ผู้เขียน หัวข้อ: นมผึ้งและก็คุณค่าที่น่าสนใจแล้วก็จะต้องลองหามาทานซักครั้ง  (อ่าน 207 ครั้ง)

pramotepra222

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2596
    • ดูรายละเอียด
นมผึ้ง เป็นผลผลิตที่หลั่งออกมาจากต่อมไฮโปฟาริงจ์ (Hypopharyngeal Gland) ของผึ้งงาน นมผึ้งมีลักษณะเป็นของเหลวสีขาวคล้ายนม รสหวาน มีกลิ่นเปรี้ยวนิดหน่อย เป็นอาหารหลักของผึ้งราชินีและก็ตัวอ่อนผึ้งเพื่อช่วยกระตุ้นสำหรับการเติบโต หลายประเทศใช้นมผึ้งในฐานะยารักษาโรค อาหารเสริม และยังรวมไปถึงเป็นส่วนผสมของครีมบำรุงและเครื่องแต่งตัว
นมผึ้ง
นมผึ้งมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักราว 60-70% แล้วก็อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆอาทิเช่น โปรตีน น้ำตาล วิตามิน เกลือแร่ รวมทั้งกรดอะมิโน นอกจากนี้ ยังพบสารอื่นในนมผึ้ง ดังเช่นว่า กรดไขมันเอชดีเอ (10-Hydroxy-Trans-2-Decenoic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีหน้าที่ในการเติบโตของผึ้ง สารแอสิติลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจสึกแล้วก็กลไกลักษณะการทำงานของร่างกาย รวมถึงฮอร์โมนเพศ ยกตัวอย่างเช่น เทสโทสเตอโรน โปรเจสเตอโรน ฯลฯ ทั้งนี้สถานที่ ภูมิศาสตร์ แล้วก็สภาพอากาศเป็นตัวแปรที่ทำให้องค์ประกอบของนมผึ้งแตกต่างออกไป คนจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าการกินนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยทุเลาอาการวัยทอง กระตุ้นระบบภูมิต้านทานร่างกาย รักษาโรคเบาหวาน รวมทั้งแผลเบาหวาน ฯลฯ ทั้งยังเชื่อกันอีกว่าถ้าหากนำนมผึ้งทาที่หนังศีรษะบางทีอาจช่วยกระตุ้นการเจริญเติบของเส้นผมอีกด้วย ซึ่งคำกล่าวอ้างพวกนี้จะเป็นจริงหรือไม่ และก็มีหลักฐานทางด้านการแพทย์มาดน้อยเท่าใดที่จะช่วยยืนยันคุณประโยชน์ ประโยชน์ และก็ความปลอดภัยของนมผึ้งที่มีหน้าที่หรือส่วนช่วยสำหรับในการรักษาโรคเหล่านี้
ประโยชน์ซึ่งมาจากนมผึ้งที่อาจมีต่อร่างกาย
บรรเทาอาการวัยทอง อาการวัยทองเป็นปัญหาทางสุขภาพที่เกิดขึ้นอยู่กับหญิงวัยกลางคน เป็นสาเหตุของการเกิดอาการหลายสิ่งหลายอย่าง ได้แก่ ช่องคลอดแห้ง แสบร้อนหรือคันในช่องคลอด เจ็บขณะร่วมเพศ เป็นต้น อาการดังกล่าวมาแล้วข้างต้นสามารถบรรเทาลงได้ด้วยการใช้สารหล่อลื่น แต่สารหล่อลื่นส่วนมากจะออกฤทธิ์ได้เพียงแต่ชั่วครั้งชั่วคราว ซึ่งนมผึ้งมีคุณลักษณะต้านจุลินทรีย์ (Antimicrobial Activity) และก็มีคุณลักษณะคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน จากการเรียนรู้โดยให้ผู้หญิงวัยทองที่แต่งงานแล้วอายุ 50-65 ปี ปริมาณ 90 คน กลุ่มหนึ่งใช้ครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้ง 15% กรุ๊ปหนึ่งใช้ฮอร์โมนทดแทนเอสโตรเจนชนิดครีมแบรนด์หนึ่ง รวมทั้งอีกกลุ่มใช้สารหล่อลื่นทาบริเวณช่องคลอดเป็นเวลา 3 เดือน พบว่าครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้งมีคุณภาพในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้หญิงวัยทองได้มากกว่าอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับฮอร์โมนชดเชยเอสโตรเจนประเภทครีมและสารหล่อลื่น ซึ่งจากผลของการทดสอบอาจกล่าวได้ว่าการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและก็ทุเลาอาการวัยทองที่เกี่ยวโยงกับช่องคลอดของหญิงวัยทอง และทางผู้ศึกษาวิจัยยังได้เจาะจงอีกว่าหากเพิ่มความเข้มข้นของนมผึ้งก็บางครั้งอาจจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้มากเพิ่มขึ้นได้
