ผู้เขียน หัวข้อ: อันตรายจากการกิน “บอแรกซ์”  (อ่าน 277 ครั้ง)

nydjdlmq

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 11
    • ดูรายละเอียด
อันตรายจากการกิน “บอแรกซ์”
« เมื่อ: เมษายน 01, 2022, 12:06:48 pm »


ผู้ที่มีความชำนาญแนะ บอแรกซ์ อันตรายต่อสุขภาพ ข้างหลังมีกระแสชี้แนะให้กินกันมากขึ้นในโลกออนไลน์ ผู้ที่กินบอแรกซ์อาจมีอาการหมดแรง ไม่อยากกินอาหาร น้ำหนักลด เป็นพิษต่อไตรวมทั้งสมอง ขึ้นอยู่กับปริมาณที่รับประทาน

ในโลกอินเตอร์เน็ตมีการเชื้อเชิญให้บริโภค “บอแรกซ์” โดยอ้างสรรพคุณว่าช่วยกระตุ้นฮอร์โมนทางเพศ และดีต่อร่างกาย แต่ว่าในทางวิทยาศาสตร์และก็การแพทย์แล้ว บอแรกซ์เป็นสิ่งให้โทษต่อสถาพทางร่างกาย

ข้อมูลที่ได้มาจาก เพจเฟซบุ๊ก อ้อ มันเป็นแบบงี้นี่เอง by คุณครูเจษฎ์ ของ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ คุณครูประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงมือณ์มหาวิทยาลัย แล้วก็เพจ แพทย์แล็บแพนด้า ต่างก็ระบุว่า บอแรกซ์เป็นสารเคมีที่ไม่ควรนำมาบริโภคมากเกินไป หรือต่อเนื่องช้านานเหลือเกิน และไม่ควรจะเน้นบริโภคในเชิงเป็นอาหารเสริม เพื่อสุขภาพแต่อย่างใด

บอแรกซ์ เป็นอย่างไร
บอแรกซ์ ชื่อว่า โซเดียมโบเรท (Sodium Borate) หรือที่พวกเราเรียกกันว่าผงกรอบหรือบอแร็ก เป็นสารเคมีที่มีลักษณะเป็นผงสีขาว ไม่มีกลิ่น มีรสขมบางส่วน มีชื่ออื่นๆอีก ดังเช่นว่า บอแร็ก สารข้าวตอกแตก ผงกันบูด เพ่งแซ เม่งแซ ผงเนื้อนิ่ม

บอแรกซ์ เป็นสารที่ใช้ในอุตสาหกรรม ได้แก่ ใช้ทำแก้วเพื่อทำให้ทนความร้อน เป็นสารผสานสำหรับการเชื่อมทอง แล้วก็เป็นสารยับยั้งการเจริญก้าวหน้าของเชื้อราในแป้งทาตัว เป็นต้น

อันตรายของบอแรกซ์
มีการนำบอแรกซ์มาใช้ผิดเป้าประสงค์โดยนำมาผสมในของกิน เพื่ออาหารมีความหยุ่นกรอบ คงตัวได้นาน ไม่บูดเสียง่าย อาหารที่พบได้บ่อยว่ามีสารบอแรกซ์ ได้แก่ หมูบด ลูกชิ้น ทอดมัน หมูสด เนื้อสด ไส้กรอก ผลไม้ดอง ทับทิมกรอบ ลอดช่อง ฯลฯ

บอแรกซ์ ทำให้เป็นอันตรายในของกิน (food hazard) ชนิดอันตรายทางเคมี (chemical hazard) เป็นสารเคมีห้ามใช้ในของกิน (prohibit substances) ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 151 (พุทธศักราช 2536) เรื่องวัตถุที่ห้ามใช้ในอาหาร

พิษของสารบอแรกซ์ กำเนิดได้สองกรณีเป็น

พิษแบบรุนแรง จะมีลักษณะอาการอาเจียน คลื่นไส้ คนแก่ ได้รับสารบอแรกซ์ 15 กรัม แล้วก็ เด็ก ได้รับ 5 กรัม จะก่อให้อ้วกเป็นเลือดและถึงแก่เสียชีวิตได้ ข้างใน 3-4 ชม.
พิษแบบเรื้อรัง จะมีอาการเมื่อยล้า เบื่อข้าว ผิวหนังแห้ง ใบหน้าบวม เยื่อตาอักเสบ และตับไตอักเสบ
ความรุนแรงของอาการที่เกิดขึ้น ขึ้นกับจำนวนที่กินเข้าไปภายในร่างกาย

