ผู้เขียน หัวข้อ: แนวทางดู “เยี่ยว” สัญญาณอันตราย “โรคไต”  (อ่าน 366 ครั้ง)

ekilpiwm

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 7
    • ดูรายละเอียด


ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในวันหนึ่ง ร่างกายของพวกเราๆจึงควรเผชิญกับลักษณะของการเจ็บเจ็บป่วย ซึ่งอย่างน้อยก็โชคดีที่หลายๆอาการมักมีสัญญาณเตือนที่ค่อนข้างแจ่มชัด เพื่อแจ้งให้เรารีบรักษาหรือดูแลตัวเองโดยด่วน

ทว่าก็ไม่ใช่ทุกโรคหรืออาการป่วย ที่จะส่งสัญญาณได้กระจ่างแล้วก็ทันเวลาต่อการรักษา โดยยิ่งไปกว่านั้นหนึ่งในอาการที่ดินการแพทย์ยกให้เป็น “คนร้ายเงียบ” อย่าง “โรคไต” ทั้ง 2 ชนิดอาการที่พบมากสุดเป็น“ไตวายรุนแรง” และก็ “ไตวายเรื้อรัง” ที่กว่าคนป่วยจะรู้สึกตัว ความสามารถของไตก็อาจถดถอยไปๆมาๆกกว่า 70% จนถึงมีผลกระทบต่อสภาพร่างกายอย่างแก้ไขคืนมามิได้

ด้วยความเป็นอวัยวะสำคัญที่แบกรับหน้าที่กรองของเสียออกมาจากร่างกาย ทำให้เมื่อไตเกิดปัญหา สมรรถนะสำหรับการจัดแจงกับของเสียจึงจะลดลง โดยที่เห็นได้ชัดที่สุดอาจจะไม่พ้นของเหลวที่ถูกขับออกมา อย่าง “ฉี่” ไม่ว่าจะปริมาณที่น้อยลง หรือสีที่แตกต่างจากปกติ แต่ว่าในอีกมุมหนึ่ง ความเคลื่อนไหวของปัสสาวะนี้ ก็นับเป็นจุดสังเกตแสดงอาการของโรคไตก้าวหน้าที่สุดเช่นเดียวกัน

วิธีพินิจ “เยี่ยว” สัญญาณอันตราย “โรคไต”
โรคไตวายเฉียบพลัน
จำนวนฉี่ที่น้อยหรือมีสีผิดปกติ มีสีน้ำล้างเนื้อ มักตรวจพบพร้อมกับค่าความดันโลหิตที่สูงไม่ดีเหมือนปกติ
ปัสสาวะที่น้อยมาก แต่ไม่มีความผิดปกติ ยกเว้นหากตรวจพบเม็ดเลือดแดงและก็โปรตีนไข่ขาวปนออกมาด้วย
คนไข้อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีอาการร่วมเป็นอ่อนล้าง่าย รู้สึกหวิวๆหัวใจเต้นผิดจังหวะ เหน็ดเหนื่อย ไม่อยากกินอาหาร อาเจียนคลื่นไส้ มีลักษณะอาการบวมน้ำหรือขาดน้ำ-อย่างใดอย่างหนึ่ง มักเกิดขึ้นจากการเกิดภาวการณ์ช็อกจากการเสียน้ำหรือเลือดปริมาณมาก มีการติดโรคในกระแสเลือดอย่างหนัก ได้รับสารพิษหรือผลกระทบจากยา จนทำให้ไตสูญเสียการทำงานอย่างเร็ว ภายในระยะเวลาเป็นชั่วโมง เป็นวัน หรือเป็นสัปดาห์

โรคไตวายเรื้อรัง
ที่มาของโรคเกิดขึ้นจากภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่นๆเช่น โรคไตที่เกิดจากโรคเบาหวาน ความดันเลือดสูง หรือโรคเกาต์ ความน่าขนลุกของโรคนี้คืออาการที่ไม่แสดงความแตกต่างจากปกติกระทั่งแนวทางการทำงานของไตจะลดน้อยลงเหลือปริมาณร้อยละ 25 หรือ 1 ใน 4 ของคนปกติ คนไข้จึงเริ่มมีลักษณะเพลีย หอบ เบื่ออาหาร อาเจียนอ้วก ตัวบวม กดยุบ คันตามตัว ซึ่งถ้าแนวทางการทำงานของไตน้อยลงเหลือน้อยกว่าจำนวนร้อยละ 10 ผู้ป่วยจะมีลักษณะกลุ่มนี้แสดงออกมากระจ่างแจ้งทุกราย พร้อมๆกับเนื้อไตที่ถูกทำลายไปทีละเล็กละน้อยเป็นเวลานานนับเดือน นานแรมปี

อาการที่ดูได้จากเยี่ยว
หมอน๊อต เตชะวัฒนวรรณา แพทย์ผู้ชำนาญการด้านอายุรศาสตร์โรคไต โรงหมอพระรามเก้า ให้ข้อมูลว่า