ลดระดับไขมันในเลือด นมผึ้งมีส่วนประกอบของสารอาหารหลายประเภท หนึ่งในนั้นเป็นกรดไขมันทางสายกลาง (Medium Chain Fatty Acid) แล้วก็สารประกอบที่มีคุณสมบัติช่วยลดไขมันในเลือด ซึ่งสอดคล้องกับการค้นคว้าที่ให้เพศหญิงวัยทองสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงจำนวน 36 คนรับประทานนมผึ้งขนาด 150 มก. ตรงเวลา 3 เดือน โดยตรวจสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่อาจจะก่อให้เกิดโรคเส้นโลหิตและหัวใจ รวมทั้งระดับไขมันในเลือดอีกทั้งก่อนรวมทั้งหลังการทดลอง พบว่ามีการเปลี่ยนของระดับไขมันในเลือดอย่างมีนัยสำคัญ โดยที่ระดับคอเลสเตอรอลจำพวกที่ไม่ดี (LDL) ลดน้อยลง 4.1% ระดับคอเลสเตอรอลรวม (TC) ลดลง 3.09% และระดับคอเลสเตอรอลจำพวกที่ดี (HDL) เพิ่มขึ้น 7.7% จากผลการทดลองอาจจะบอกได้ว่าการกินนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยลดระดับไขมันในเลือดและอาจเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับเพื่อการควบคุมอาการวัยทองที่เกี่ยวข้องกับภาวการณ์ไขมันในเลือดสูง
นอกจากนั้น ยังมีอีกการเรียนรู้หนึ่งที่ให้อาสาสมัครซึ่งมีภาวการณ์ไขมันในเลือดสูงจำพวกไม่รุนแรงปริมาณ 40 คน รับประทานนมผึ้งขนาด 350 มก.วันละ 9 แคปซูล เป็นเวลา 3 เดือนก็แสดงให้เห็นถึงระดับไขมันในเลือดที่ลดน้อยลงเช่นกัน ทั้งยังช่วยกระตุ้นฮอร์โมนเพศ (Dehydroepiandrosterone Sulphate: DHEA-S) รวมทั้งลดการเสี่ยงของการเกิดโรคเส้นเลือดและหัวใจได้อีกด้วย
ทุเลาอาการก่อนมีระดู อาการก่อนมีรอบเดือนมักมีผลในทางลบกับสุขภาพของสตรี บางเวลาการดูแลและรักษาโดยไม่ใช้ยาก็อาจช่วยบรรเทาให้อาการต่างๆได้ ซึ่งสอดคล้องกับการเล่าเรียนชิ้นหนึ่งที่ให้นิสิตแพทย์ปริมาณ 110 คน กินนมผึ้งขนาด 1,000 มิลลิกรัมวันละ 1 ครั้ง โดยเริ่มในวันแรกที่มีรอบเดือน รวมทั้งรับประทานตลอดจนถึงหมดรอบเดือนในรอบต่อไป พบว่าอาการก่อนมีรอบเดือนลดลง จากผลการทดสอบอาจจะบอกได้ว่าการกินนมผึ้งต่อเนื่องกันเป็นเวลา 2 เดือน บางทีอาจช่วยทุเลาอาการก่อนมีเมนส์ได้
รักษาแผลโรคเบาหวาน แผลเบาหวานเป็นภาวะแทรกซ้อนที่มักพบในผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมอาการได้ไม่ดี จำนวนมากจะเจอแผลเบาหวานที่บริเวณเท้า โดยเฉพาะนิ้วโป้งเท้าแล้วก็ปลายฝ่าเท้า ซึ่งนมผึ้งประกอบไปด้วยสารประกอบฟีนอลิคปฏิบัติภารกิจต้านอนุมูลอิสระ โปรตีนที่มีคุณลักษณะต้านทานเชื้อแบคทีเรีย แล้วก็กรดไขมันเอชดีเอ ที่ช่วยต้านทานเชื้อจุลินทรีย์ ก็เลยคาดว่าบางทีอาจจะช่วยรักษาแผลโรคเบาหวานได้ จากการศึกษาเล่าเรียนชิ้นหนึ่งให้คนไข้ที่มีแผลโรคเบาหวานที่ได้รับการรักษาหลักตามเดิม ทายาที่มีความเข้มข้นของนมผึ้ง 5% ในบริเวณที่เป็นแผลแล้วก็ปิดแผลด้วยแผ่นปิดแผลจำพวกไม่มีเชื้อโรคตรงเวลา 3 เดือนหรือตราบจนกระทั่งแผลจะหาย และมีการวัดผลสัปดาห์ละ 3 ครั้ง พบว่าใช้เวลาเฉลี่ย 41 วันก็เลยทำให้แผลหายดี แล้วก็ค่าถัวเฉลี่ยของความยาว ความกว้าง และก็ความลึกของแผลลดลงวันละ 0.35 มิลลิเมตร 0.28 มิลลิเมตร และ 0.11 มม.เป็นลำดับ จากผลวิจัยอาจกล่าวได้ว่านมผึ้งอาจมีความสามารถเป็นโอกาสหนึ่งสำหรับในการรักษาแผลเบาหวานควบคุ่ไปกับการดูแลรักษาหลัก อย่างไรก็ตามผลการศึกษาเรียนรู้ข้างต้นมีผู้เข้าร่วมการทดลองเพียงแค่ 8 คนซึ่งบางครั้งก็อาจจะเล็กเกินความจำเป็นที่จะสรุปความสามารถของนมผึ้งสำหรับในการรักษาแผลโรคเบาหวาน
