ผู้เขียน หัวข้อ: สมุนไพรพญายอนั้นมีสรรพคุณ-ประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์  (อ่าน 278 ครั้ง)

onee021s149aa

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 7
    • ดูรายละเอียด

สมุนไพรพญายอ
เสลดพังพอนตัวเมีย
เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อสามัญ Snake Plant
เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni Nees, Clinacanthus siamensis Bremek., Justicia nutans Burm. f.) จัดอยู่ในสกุลเหงือกปลาหมอ (ACANTHACEAE)
สมุนไพรเสลดพังพอนตัวเมีย พญายอ มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า ลิ้นมังกร ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด (จังหวัดเชียงใหม่), พญาปล้องคำ (จังหวัดลำปาง), เสมหะพังพอนตัวเมีย (พิษณุโลก), พญาข้อดำ พญาปล้องทองคำ (ภาคกึ่งกลาง), ลิ้นงูเห่า พญายอ (ทั่วไป), โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ชิงเจี้ยน หนิ่วซิ้วฮวา (ภาษาจีนกลาง) ฯลฯ
รูปแบบของเสมหะพังพอนตัวเมีย
ต้นเสมหะพังพอนตัวเมีย จัดเป็นพรรณไม้พุ่มปนเถา มักเลื้อยพิงไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้โดยประมาณ 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะหมดจด ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ลำต้นมีลักษณะกลม ผิวเรียบเป็นข้อสีเขียว แพร่พันธุ์ด้วยแนวทางปักชำหรือแยกเหง้ากิ่งก้านสาขาไปปลูก เจริญวัยก้าวหน้าในดินทุกประเภท ชอบดินร่วนซุย ระบายน้ำดี มีแดดจัด มีเขตผู้กระทำระจายประเภทในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ในประเทศไทยพบได้มากขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วทุกภาคของประเทศ หรือพบปลูกกันตามบ้านทั่วๆไป
ต้นเสลดพังพอนตัวเมีย
ต้นพญายอ
ใบเสมหะพังพอนตัวเมีย ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงกันข้ามกันเป็นคู่ๆลักษณะของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบรวมทั้งโคนใบแหลม ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างราวๆ 2-3 ซม. และก็ยาวราว 7-9 ซม. แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ
ใบเสลดพังพอนตัวเมีย
ดอกพญายอเสมหะพังพอนตัวเมีย ออกดอกเป็นช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกโดยประมาณ 3-6 ดอก กลีบดอกไม้เป็นสีแดงส้ม โคนกลีบดอกไม้เชื่อมชิดกันเป็นหลอด ยาวโดยประมาณ 3-4 เซนติเมตร ปลายแยกออกเป็น 2 ปากเป็นปากล่างแล้วก็ปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบดอกไม้เป็นทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบนั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนคือต่อมเหนียวๆอยู่รอบๆ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียสะอาดไม่มีขน ออกดอกในช่วงประมาณเดือนตุลาคมถึงเดือนมกราคม (แม้กระนั้นมักจะไม่ค่อยมีดอก)
ดอกเสลดพังพอนตัวเมีย
พญาข้อทอง
ลิ้นงูเห่า