บอแรกซ์ มีคุณประโยชน์ไหม
จากที่มีการอ้างคุณประโยชน์ของบอแรกซ์ว่าใช้ผสมกับสารเคมีตัวอื่นๆเพื่อใช้ผลิตยาหยอดตา รวมทั้งยาลดลักษณะของการปวดบวม ซึ่งล้วนแต่ใช้ภายนอกร่างกาย แม้กระนั้นขณะเดียวกัน หลายข้อที่กล่าวถึงว่ารับประทานบอแรกซ์แล้วได้ประโยชน์นั้น (ตัวอย่างเช่น คุ้มครองป้องกันโรคไขข้อ แก้ไขปัญหาฮอร์โมนเพศ) ทาง Lybrate เพจสุขภาพของประเทศอินเดีย อ้างอิงจากตำราเรียนยาจีน และตำราเรียนยาอินเดียโบราณที่ชื่อว่า คัมภีร์อายุรเวท AYURVEDA โดยอ้างถึงบทความเรื่อง Utilization of Borax In The PharmaceuticoTherapeutics of Ayurveda in India พิมพ์ในวารสาร Indian Journal of History of Science (นิตยสารประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ของประเทศอินเดีย) ซึ่งบทความนี้เรียบเรียงเรื่องการนำเอาบอแรกซ์มาใช้ในสมัยประเทศอินเดียโบราณกว่า 5 พันปีก่อนไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการพิสูจน์รับรองแล้วว่าสามารถประยุกต์ใช้ได้ผลจริง ด้วยหลักฐานทางการแพทย์ในปัจจุบัน

ในขณะ เนื้อหาบทความส่วนที่พูดถึงเรื่องผลกระทบและก็อาการแพ้ของบอแรกซ์นั้น ทางเพจได้อ้างถึงบทความเรื่อง Toxicologic studies on borax and boric acid. จากนิตยสาร Toxicology and applied pharmacology ซึ่งเป็นนิตยสารทางวิทยาศาสตร์ด้านพิษวิทยารวมทั้งเภสัชศาสตร์ ที่มีความน่าวางใจใช้ได้ รวมทั้งตรงกับองค์ความรู้ทั่วๆไปในตอนนี้ที่พวกเรามี ว่าบอแรกซ์มีอันตรายอย่างไรบ้าง

ซึ่งทางเพจ Lybrate เอง ก็สรุปเนื้อหาเกี่ยวกับผลข้างเคียงของบอแรกซ์ไว้ว่า "โดยทั่วไปแล้วไม่แนะนำให้บริโภคบอแรกซ์เข้าไป แล้วการใช้ภายนอกนั้น ก็ทำให้มีการเกิดความเคืองต่อผิวได้ไพเราะเพราะพริ้งมันมีความเป็นด่างสูง ยังมีรายงานอีกด้วยถึงผลจากการลบต่อระบบแพร่พันธุ์รวมทั้งการเติบโตของลูกในท้อง แล้วก็ยังไม่เสนอแนะให้ใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานอีกด้วย ด้วยเหตุว่ามันเป็นได้ที่จะทำให้ไตดำเนินการไม่ปรกติจากการที่บอแรกซ์สะสมในร่างกาย พิษของบอแรกซ์ยังสามารถก่อให้เกิดความอ่อนเพลียและคลื่นไส้ ฯลฯ”

ด้วยเหตุดังกล่าว โดยรวมแล้ว การกล่าวอ้างว่าบอแรกซ์มีประโยชน์ต่อสุขภาพจนกระทั่งเอามาเป็นกระแสความเชื่อกันนั้น โดยมากก็คืออ้างตามศาสตร์การแพทย์ประเทศอินเดียโบราณ ไม่ใช่กรรมวิธีใช้เป็นยา ตามความรู้ทางการแพทย์ของเราในขณะนี้แต่ยังไง รวมทั้งยังเสี่ยงมีผลใกล้กันต่อร่างกายด้วยซ้ำ

อ่านบทความอื่นๆ 

 

Sitemap 1 2 3