แม้กระนั้นการเล่าเรียนชิ้นหนึ่งได้ชี้ให้เห็นผลลัพธ์ของนมผึ้งที่ไม่เหมือนกันออกไป โดยให้คนที่มีแผลโรคเบาหวานป้ายยาซึ่งมีความเข้มข้นของนมผึ้ง 5% ในบริเวณที่เป็นแผลเป็นเวลา 3 เดือนหรือจะกว่าแผลจะหายอย่างเดียวกัน แต่ยังไม่อาจจะสรุปได้ว่านมผึ้งมีคุณภาพสำหรับเพื่อการรักษาแผลเบาหวานได้มากกว่าเมื่อเทียบกับกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก
เพราะการเล่าเรียนอีกทั้ง 2 ชิ้นข้างต้นแสดงให้เห็นผลลัพธ์ของนมผึ้งที่ตรงข้ามกัน จึงอาจยังไม่อาจจะสรุปคุณภาพของนมผึ้งสำหรับการรักษาแผลโรคเบาหวานได้อย่างชัดเจน ก็เลยจำเป็นที่จะต้องศึกษาเล่าเรียนเพิ่มเติม
ทุเลาอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจากโรคมะเร็ง
อาการอ่อนกำลังที่เกิดจากโรคมะเร็งเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการรักษาการฉายรังสีหรือแนวทางการทำเคมีบรรเทา มักมีผลต่ออารมณ์ จิตใจ ร่างกาย รวมทั้งคุณภาพชีวิตของคนป่วย ซึ่งการกินยา การบำบัด หรือการออกกำลังกายบางทีอาจช่วยทุเลาอาการลงได้ รวมทั้งการกินอาหารเสริม ดังเช่นว่า นมผึ้งก็อาจมีส่วนช่วยบรรเทาอาการเหมือนกัน ก็เลยสอดคล้องกับการศึกษาหนึ่งที่ให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 52 คน พบว่ากลุ่มที่กินน้ำผึ้งดัดแปลงและนมผึ้งขนาด 5 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 4 อาทิตย์ มีลักษณะเหน็ดเหนื่อยจากโรคมะเร็งดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเทียบกับอีกกรุ๊ปที่ักินน้ำผึ้งบริสุทธิ์ อย่างไรก็ดียังจำต้องเล่าเรียนเสริมเติมถึงหน้าที่ที่จริงจริงของนมผึ้งในการทุเลาอาการอ่อนเพลียจากโรคมะเร็ง
รักษาไข้ละอองฟาง
โรคภูมิแพ้ประเภทหนึ่งที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองอย่างรุนแรงกับละอองเกสรดอกไม้หรือสารอื่นๆทำให้คนเจ็บมีลักษณะคัดจมูก น้ำมูกไหล คันตา หูอื้อ ฯลฯ ซึ่งจากการศึกษาเล่าเรียนทดสอบโดยให้เด็กอายุ 5-16 ปี ที่เจ็บป่วยละอองฟาง ปริมาณ 80 คน กรุ๊ปหนึ่งรักษาด้วยการรับประทานผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนมผึ้งรวมทั้งอีกกลุ่มรับประทานยาหลอกเป็นเวลา 3-6 เดือน และกระทั่งจะจบฤดูของเกสรดอกไม้ พบว่าทั้งยัง 2 กลุ่มยังคงพบอาการของไข้ละอองฟาง รวมทั้งหรูหราความร้ายแรงของอาการที่ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก จากผลการค้นคว้าอาจกล่าวได้ว่านมผึ้งบางทีอาจไม่มีคุณภาพต่อการรักษาไข้ละอองฟางและไม่สามารถทุเลาอาการต่างๆให้ดียิ่งขึ้นได้ จึงยังจำต้องศึกษาเล่าเรียนเพิ่มอีกเกี่ยวกับประสิทธิภาพของนมผึ้งสำหรับการรักษาไข้ละอองฟางที่เด่นชัดยิ่งขึ้น
ความปลอดภัยในการกินนมผึ้ง
การกินนมผึ้งออกจะไม่มีอันตรายหากกินในจำนวนที่สมควร แต่ว่าก็มีโอกาสที่จะเป็นผลข้างเคียงได้ เป็นต้นว่า เลือดออกในไส้ ปวดท้อง หรือถ่ายเป็นเลือด ฯลฯ บางรายถ้าหากมีลักษณะอาการแพ้อย่างรุนแรงอาจจะส่งผลให้มีลักษณะอาการหอบหืด คอบวม หรือถึงกับตาย ทั้งการใช้นมผึ้งทาที่รอบๆผิวหนังออกจะปลอดภัย แต่ว่าไม่ควรทาบริเวณหนังศีรษะเพราะอาจจะเป็นผลให้กำเนิดอาการแพ้ ผื่นคัน หรือมีลักษณะอักเสบ

Tags : นมผึ้ง

 

Sitemap 1 2 3