ผู้เขียน หัวข้อ: เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณ-ประโยชน์อย่างน่าทึ่ง  (อ่าน 311 ครั้ง)

4vvinWWW01

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 6
    • ดูรายละเอียด

เหงือกปลาหมอ
รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน กลากเกลื้อน
ชื่ออื่น : แก้มแพทย์ แก้มหมอเล จะเกร็ง นางเกร็ง อีเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน
ในตำรายาไทยกล่าวว่า เหงือกปลาแพทย์สามารถแก้โรคผิวหนังได้ทุกประเภท
ในเมื่อเหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์เด่นแก้น้ำเหลืองเสียได้ โรคผิวหนังต่างๆแม้แต่ โรคอีสุกอีใส ที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อไวรัสก็จะเบาลงลง
สมุนไพร เหงือกปลาหมอเป็นไม้พุ่มที่มีขนาดกลางสูงราว 1-2 เมตร ส่วนของลำต้นรวมทั้งใบจะมีหนามมีหนาม ใบหนามแข็งแล้วก็มีขอบเว้าหนามแหลมใบออกเป็นคู้ตรงกันข้ามกัน ส่วนของดอกจะออกเป็นช่อตามยอด กลีบจะมีสีขาอมม่วง มี 4 กลีบแยกจากกันผลเป็นฝักสีน้ำตาล มี เม็ด จะสามารถพบได้มากตามชายน้ำ ริมฝั่งลำคลองบริเวณปากแม่น้ำ
ในกรณีโรคผิวหนังพุพองจากเชื้อไวรัสโรคภูมิคุมกันบกพร่อง แม้จะร้ายแรงกว่าโรคผิวหนังทั่วๆไป แต่เมื่อใช้เหงือกปลาแพทย์เป็นทั้งยารับประทานและต้มน้ำอาบต่อเนื่องกันเป็นเวลานานกว่า 3 ข้างขึ้นไป แผลพุพอง ก็จะเบาลงลงอย่างชัดเจน สำหรับคนเจ็บโรคผิวหนังด้วย
แนวทางปรุงยารวมทั้งวิธีใช้ยาก็มีหลายวิธีหมายถึง
แนวทางต้มยารับประทานและอาบ
เอาเหงือกปลาแพทย์สดหรือแห้งสับเป็นท่อนเล็กๆใส่เต็มขันขนาด 1 ลิตร ใส่น้ำ 4 ขัน ต้มยาให้เดือดนาน 10 นาที ตักน้ำยาขึ้นมา 1 แก้ว แบ่งไว้สำหรับดื่มกินขณะอุ่นๆทีละครึ่งแก้ว วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ก่อนที่จะกินอาหาร
ส่วนน้ำยาที่แบ่งไว้อาบนั้น จะต้องใช้อาบขณะน้ำยายังอุ่นอยู่ ก่อนอาบน้ำต้องชำระล้างร่างกายด้วยสบู่ให้สะอาดเสียก่อน เมื่ออาบน้ำยาแล้ว ไม่ต้องอาบน้ำธรรมดาตามอีก อาบน้ำยาวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็นทีละ 3-4 ขัน แต่หากมีเหงือกปลาแพทย์ไม่น้อยเลยทีเดียว บางทีก็อาจจะต้มยาเพื่อเป็นการแช่ทั้งตัวในอ่างก็ยิ่งดี
วิธีการทำเป็นยาลูกกลอน
นำเหงือกปลาหมออีกทั้ง 5 ทีตากแห้งมาบดเป็นผงละเอียด 2 ส่วน ผสมน้ำผึ้งแท้ 1 ส่วน ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร คนแก่กินทีละ 2 เม็ด เด็กบางทีอาจจะกินทีละ 1 เม็ดหรือครึ่งเม็ดตามขนาดอายุรวมทั้งน้ำหนัก รับประทานวันละ 2 ครั้ง ก่อนที่จะรับประทานอาหาร ยามเช้า-เย็น รับประทานไปเรื่อยๆจนกว่าจะหาย แม้กระนั้นถ้าเป็นโรคผิวหนังจากภูมิคุ้มกันขาดตกบกพร่องก็จำต้องกินตลอดไป

