเคยไปกินเนื้อย่างคงจะเคยพบบ้าง เว้นแต่เส้นบุกแล้วมีการนำมาผสมเครื่องดื่มต่างๆเอาแบบได้รับความนิยมๆแต่ก่อน คือ เจเล่ ผสมผงบุก ถ้าเกิดจำไม่ผิดอันนี้เขามาทำเป็นรายแรก (ผู้ครอบครองบริษัทผ่านมาอ่านขอค่าใช้จ่ายในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ด้วยนะครับ)
คุณประโยชน์ของบุก
จากการเรียนพบว่า  แป้งบุกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน พวกกลูโคแมนแนน (glucomannan) เป็นสารโมเลกุลใหญ่ (polysaccharides)ที่มีน้ำตาล 2 ประเภทเป็นดี-เดกซ์โทรส (D-glucose) รวมทั้ง (D-mannose) เป็นสารที่มีสาระต่อสุขภาพในรูปของใยอาหาร (dietary fiber)  ซึ่งดูดน้ำได้มาก แต่ร่างกายสลายตัวได้ยาก ซึมซับได้ช้า ก็เลยให้พลังงานและสารอาหารน้อย เหลือกากมากมาย ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานดี คนที่อยากลดน้ำหนักนิยมรับประทานอาหารจากแป้งบุก ได้แก่ วุ้นเส้นบุก เส้นหมี่แป้งหัวบุก เพราะกินอิ่มได้ ระบายท้อง แต่ว่าไม่ทำให้อ้วน
นอกนั้นเองเจ้า สารกลูโคแมนแนนนี้ สามารถลดจำนวนน้ำตาลในเลือดได้ ก็เพราะว่าความเหนี่ยว ซึ่งยั้งการดูดซึมของกลูโคลสจากทางเดินอาหาร ยิ่งหนืดมาก็ยิ่งมีผลลดการดูดซึมกลูวัวลส เพราะฉะนั้น กลูวัวแมนแนนช่วยลดน้ำตาลเจริญมาก ปัจจุบันจึงใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นของกินสำหรับคนเจ็บเป็นโรคโรคเบาหวาน แล้วก็สำหรับผู้เจ็บป่วยเป็นโรคมีไขมันในเลือดสูง
นี่แหละครับผมคือผลดีจากบุก ทดลองหามาทานกันนะครับ มีประโยชน์ขนาดนี้ ปัจจุบันไม่หายากแล้วเดินไปห้าง ก็ได้บุกเส้นแล้ว แนะนำมามายำแบบยำวุ้นเส้นนะครับ ยืนยันอร่อยแท้ๆ http://www.disthai.com/

 

Sitemap 1 2 3