ผลเสลดพังพอนตัวเมีย ผลเป็นผลแห้งรวมทั้งแตกได้ (แต่ว่าผลไม่เคยติดเป็นฝักในประเทศไทย) รูปแบบของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้ราว 0.5 เซนติเมตร ก้านสั้น ข้างในผลมีเม็ดโดยประมาณ 4 เมล็ด
หมายเหตุ : เสมหะพังพอน เป็นชื่อพ้องของพรรณไม้ 2 ชนิดหมายถึงเสลดพังพอนตัวผู้ แล้วก็เสลดพังพอนตัวเมีย ซึ่งจะต่างกันตรงที่เสลดพังพอนเพศผู้ลำต้นจะมีหนามและก็มีดอกเป็นสีเหลือง ส่วนเสลดพังพอนตัวเมียลำต้นจะไม่มีหนามและก็มีดอกเป็นสีแดงส้ม เพื่อไม่ให้เป็นการงงมากหลายๆแบบเรียนก็เลยนิยมเรียกเสมหะพังพอนตัวเมียว่า “พญายอ” หรือ “พญาปล้องทองคำ” โดยเสลดพังพอนเพศผู้นั้นจะมีคุณประโยชน์ทางยาอ่อนกว่าเสลดพังพอนตัวเมีย และก็หนังสือเรียนยาไทยนิยมนำมาใช้ทำยากันมาก
คุณประโยชน์ของเสลดพังพอนตัวเมีย
รากแล้วก็เปลือกต้นใช้ต้มกับน้ำเป็นยาบำรุงกำลัง (รากรวมทั้งเปลือกต้น)
อีกทั้งต้นและใบใช้กินเป็นยาถอนพิษไข้ ดับพิษร้อน (ทั้งยังต้นแล้วก็ใบ)1,3 ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการใช้ใบสด 1 กำมือ ตำให้รอบคอบ ผสมกับน้ำแช่ข้าว ใช้พอกบนหัวคนไข้โดยประมาณ 30 นาที ลักษณะของการมีไข้และอาการปวดศีรษะจะหายไป (ใบ)6
ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (รับประทานอาหารแสลงไข้ แล้วทำให้โรคกำเริบ) ด้วยการใช้รากสดนำมาต้มกินทีละราวๆ 2 ช้อนแกง (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสดมาเคี้ยวประมาณ 10 ใบ กลืนเอาแต่น้ำยาพอให้ยาจืด แล้วจึงคายกากทิ้ง (ใบ)6
ช่วยแก้คางทูม ด้วยการกางใบสดราวๆ 10-15 ใบ ตำให้รอบคอบผสมกับเหล้าโรง คั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่บวม อาการบวมจะหายไป และก็ลักษณะการเจ็บปวดจะหายไปข้างใน 30 นาที (ใบ)
ใช้เป็นยารักษาโรคบิด (อีกทั้งต้นรวมทั้งใบ)
รากใช้ปรุงเป็นยาขับเยี่ยว ขับระดู (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เมนส์มาไม่ปกติ (ทั้งยังต้น)
ช่วยแก้อักเสบแบบดีซ่าน (ทั้งยังต้น)
ใช้เป็นยาแก้แผลอักเสบมีไข้ ไข่ดันบวม ด้วยการใช้ใบสดราวๆ 3-4 ใบ เอามาตำอาหารสาร 3-4 เม็ด ผสมกับน้ำพอเพียงเปียก ใช้พอกโดยประมาณ 2-3 รอบ จะช่วยให้อาการ (ใบ)
ลำต้นเอามาฝนแล้วใช้ทาแผลสดจะช่วยทำให้แผลหายเร็ว (ลำต้น)ใช้รักษาแผลจากสุนัขกัดมีเลือดไหล ด้วยการกางใบสดราว 5 ใบ เอามาตำพอกรอบๆแผลสัก 10 นาที (ใบ)
ใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการกางใบสดเอามาตำต้มกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผล แผลจะแห้ง หรือจะใช้ใบสดเอามาตำอย่างถี่ถ้วนผสมกับเหล้า ใช้เป็นยาพอกบริเวณที่ถูกไฟลุกหรือน้ำร้อนลวก จะมีสรรพคุณช่วยดับพิษร้อนได้ดี4 ส่วนอีกหนังสือเรียนกล่าวว่า นอกเหนือจากที่จะใช้รักษาแผลไฟเผาน้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลเปื่อยยุ่ยเนื่องจากถูกแมงกะพรุนไฟ แผลสุนัขกัด รวมทั้งแผลที่เกิดขึ้นจากการเช็ดกกรดได้อีกด้วย เพียงแต่นำใบไปหุงกับน้ำมันแล้วนำมาทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ใบโดยประมาณ 3-4 ใบ อาหารสาร 5-6 เม็ด เพิ่มน้ำลงไปให้พอเพียงเปียก แล้วนำมาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองก้าวหน้า ทำให้แผลแห้งไว โดยให้เปลี่ยนแปลงยาวันละ 2 ครั้ง พอกไปสักพักหนึ่งแล้วให้เอาน้ำมาหยอดกันยาแห้งด้วย (ใบ)
ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ด้วยการใช้ใบสดตำผสมกับเหล้าใช้ทา หรือใช้เหล้าสกัดใบเสลดพังพอน จะได้น้ำยาสีเขียวนำมาทาแก้ผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้สิวเม็ดผื่นผื่นคัน ด้วยการนำใบมาดองกับสุรา แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวแล้วก็เม็ดผดผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้ฝี ด้วยการใช้ใบเอามาโขลกผสมกับเกลือและเหล้า ใช้พอกรอบๆที่เป็น เปลี่ยนยาทุกเช้าตรู่รวมทั้งเย็น (ใบ)
ทั้งต้นและก็ใบใช้เป็นยาขับพิษ ถอนพิษ โดยเฉพาะพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย ดังเช่นว่า งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง ฯลฯ รวมถึงผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ลมพิษ แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการกางใบสดราว 5-10 ใบ เอามาขยี้หรือตำใช้ทาบริเวณที่เป็น หรือใช้ใบสดนำมาตำให้พอเพียงแหลก แช่ในเหล้าขาวประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วจากนั้นจึงค่อยนำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นแผลส่วนอีกตำรับยาแก้ผื่นคัน ตามข้อมูลระบุว่า ให้ใช้ใบตำผสมกับดินสอพอง ใส่น้ำบางส่วน ใช้ทาบริเวณที่เป็น (ใบ)

คนเมืองจะนำใบมาตากแห้งแล้วตำผสมกับแมงป่องปิ้ง ใช้เป็นยาแก้พิษงู (ใบ)
พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังชนิดเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ขยุ้มตีนสุนัข และใช้เป็นยาทำลายพิษต่างๆด้วยการใช้ใบเสลดพังพอนตัวเมียสดราว 10-20 ใบ (เลือกเอาเฉพาะใบสดสีเขียวเข้มวาว ไม่อ่อนหรือแก่จนกระทั่งเกินไป) แล้วนำมาตำผสมกับเหล้าหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลรวมทั้งเอากากพอกรอบๆแผล หรืออีกแนวทางให้เตรียมเป็นทิงเจอร์เพื่อใช้ทารักษาอาการอักเสบจากเริมในปาก โดยใช้ใบสด 1 กิโล นำมาปั่นให้ละเอียด เติมแอลกอฮอล์ 70% ลงไป 1 ลิตร แล้วหมักทิ้งเอาไว้ 7 วัน ระเหยบนเครื่องอังละอองน้ำให้ขนาดลดน้อยลงครึ่งหนึ่ง (ห้ามตั้งบนเตาไฟโดยเด็ดขาด) แล้วก็เพิ่มเติมกลีเซอรีน (Glycerine pure) อีกเท่าตัว (ครึ่งลิตร) แล้วนำน้ำยาเสมหะพังพอนกลีเซอรีนที่ได้มาใช้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก และใช้ทำลายพิษต่างๆสำหรับตำรายาแก้งูสวัดอีกตำรับจะใช้ใบสดผสมกับดอกลำโพง โกฐน้ำเต้า อย่างละเท่ากัน รวมกันตำให้พอเพียงแหลก แช่กับเหล้า แล้วนำมาใช้ทาแก้แผลงูสวัด (ใบ)
พญายอ ใช้แก้ถูกหนามพุงดอตำหรือถูกใบตะลังตังช้าง ด้วยการนำขี้ผึ้งแท้มาลุกลนไฟให้ร้อน แล้วนำมากดเพื่อดูดเอาขนย้ายใบตะลังตังช้างออกซะก่อน แล้วจึงใช้ใบเสลดพังพอนผสมกับเหล้าทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้เป็นยาแก้แพ้เกสรรักษาป่า ยางรักป่า แล้วก็ยางสาวน้อยผัดแป้ง ด้วยการใช้ใบผสมกับเหล้า นำมาทาบริเวณที่คัน (ใบ