ขั้นตอนการทำเป็นแคปซูล
นำผงเหงือกปลาหมอที่ผ่านการเหินเป็นผงละเอียดเสมือนแป้งบรรจุแคปซูลขนาด 250 มิลลิกรัม ผู้ใหญ่กินครั้งละ 2 แคปซูลวันละ 2-3 เวลาก่อนที่จะกินอาหาร เด็กลดลงตามส่วน
เหงือกปลาแพทย์มีสรรพคุณมากไม่น้อยเลยทีเดียว ได้แก่
-ราก มีสรรพคุณสำหรับในการแก้โรคหืด อัมพาต แก้ไอ รวมทั้งใช้ขับเสมหะ
-ต้น มีสรรพคุณรักษาโรคหลายประเภท โดยใช้ต้นตำผสมน้ำกินรักษาวัณโรค อาการซูบผอม ถ้าเกิดใช้ทาก็ช่วยแก้โรคเหน็บชาได้
-ลำต้น ไปผสมกับสมุนไพรอื่นๆก็จะได้คุณประโยชน์ทางยาต่างกันออกไปอีก
-ทั้งต้นรวมรากต้มอาบแก้พิษไข้หัวลม แก้โรคผิวหนังทุกประเภท
-อีกทั้งต้นสดตำพอกปิดหัวฝีแผลเรื้อรังถอนพิษ ต้มกินแก้พิษฝีดาษ ฝีทั้งปวง ผลรับประทานเป็นยาขับโลหิตระดู ยิ่งกว่านั้น หากตาเจ็บ ตาแดง เอา
"เหงือกปลาหมอ" ทั้งต้นตำกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาหาย เป็นเหน็บชา ชาทั้งตัว
- ต้นตำทาบริเวณที่เป็นจะดียิ่งขึ้น
- ตำเอาน้ำกินกากพอก งูกัด
- ต้นกับขมิ้นอ้อยตำทาป็นฝีฟกบวม เป็นริดสีดวงทวาร
- ต้นตำกับขิงกิน โรคเรื้อน คุดทะราด จับไข้จับสั่น
- อีกทั้งต้นตำใบส้มป่อยต้มดื่ม เจ็บหลัง เจ็บเอว
- "เหงือกปลาหมอ" กับชะเอมเทศตำผงละลายน้ำผึ้งปั้นเป็นก้อนกิน ริดสีดวงแห้ง
ในท้อง ผอมแห้งแรงน้อยเหลืองทั้งตัว กินวันแล้ววันเล่า
- "เหงือกปลาหมอ" กับเปลือกมะรุมเท่ากันใส่หม้อ เกลือเล็กน้อย หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ ใช้ฟืน 30 ดุ้น ต้มกับน้ำจนเดือดให้งวดจึงชูลง อั้นลมหายใจกินขณะอุ่นจนกระทั่งหมด เป็นริดสีดวง มือตายตีนตาย ร้อนหมดทั้งตัว เวียนหัว ตามัว เจ็บระบมตลอดตัว ตัวแห้ง จะหายได้
- "เหงือกปลาแพทย์" ทั้ง 5 รวมราก กับ อาหารเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ ปริมาณเท่ากัน กะตามต้องการ ต้มกับน้ำกระทั่งเดือดดื่มขณะอุ่นทีละ 1 แก้ว 3 เวลา รุ่งเช้า กลางวัน เย็น ต้มดื่มปอดเริ่มมีปัญหาเป็นฝ้าจะอาการ ไปให้หมอเอกซเรย์ปอดไม่เป็นฝ้าอีกหยุดต้มกินได้เลย แล้วก็ต้องระมัดระวังอย่าให้เป็นอีก
ยาอายุวรรฒนะ
- "เหงือกปลาแพทย์" 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ทำเป็นผงละลายน้ำผึ้งปั้นกินทุกๆวัน
กินได้ 1 เดือน ไม่มีโรค สติปัญญาดี
กินได้ 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง
กินได้ 3 เดือน โรคริดสีดวงทุกหมวดหมู่หาย
กินได้ 4 เดือน แก้ลม 12 พวก หูไว
กินได้ 5 เดือน หมดโรค
กินได้ 6 เดือน เดินไม่รู้จักเหนื่อย
กินได้ 7 เดือน ผิวสวย
กินได้ 8 เดือน เสียงไพเราะเพราะพริ้ง
กินได้ 9 เดือน หนังเหนียว
-"เหงือกปลาหมอ" 1 ส่วน ดีปลี 1 ส่วน ทำผงชงกินกับน้ำร้อนถ้าหากผิวแตกตลอดตัวหายได้ ทั้งสิ้นที่บอกเป็นตำรายาโบราณ ไม่เชื่อก็ไม่สมควรดูหมิ่น ทราบไว้เป็นวิชา http://www.disthai.com/

 

Sitemap 1 2 3