ผู้เจ็บป่วยที่มีไตวายระยะเริ่มต้น ในตอนกลางคืนจะปัสสาวะบ่อยแล้วก็มีสีจาง
กระทั่งที่สุดเมื่อหลักการทำงานของไตเสื่อมลงหรือไตวาย คนป่วยจะมีปัสสาวะออกน้อยมาก
ถ้าเกิดหลักการทำงานของไตลดเหลือเพียงแค่จำนวนร้อยละ 25 คนเจ็บจะมีลักษณะข้างนอกให้มองเห็นเป็น ผิวหนังซีดเผือด แห้งคัน มีจ้ำเลือดเกิดขึ้นง่าย เป็นแผลหายช้า หรืออาจมีผิวหนังเป็นสะเก็ดคล้ำกว่าธรรมดา บางรายอาจผอมโซเนื่องจากว่าน้ำหนักที่ต่ำลง ในทางตรงกันข้ามโรคไตบางชนิดอาจจะเป็นผลให้คนไข้ตัวบวม-ขาบวม ร่วมกับมีน้ำหนักที่มากขึ้น

ความเสื่อมโทรมที่เกิดกับคนไข้ไตวายจะมีขึ้นทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะระบบทางเดินอาหาร ระบบกระดูกที่ไตสูญเสียหน้าที่สังเคราะห์วิตามินดี ส่งผลให้แคลเซียมในเลือดต่ำ เกิดภาวะกระดูกพรุน แตกหักง่าย ภูมิคุ้มกันโรคที่ลดลดน้อยลง เป็นต้นเหตุให้ติดเชื้อได้ง่าย ทั้งยังอาการบวมจากโรคไตยังเป็นเหตุให้ระบบหัวใจทำงานไม่ไหว กำเนิดอาการเหน็ดเหนื่อยง่าย หายใจไม่สะดวก ความดันโลหิตสูง หรือฮอร์โมนดำเนินการเปลี่ยนไปจากปกติหลายด้าน จนกระทั่งส่งผลถึงการผลิตฮอร์โมนไปกระตุ้นไขกระดูกให้สร้างเม็ดเลือดแดงได้ลดลง ทำให้โลหิตจาง แนวทางการทำงานของเกล็ดเลือดไม่ดีเหมือนปกติ เป็นสาเหตุให้มีเลือดไหลง่าย เลือดไหลไม่หยุด และมีจ้ำเลือดขึ้นตามตัวได้ง่าย

โรคไตวายยังมีผลต่อระบบประสาท สมอง และก็กล้ามเนื้อ ที่จะเกิดอาการปลายประสาทเสื่อมกับผู้เจ็บป่วย ทำให้มือเท้าชา กล้ามกระตุก อ่อนแรง เป็นตะคริว รวมทั้งยังเป็นเหตุให้ขาดสมาธิ ไม่สามารถที่จะคิดรวมทั้งจดจำได้เหมือนปกติ ซึ่งถ้าหากมิได้รับการรักษาอย่างทันการ ผู้เจ็บป่วยก็อาจมีอาการชักสลบ ...หรือจนกระทั่งขั้นเสียชีวิต ไม่แตกต่างจากการมี “ฆาตกรเงียบ” อยู่ภายในร่างกาย

นอกเหนือจากการสังเกตความเปลี่ยนไปจากปกติจากปัสสาวะแล้ว การวิเคราะห์โรคไตในขณะนี้ยังมีการปรับปรุง จนถึงตรวจตราได้ละเอียด ทราบได้เร็ว รวมทั้งช่วยให้การดูแลรักษาเกิดขึ้นอย่างทันเวลา เริ่มที่

กรรมวิธีการตรวจปัสสาวะ ถ้าเกิดปัสสาวะจะมีโปรตีนไข่ขาวรวมทั้งเม็ดเลือดแดงผสมปนเปมา เป็นการแสดงถึงภาวการณ์ที่ผิดปกติของไต
แนวทางการตรวจเลือด ซึ่งถ้าไตมีภาวการณ์เปลี่ยนไปจากปกติ จะพบปริมาณของไนโตรเจน กรดยูริก (Blood Nitrogen Urea: BUN) และก็ครีเอตำหนินิน (Creatinine: Cr) ที่เป็นของเสียจากกล้าม ตกค้างในเลือดสูงยิ่งกว่าปกติ หลังจากนั้นจึงนำเลือดที่ได้มาใช้เพื่อสำหรับการประเมินมูลค่ารูปแบบการทำงานของไต (Glomerular Filtration Rate: GFR) ต่อไป
กรรมวิธีการตรวจอัลตราซาวด์ (Ultrasound) แล้วก็การเอกซเรย์ด้วยคอมพิวเตอร์ (CT Scan) ร่วมกับการตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งจะรู้ได้โดยทันทีถ้ากำเนิดความไม่ปกติขึ้นที่ไต หรือระบบทางเดินฉี่
โรคไตแต่ละประเภทย่อมมีลักษณะ รวมทั้งอาการบ่งบอกที่แตกต่างกันออกไป แม้กระนั้นกับโรคอย่างไตวายเรื้อรังนั้น ลักษณะของการเกิดอาการจะอยู่ในกรุ๊ปที่หลบซ่อนเร้น เบาๆกำเริบเสิบสานโดยไม่มีการแสดงอาการ บางเวลาแฝงมากับโรคอื่น บางโอกาสตรวจเจอได้โดยบังเอิญ กระบวนการที่จะรู้เท่าทันถึงตัวโรคได้ มีเพียงแค่การหมั่นพิจารณาอาการ แล้วก็พบหมอตรวจร่างกายบ่อยๆทุกปี เพื่อเป็นการป้องกันและยังเป็นการไม่ให้โรคร้ายนี้กัดรับประทานเนื้อไต ...จนสายเกินจะแก้

อ่านบทความอื่น 

 

Sitemap 1 2 3