ใช้แก้ฝึก เหือด ด้วยการกางใบสดราว 7 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 8 แก้ว ต้มให้เดือด 30 นาที เทยาออกรวมทั้งผึ่งให้เย็น แล้วนำใบสดมาอีก 7 กำมือ ตำผสมกับน้ำ 8 แก้ว แล้วเอาน้ำยาทั้งสองมาผสมกัน ใช้อีกทั้งรับประทานและทาทา (ยาทาให้ใส่พิมเสนลงไปน้อย) เด็กที่เป็นหัด เหือด ให้กินวันละ 3 ครั้ง ครั้งละครึ่งแก้ว (ใบ)
พญายอ อีกทั้งต้นใช้เป็นยาพาราบวม กลยุทธ์ขัดยอก ฟกช้ำ กระดูกร้าว ช่วยขับความชุ่มชื้นภายในร่างกาย แก้อาการปวดปวดเมื่อยเนื่องมาจากเย็นชื้น (ทั้งยังต้น)
รากใช้เป็นยาแก้อาการปวดเมื่อยบั้นท้าย (ราก)
ขนาดรวมทั้งวิธีใช้ : ยาแห้งให้ใช้ทีละ 5-10 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน ส่วนยาสดให้ใช้ทีละ 30 กรัม เอามาตำคั้นเอาน้ำรับประทาน หรือตำพอกแผลข้างนอก
ข้อควรตรึกตรองพญายอ
: หากแม้ในสมัยก่อนจะมีการใช้ใบสดเอามาตำแล้วพอกบริเวณที่เป็นแผล แม้กระนั้นในตอนนี้วิธีแบบนี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบแล้ว เพราะว่าจะชำระล้างได้ยาก ทำให้กากติดแผล แล้วก็อาจก่อให้ติดเชื้อโรคเป็นหนองได้
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเสลดพังพอนตัวเมีย
พญายอ รากเจอสาร Betulin, Lupeol, β-sitosterol ส่วนใบพบสาร Flavonoids ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกรุ๊ป monoglycosyl diglycerides อย่างเช่น 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol และก็สารกรุ๊ป glycoglycerolipids ซึ่งมีฤทธิ์ยั้งเชื้อไวรัสเริม
จากการทดสอบในสัตว์ใช้สกัดจากใบสดของเสมหะพังพอนตัวเมียด้วย n-butanol พบว่า สามารถลดการอักเสบได้2 โดยพบว่าจะช่วยลดการอักเสบของข้อเท้าหนูที่ทำให้บวมด้วยสาร carrageenan ได้ เมื่อใช้ตำรับยาที่มีเสลดพังพอนตัวเมียร้อยละ 5 ใน Cold cream รวมทั้งสารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ นำมาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะช่วยลดการอักเสบเรื้อรังได้ แต่เมื่อใช้สารสกัดด้วย n-butanol มาทาที่ผิวหนังจะไม่ได้ผล
สารสกัดจากใบความเข้ม 15 กรัม ต่อ 1 กก. มีประสิทธิภาพต้านทานการอักเสบได้ดิบได้ดี
เมื่อให้หนูเม้าส์รับประทานสารสกัดด้วย n-butanol จากใบ พบว่า จะช่วยลดความเจ็บปวดของหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้ปวดด้วยกรดอะซีติคได้ โดยสารสกัดความแรง 90 มก.ต่อกิโล จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มิลลิกรัมต่อกก. ส่วนสารสกัดด้วยน้ำและก็สารสกัดด้วยเอทานอล 60 จากใบ พบว่าไม่เป็นผลลดความเจ็บ
สารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล และก็เอทิลอะสิเตทจากใบเสลดพังพอนตัวเมียมีฤทธิ์ต่อต้านไวรัสเชื้อเริม HSV-1 เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นร้อยละ 4 และก็ใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล พบว่าจะมีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสได้ดีและไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ในขณะเมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะมีพิษต่อเซลล์ และจากรายงานการรักษาผู้เจ็บป่วยโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ชนิดเป็นซ้ำด้วยการใช้ยาจากสารสกัดเสลดพังพอนตัวเมีย เปรียบเทียบกับยา acyclovir และยาหลอก โดยให้ผู้เจ็บป่วยป้ายยาวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 6 วัน พบว่าไม่มีความแตกต่างในระยะเวลาการตกสะเก็ดของแผลผู้เจ็บป่วยที่ใช้ยาจากสารสกัดใบรวมทั้งยา acyclovir โดยแผลจะเป็นสะเก็ดด้านใน 3 วัน และหายสนิทด้านใน 7 วัน ซึ่งผิดแผกแตกต่างกับยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยยาที่สกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมียจะไม่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบและก็เคือง ในช่วงเวลาที่ acyclovir จะทำให้แสบ ยิ่งไปกว่านี้ยังมีการใช้ยาที่ทำจากเสมหะพังพอนตัวเมียในคนเจ็บโรคเริม งูสวัด แล้วก็แผลอักเสบในปาก แล้วพบว่าสามารถรักษาแผลรวมทั้งลดการอักเสบได้ดี
พญายอ สารที่สกัดจากบิวทานอล (Butanol) ของใบเสลดพังพอนตัวเมีย มีฤทธิ์ทำลายเชื้อเชื้อไวรัส Varicella zoster ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดที่นำไปสู่เริมและอีสุกอีใส3 จากรายงานการดูแลและรักษาผู้เจ็บป่วยโรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดจากใบเปรียบเทียบกับยาหลอก โดยให้ป้ายยาวันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ จนกระทั่งแผลจะหาย พบว่าคนป่วยสุดที่รักษาด้วยสารสกัดจากใบเสลดพังพอนตัวเมีย แล้วมีแผลตกสะเก็ดข้างใน 3 วัน รวมทั้งหายข้างใน 7-10 วัน จะมีไม่น้อยเลยทีเดียวกว่ากรุ๊ปหวานใจษาด้วยยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ รวมทั้งระดับความเจ็บจะลดน้อยลงเร็วกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก โดยไม่เจอผลกระทบอะไรก็ตาม9
จากการทดลองความเป็นพิษ เมื่อป้อนสารสกัด n-butanol จากใบให้หนูเม้าส์ พบว่าเป็นพิษน้อย แต่ว่าจะเป็นพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าท้อง ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัมต่อกิโลกรัม (เทียบเท่าใบแห้ง 5.44 กรัมต่อกิโลกรัม) เมื่อเอามาป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าท้องหนูเม้าส์ พบว่าไม่ก่อให้เกิดอาการเป็นพิษอะไรก็แล้วแต่
จากการศึกษาเล่าเรียนพิษครึ่งหนึ่งเรื้อรัง
ด้วยการป้อนสารสกัด n-butanol จากใบในขนาด 270 รวมทั้ง 540 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ให้หนูแรทแต่ละวัน นาน 6 สัปดาห์ พบว่าไม่เป็นผลต่อการเติบโต แม้กระนั้นพบว่ามีน้ำหนักต่อมธัยมัสลดลง ขณะที่น้ำหนักของตับเพิ่มขึ้น และไม่พบว่ามีความผิดปกติต่ออวัยวะอื่นๆหรืออาการไม่พึงประสงค์แต่อ http://www.disthai.com/

 

Sitemap 1 2 3